#อีกฝากหนึ่งของป่าทึบ
"ท่านปู่ ทำไมเราต้องออกมาหาสมุนไพรยามนี้ด้วยเล่าขอรับ " เสียงเด็กน้อยวัยแปดขวบเอ่ยถาม
" ก็สมุนไพรที่เราจะเก็บมันออกดอกมารับน้ำค้างยามเช้าเท่านั้น พอแสงแดดเริ่มส่องแสงมันก็จะร่วงโรยลงไป " เสียงชายวัยห้าสิบปีเอ่ยขึ้น "เจ้าไม่ต้องสงสัยให้มากความรีบๆเดินเข้าเถิด " เอ่ยจบทั้งสองก็รีบเดินมุ่งหน้าเข้าป่าทึบทันที
ชายวัยห้าสิบปีมีนามว่าหมิงฮุ่ยฉิน ชอบศึกษาตำราสมุนไพรและการปรุงยาเป็นอย่างมาก ชอบหมกมุ่นอยู่กับสมุนไพรไม่สนใจเหตุบ้านการเมืองสักเท่าไร เก็บตัวคิดค้นปรุงยาแปลกใหม่อยู่บนเขาในเขตแคว้นหนิงกับหลานชายวัยแปดขวบของเขาที่มีนามว่าหมิงเย่วฉี หลานชายคนนี้ชอบศึกษาสมุนไพรตั้งแต่เด็ก จนต้องร้องไห้อ้อนวอนมารดาขอมาอยู่กับเขาด้วย เขาเองก็ไม่ได้หวงวิชาความรู้ถ้าหลานชายสนใจเรียนรู้และทนลำบากอยู่กลางป่าเขาห่างไกลผู้คนได้เขาก็ยินดี
หลานชายคนนี้มาอาศัยอยู่กับเขาได้เกือบปีแล้วและตอนนี้ดูเหมือนจะเริ่มชินกับการใช้ชีวิตเสียแล้วด้วย เขาและหลานชายเดินทางจากแคว้นหนิงมายังแคว้นฉินแห่งนี้และได้เข้าพักที่โรงเตี้ยมในเมืองเพื่อรอเวลาออกหาสมุนไพรที่ต้องการ เพราะสมุนไพรชนิดมีอยู่ที่เขตป่าทึบแห่งแคว้นฉินเท่านั้น
" ท่านปู่ดูนั่น!!" เย่วฉีเอ่ยเสียงดังพร้อมกับชี้นิ้วไปยังต้นไม้ใหญ่ "มีคนนั่งอยู่ตรงนั้นขอรับ "
ฮุ่ยฉินมองตามนิ้วมือของหลานชายที่ชี้ไปยังต้นไม้ใหญ่ ก็เห็นว่ามีคนกำลังนั่งอยู่ แต่ใครจะมานั่งเล่นในยามรุ่งสางเช่นนี้กัน เมื่อเพ่งมองดูดีๆก็เห็นว่าคนที่นั่งอยู่น่าจะเป็นสตรี จึงจูงมือหลานชายเดินเข้าไปใกล้ๆ
" ท่านปู่จะดีหรือขอรับใช่คนหรือป่าวก็ไม่รู้ " เย่วฉีกระตุกมือในใจนึกกลัวขึ้นมาเมื่อเดินเข้ามาใกล้
" เจ้านี่ ใจเสาะเสียจริง ถ้าไม่เข้าไปดูแล้วจะรู้ได้อย่างไร รีบๆเดินเร็วเข้า อย่าพูดให้มากความ "
ฮุ่ยฉินเดินมาถึงต้นไม้ใหญ่พบสตรีนั่งหลับตาศีรษะพิงกับต้นไม้ แต่ใบหน้านางนั้นซีดเผือดแถมยังอาภรณ์ที่สวมใส่ก็มีเลือดเปอะเปื้อนเต็มไปหมด จึงลองยกมือขึ้นอังจมูกพบว่านางไม่หายใจแล้ว แต่เพื่อความแน่ใจจึงใช้มือจับชีพจรของนางอีกที
" แปลก.." ฮุ่ยฉินเอ่ยเมื่อรู้สึกถึงชีพจรสายหนึ่งยังเต้นอยู่อ่อนๆ เพื่อความแน่ใจจึงค่อยๆประคองสตรีตรงหน้าให้นอนราบกับพื้นดินทันที
"ท่านปู่จะทำอะไรหรือขอรับ"
"ปู่จะตรวจดูเสียหน่อย "
ขณะที่ฮุ่ยฉินกำลังจะตรวจดูร่างกายของสตรีตรงหน้าจู่ๆก็มีแสงเล็กๆพุ่งลงมาจากฟากฟ้า จนทำให้ทั้งฮุ่ยฉินและเย่วฉีต้องยกมือขึ้นป้องศีรษะตัวเองไว้ด้วยความกลัวว่าสิ่งนั้นจะตกใส่หัวตน
