คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 46

# พรรคอินทรีย์

ตอนนี้เย่วซินและเย่วฉีกำลังเดินมายังโต๊ะอาหารที่เขตที่พักหลังใหญ่ที่ท่านประมุขจ้าวพักอาศัย โดยมีซานจิ่นเป็นผู้นำทางมา

“ซินเอ๋อร์อย่าลืมที่พี่บอกเล่าห้ามมองท่านประมุขด้วยสายตาหยาดเยิ้มเป็นอันขาดเลยนะ” เย่วฉีเอ่ยย้ำน้องสาวเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้

“ท่านบอกข้าเป็นร้อยรอบแล้ว เห็นข้าเป็นคนเช่นไรกัน” เย่วซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงแกมหงุดหงิด

“ก็พี่เห็นเจ้าทำบ่อยไงถึงได้เอ่ยเตือน เจ้าชอบมองพี่ใหญ่ด้วยสายตาหยาดเยิ้มแล้วยังพูดจาหวานหูกว่าพี่ชายคนนี้เสียอีก” เย่วฉีเอ่ยอย่างแง่งอนแต่ก็เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น น้องสาวของเขานางช่างลำเอียงยิ่งนักและเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ยังเล็กเสียด้วยซ้ำ

“ชิ..” เย่วซินเถียงไม่ออกก็เป็นจริงอย่างที่อาฉีเอ่ย นางชอบพี่เย่วเทียนเพราะเขาหล่อเหลาแถมยังชอบทำหน้านิ่งดูกร้าวใจถูกใจนางยิ่งนัก

เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหารพบว่าท่านประมุขจ้าวไท่เหว่ยนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เย่วซินที่ตื่นเต้นมากกว่าผู้ใดที่จะได้เจอบุคคลที่ได้ชื่อว่าหล่อเหลาราวเทพเซียนและยังเก่งกาจไม่เป็นสองรองผู้ใด แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะว่าท่านประมุขจ้าวสวมใส่หน้ากากครึ่งใบหน้าด้านซ้ายปิดบังเอาไว้ เย่วซินทำหน้าห่อเหี่ยวขึ้นมาทันใด

“คาราวะท่านประมุข” เย่วฉีและเย่วซินเอ่ยคาราวะบุรุษผู้น่าเกรงขามตรงหน้า

“พวกท่านทั้งสองตามสบายเถิด เชิญนั่ง”” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ย พลางใช้สายตาสำรวจสตรีร่างบางที่เดินมากับหมอเย่วฉี นางคงเป็นน้องสาวผู้เก่งกาจที่สามารถถอนพิษร้ายของพรรคอสรพิษได้ นางยังดูอ่อนเยาว์นักไม่คิดว่าจะมีฝีมือดีขนาดนั้น แต่ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นหน้ายิ่งนัก เหมือนเคยพบที่ใดมาก่อนหรือไม่  จ้าวไท่เหว่ยครุ่นคิดแต่ก็คิดไม่ออก

“ขอบคุณขอรับท่านประมุข”

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านประมุข”

“นี่คือน้องสาวของข้า นามว่าหมิงเย่วซินขอรับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักคุณหนูเย่วซิน ข้าต้องขอบใจเจ้ามากที่ถอนพิษออกจากร่างกายของข้า” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยในสิ่งที่ตนอยากกระทำยามที่เจอหน้าบุคคลที่ถอนพิษให้ตน พลางมองร่าบางในอาภรณ์สีฟ้าอ่อนขลิบน้ำเงิน นางมีใบหน้าที่งดงามเสียอย่างเดียวที่ตอนนี้ใบหน้านั้นดูบึ้งตึงเหมือนเด็กโดนขัดใจเล็กน้อย แต่ก็ดีเขาไม่ชอบสตรีที่ชอบทำหน้าตาเย้ายวนบุรุษ

“ข้ายินดีช่วยเหลือเจ้าค่ะ และท่านก็ยังให้ค่าตอบแทนข้ามากมายนัก โดยเฉพาะสมุนไพรล้ำค่าพวกนั้นข้าชอบมันที่สุด” เย่วซินเอ่ยพลางนึกถึงสมุนไพรที่ท่านประมุขจ้าวมอบให้ดวงตาก็เปล่งประกายอย่างยินดี จนทำให้คนที่นั่งอยู่เผลอจ้องมองอย่างไม่รู้ตัว

