“ซินเอ๋อร์...” เสียงของเย่วฉีเอ่ยตะโกนออกมาพร้อมกับเดินเร็ว ๆ กางแขนสองข้างหวังโอบกอดน้องสาวที่ตนคิดถึงสุดหัวใจ เขาไม่ได้เจอนางมาหลายปีเมื่อมองในระยะไกลก็พอจะทราบได้ว่านางงดงามและเติบโตขึ้นมากเพียงใด แต่ใครจะไปสนใจกันอย่างไรเสียนางก็คือน้องสาวตัวน้อยที่เขารักเสมอมา
เย่วซินได้ยินก็หันขวับตามเสียงนั้นทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดที่เดินหน้าตั้งแถมยังกางแขนอ้าซ่าส์เข้ามา เย่วซินหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าแป้นแล้นลิงโลดนั้น นางต้องเอาคืนเสียหน่อยไม่เช่นนั้นคงนอนไม่หลับเป็นแน่ ว่าแล้วก็กางแขนเรียวทั้งสองข้างออกแล้วเดินมุ่งหน้าเข้าหาชายหนุ่มเช่นกัน แต่ไม่ใช่กอดอาฉีหรอกนะ แต่เป็นพี่เย่วเทียนที่เดินตามมาข้างหลังต่างหาก
“พี่เย่วเทียนข้าคิดถึงท่านที่สุดเลยเจ้าค่ะ” เย่วซินโอบกอดร่างใหญ่โตของพี่ชายที่หน้าตาเรียบนิ่งไม่แสดงออกว่าคิดอ่านเช่นไร จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกของนางเช่นกันที่ได้โอบกอดพี่เย่วเทียนเช่นนี้ แต่ใครจะไปสนใจกันเมื่อมีโอกาสก็ขอหน่อยเถอะ พี่เย่วเทียนหล่อกร้าวใจนางจริงๆ
“ซินเอ๋อร์!!...เหตุใดเจ้าไปกอดพี่ใหญ่ทำไมถึงไม่กอดพี่เล่า” เย่วฉีที่กอดได้เพียงสายลมหันหลังกลับมามองร่างน้องสาวที่คิดถึงกำลังกอดพี่ชายแน่นก็พาลให้ไม่พอใจ
“เอาล่ะ ๆ พอได้แล้วไม่ใช่เด็กน้อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ซินเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้างกินยาก่อนภายในเจ้าอาจได้รับบาดเจ็บ”ฮุ่ยฉินเอ่ยปลามหลานชาย แล้วหยิบเม็ดยารักษาอาการบาดเจ็บภายในส่งให้หลานสาวกินทันที
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านปู่” เย่วซินละมือจากเอวพี่เย่วเทียนแล้วรับยาจากท่านปู่เข้าปากทันทีอย่างไม่อิดออด
“คาราวะท่านปู่ขอรับ” หยางหลงและหยางปิงเอ่ยขึ้นพร้อมกัน เขาทั้งสองคนเคารพชายตรงหน้าเฉกเช่นท่านปู่ของตนเช่นกันเพราะท่านทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมสาบานที่รักใคร่กันยิ่งกว่าพี่น้องที่คลานตามกันออกมาเสียอีก
“คาราวะท่านหมอฮุ่ยฉิน” เป็นจิ้นฝานที่เอ่ยตามมา
“ตามสบายเถิดองค์ชายใหญ่ องค์ชายสาม คุณชายจิ้นฝาน” ฮุ่ยฉินเอ่ยขึ้นอย่างยินดีพร้อมมองไปที่เหล่าบุรุษทั้งหลายอย่างภูมิใจที่พวกเขาเติบโตกันมาได้อย่างผ่าเผยสง่างามยิ่งนัก