" มันคืออะไรหรือขอรับ ท่านปู่ " เย่วฉีถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน เมื่อลืมตาขึ้นมาพบว่าแสงนั้นหายไปแล้ว
"คงเป็นดาวตกกระมัง ใยเจ้าถึงต้องทำน้ำเสียงหวาดกลัวเช่นนั้นด้วย " ฮุ่ยฉินเอ่ย พร้อมกับก้มมองสำรวจร่างของสตรีตรงหน้า นางไม่มีบาดแผล แต่มีเลือดไหลออกมาบริเวณขาและกลางลำตัว ใช้ความคิดเพียงครู่จึงเอื้อมมือคลำบริเวณหน้าท้องของสตรีตรงหน้า
จริงอย่างที่เขาคิดหน้าท้องกลมนูนแถมยังขยับดิ้นดุกดิกจนฝ่ามือของฮุ่ยฉินรับรู้ได้ " มีเด็กอยู่ในท้องของนาง!! "
ภายในท้องของซูเหม่ยอิงมีเด็กทารกที่กำลังดิ้น ทั้งถีบทั้งดันด้วยความอึดอัด ในที่แห่งนี้ทั้งมืดและอัดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก มันคือที่ไหนกัน? 'จันทร์' ใช้ความคิดจึงนึกขึ้นได้ว่าเธอโดนรถชนเข้าเต็มแรง ร่างกายเจ็บปวดทรมานมากจนขยับตัวไม่ได้ เธอเริ่มหายใจติดขัดและหมดสติลงไป นี่เธอตายแล้วหรือ?
" ท่านปู่เราจะทำเช่นไรดีขอรับ " เย่วฉินได้ยินว่ามีเด็กอยู่ในท้องก็ตื่นเต้นและตกใจ
ฮุ่ยฉินใช้ความคิดถ้ายามปกติการทำคลอดไม่ใช่เรื่องยาก เพราะอย่างไรเสียมารดาย่อมใช้แรงเบ่งขับบุตรออกมาจากท้องของตนอยู่แล้ว แต่!!นี่มันไม่ปกติมารดาของเด็กเสียชีวิตไปแล้ว แล้วบุตรจะออกมาจากท้องได้อย่างไร ฮุ่ยฉินใช้มือทั้งสองข้างค่อยคลำท้องของสตรี ดูเหมือนเด็กในท้องคงอยากจะออกมาภายนอกเต็มที และถ้าขืนมัวชักช้าเด็กอาจจะไม่รอดก็ได้
" ท่านปู่ใยเงียบไปขอรับ แล้วเด็กในท้องจะตายหรือไม่ขอรับ "
" ปู่กำลังใช้ความคิดอยู่ มันมีวีธีหนึ่งแต่ยังไม่เคยมีใครทำกันในแผ่นดินนี้ " ฮุ่ยฉินเอ่ย
" วิธีอะไรหรือขอรับ "
" ผ่าท้องนาง!!"
" ห๊า!! ผะ ผ่า..ท้องหรือขอรับท่านปู่ " เย่วฉีเอ่ยเสียงสั่น
" ใช่ ไหนๆนางก็ตายไปแล้ว มีวิธีเดียวที่จะช่วยลูกของนางได้คือต้องผ่าท้องนำเด็กออกมา มิเช่นนั้นลูกของนางก็จะตายไปด้วย " ฮุ่ยฉินเพิ่งคิดวิธีนี้ออกหมาดๆเขาไม่มีหนทางอื่นให้เลือกแล้ว
จึงตั้งสติหยิบมีดสั้นออกมาจากแหวนจัดเก็บและไม่ลืมหยิบผ้าเช็ดตัวและผ้าเอาไว้ห่อตัวเด็กออกมาด้วย ฮุ่ยฉินใช้มีดตัดอาภรณ์บริเวณหน้าท้องแล้วแหวกออกเผยให้เห็นเฉพาะหน้าท้องกลมนูนเท่านั้น
ฮุ่ยฉินค่อยๆกรีดปลายมีดลงบนหน้าท้องช้าๆทีละชั้น ทีละชั้น เพราะกลัวว่าความคมของมีดจะโดนตัวเด็กได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...