“ ซินเอ๋อร์ อิงเอ๋อร์ เสี่ยวชิง คาราวะ องค์ชายใหญ่ องค์ชายสามและคุณชายจิ้นฝานเสีย” ฮุ่ยฉินเอ่ยบอกสตรีทั้งสามคน
“ถวายพระพรองค์ชายใหญ่ องค์ชายสามเพคะ คาราวะคุณชายจิ้นฝานเจ้าค่ะ” ทั้งสามเอ่ยขึ้นพร้อมกันทั้งยังมีท่าทีตกใจไม่น้อยที่ได้รับรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นถึงองค์ชาย
จิวอิงคราแรกก็ยังเหมือนคับคล้ายคับคราใบหน้าบุรุษผู้นั้นแต่พอได้ยินที่เขากล่าวคราแรกว่าเขาคือพี่หยางหลงคนที่เคยไปหานางที่เรือนหลังเล็กท้ายจวน ก็พลันดีใจเป็นอย่างมากเพราะนางเฝ้ารอและคิดถึงเขาอยู่ทุกวัน แต่พอได้ยินท่านปู่แนะนำว่าเขาคือองค์ชายจิวอิงพลันใจกระตุกวาบไม่กล้าแม้จะเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา
“อยู่กันเองเช่นนี้พูดคุยกันธรรมดาเถิดอย่างได้มากพิธีเลย” หยางหลงเอ่ยพลางมองไปที่สตรีหน้าดำที่ท่านปู่ฮุ่ยฉินเรียกว่าอิงเอ๋อร์อย่างค้นหาแต่เมื่อนึกว่าสู้เอ่ยถามไปเสียดีกว่าจึงเอื้อนเอ่ยออกไปทันที
“เจ้าคืออิงเอ๋อร์หรือ? เจ้าจำพี่ไม่ได้หรือ?” หยางหลงเอ่ยถามแม้จะยังมีอีกหนึ่งคำถามในใจแต่ไม่ได้เอ่ยออกมา
“อิงเอ๋อร์จำได้เจ้าค่ะ” จิวอิงเงยหน้าขึ้นตอบ ตอนนี้นางอยู่ภายใต้ใบหน้าที่ดำอัปลักษณ์จึงไม่กล้าสู้หน้าเขาเท่าใดนักใครจะไปคิดว่าจะได้เจอเขาในตอนนี้กันเล่าก็รู้ตัวเองอยู่ว่าตอนนี้สภาพเป็นไรหึ่ย..ไม่น่าเลย
“พวกเจ้ารู้จักกันด้วยหรือ?” ฮุ่ยฉินเอ่ยถาม
“ท่านปู่ข้าก็รู้จักนาง นางทำร้ายข้าดูสิหน้าข้ายังเป็นผื่นไม่หายดีเลย” เย่วฉีเอ่ยแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นว่าสบโอกาส ไม่คิดว่าโลกจะกลมเช่นนี้
“อิงเอ๋อร์นางจะไปทำร้ายเจ้าได้อย่างไรกัน เจ้าจำคนผิดแล้ว” ฮุ่ยฉินเอ่ยบอกหลานชายอย่างมีเลศนัย วันนั้นหลานสาวตัวแสบนางเล่าให้ฟังแล้วว่าไปพบใครและทำอะไรเอาไว้บ้าง “เอาล่ะ ยังมีเรื่องราวมากมายเราค่อยไปพูดคุยกันเมื่อหาที่พักได้ข้างหน้าเถอะ” ฮุ่ยฉินรีบตัดบทเพราะคิดว่ายังมีเรื่องราวอีกมายยังต้องคุยกัน และตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้วด้วย ทั้งหมดจึงเร่งเดินทางไปยังเมืองขนาดเล็กที่อยู่ไม่ไกลนัก เมื่อมาถึงก็ยังพอหาที่พักที่เพียงพอสำหรับทุกคนได้ และนั่งกินอาหารร่วมกันพูดคุยกันไป
“โลกช่างกลมจริงไม่คิดว่าจะบังเอิญได้ขนาดนี้” ฮุ่ยฉินเอ่ยอย่างชอบใจ เมื่อหลานสาวตัวแสบบอกว่าบุรุษที่ช่วยเหลือในป่าครานั้นคือองค์ชายหยางปิงและคุณชายจิ้นฝาน ส่วนองค์ชายหยางหลงก็เคยช่วยเหลืออิงเอ๋อร์ตอนที่อยู่จวนตระกูลซู
“แต่ท่านปู่ยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าอิงเอ๋อร์นางมาเป็นหลานท่านปู่ได้อย่างไรกัน” เย่วฉีเอ่ยถามอย่างใคร่รู้เพราะท่านปู่ก็เหมือนจะรักและเอ็นดูนางมากเช่นกัน
“นางเป็นพี่สาวฝาแฝดของซินเอ๋อร์ต่อไปนี้จะไปอยู่กับเราที่จวน เจ้าสองคนต้องช่วยกันดูแลนางให้ดีนางลำบากมามากไม่เชื่อเจ้าก็ลองถามสหายเจ้าดู” ฮุ่ยฉินเอ่ยบอกหลานชายทั้งสอง
“พี่สาวฝาแฝดหรือ?นางไม่เห็นจะเหมือนซินเอ๋อร์เลย แล้วตอนที่เราพบซินเอ๋อร์ข้าก็จำได้ว่าในท้องมารดานางนั้นมีเด็กเพียงคนเดียว” เย่วฉียังไม่วายเอ่ยถามด้วยความสงสัย ต่างจากคนอื่นที่เป็นผู้ฟังที่ดีแม้จะสงสัยเช่นเดียวกับเย่วฉีก็ตาม
“ไม่เหมือนหรือ?เจ้าสังเกตพวกนางดี ๆ แล้วปู่จะบอกบางอย่างให้เจ้ารู้เอาไว้เย่วฉี วันนั้นที่เจ้าโดนทำร้ายจนหน้าเป็นผื่นน่ะไม่ใช่ฝีมืออิงเอ๋อร์หรอก แต่เป็นน้องสาวสุดที่รักของเจ้าซินเอ๋อร์ต่างหาก นางบอกปู่ว่าทำโทษเจ้าที่จำนางไม่ได้อย่างไรเล่าฮ่าๆๆ” ฉุ่ยฉินหัวเราะชอบใจ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตนคนเดียวที่โดนหลอก
ทั้งห้าคนมองสตรีทั้งสองอย่างค้นหาตามที่ตนบอกแต่ดูเหมือนว่าพวกเขายังทำหน้าไม่กระจ่างอยู่ดีฮุ่ยฉินจึงเอ่ยเสริม “พวกนางเป็นฝาแฝดกันย่อมมีใบหน้าเหมือนกัน แต่ที่อิงเอ๋อร์มีใบหน้าดำนั้นเพราะเอาผงถ่านทาพลางใบหน้าเอาไว้นางหวาดกลัว กลัวโดนทำร้ายความงดงามนั้นมันก็อาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไปมันอาจนำภัยมาสู่ตัวได้ ทีนี้พวกเจ้าเข้าใจหรือยัง แล้วก็อย่าเที่ยวพูดให้ผู้ใดฟังล่ะเพราะนางจะใช้ใบหน้านี้ต่อไป ปู่ก็เห็นด้วยกับนางเช่นกัน”
“เข้าใจแล้วขอรับ” ทั้งหมดเอ่ยรับคำเมื่อทราบเรื่องราว
“ซินเอ๋อร์...เจ้าทำร้ายพี่ได้ลงคอเชียวหรือ?” เย่วฉีไม่วายหันไปทำตาขวางใส่น้องสาว
“อาฉีถ้าพี่ยังพูดมากข้าจะทำให้ท่านพูดไม่ได้สักสองสามวันดีหรือไม่” เย่วซินเอ่ยบอกพี่ชายอย่างเข่นเขี้ยว โตแต่ตัวจริง ๆ อาฉีเอ๋ย...
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าเชื่อแล้วว่านางน่ารักจริง ๆ อย่างที่เจ้าเล่าให้พวกข้าฟัง” หยางปิงเอ่ยล้อเลียนสหายอย่างชอบใจ ต่อไปเย่วฉีคงสงบปากสงบคำลงไปได้มาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...