“พี่เชื่อว่าเจ้าชอบที่สุดจนไม่ยอมแบ่งให้ใคร” เย่วฉีเอ่ยเย้าน้องสาวเมื่อเห็นแววตาเปล่งประกายยามที่เอ่ยถึงสมุนไพรล้ำค่าพวกนั้น

“ก็ท่านประมุขมอบให้ข้า” เย่วซินเอ่ยพลางย่นหน้าใส่พี่ชายหนึ่งที นางไม่ได้จะเก็บเอาไว้คนเดียวเสียหน่อย แค่ยังไม่ได้แบ่งให้เท่านั้นเอง

“ข้าดีใจที่เจ้าชอบ เชิญกินอาหารกันเถิด” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกทั้งสองคน ดูเหมือนทั้งคู่จะเป็นพี่น้องที่รักกันและสนิทสนมกันมากเลยทีเดียว จ้าวไท่เหว่ยคิดพลางนึกถึงน้องสาววัยไล่เลี่ยกับร่างบางตรงหน้าเขาคงต้องไปเยี่ยมเยียนนางเสียหน่อยแล้ว

เย่วซินกินอาหารตรงหน้าโดยที่มีคนคอยตักกับข้าวให้จนแทบกินไม่ทัน อาฉีเป็นเช่นนี้เสมอตั้งแต่เล็กจนโตไม่ถามสักคำว่านางจะชอบหรือไม่ แต่ถึงกระนั้นนางก็กินได้ทุกอย่างที่พี่ชายตักให้ เย่วซินแอบชำเลืองมองบุรุษร่างใหญ่ที่นั่งหัวโต๊ะเป็นบางครั้งอย่างเนียนๆทำไมนางถึงรู้สึกคุ้นในน้ำเสียงนั้นนักนะมันเหมือนเคยได้ยินที่ใดมากก่อนแต่ก็นึกไม่ออก

จ้าวไท่เหว่ยกินอาหารอย่างเงียบๆไม่ได้เอ่ยอะไร และรับรู้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่แอบมองมายังตน แต่เมื่อสายตานั้นไม่ได้ทำให้อึดอัดอะไรเขาจึงปล่อยเลยไปไม่ได้ใส่ใจ แต่เมื่อนึกได้ว่าเขายังติดหนี้ร่างบางอยู่จึงเอ่ยถามออกไป

“คุณหนูเย่วซินเจ้าตัดสินใจได้หรือยังว่าจะให้ข้าช่วยเหลือสิ่งใดเป็นการแลกเปลี่ยน”

เย่วซินที่ได้ยินคำถามนั้นก็หยุดชะงักขึ้นมาทันที นางลืมมันไปได้อย่างไรมัวแต่ดีใจที่ได้สมุนไพรล้ำค่ามา นางลืมปิ่นปักผมของท่านแม่ไปได้อย่างไรมันน่าเขกกะโหลกตัวเองยิ่งนัก ดีนะที่จิวอิงไม่ได้เอ่ยถามเรื่องนี้เพราะมัวยุ่งๆกับร้านอาภรณ์ไม่เช่นนั้นต้องโดนนางโกรธเป็นแน่ที่รักษาสมบัติชิ้นเดียวที่ท่านแม่ทิ้งเอาไว้ให้ไม่ได้

“ข้าคิดไว้แล้วเจ้าค่ะ แต่ช่วงนี้ยุ่งๆเลยลืมเสียสนิท” เย่วซินเอ่ยตอบคนร่างใหญ่

“เจ้ามีอะไรให้ข้าช่วยหรือ?บอกมาเถิดถ้าไม่เกินความสามารถข้ายินดี” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างมีมารยาท

“เอ่อ..คือ” เย่วซินอึกอักเล็กน้อยไม่กล้าเอ่ยออกไป พลางเหลือบสายตามองไปยังพี่ชาย

“อะไร..ทำไมถึงมองพี่แบบนั้นเจ้ามีความลับอะไรที่บอกให้พี่รู้ไม่ได้หรือ?” เย่วฉีเมื่อเห็นสายตาของน้องสาวที่จ้องมองมาก็รู้ได้ทันทีว่านางมีเรื่องที่ไม่กล้าเอ่ยต่อหน้าตน

“ก็ประมาณนั้น..” เย่วซินทำหน้าเจื่อนเอ่ยออกไป ใจหนึ่งก็กลัวพี่ชายน้อยใจที่เธอมีความลับ ใจหนึ่งก็ไม่กล้าบอกกลัวโดนพี่ชายดุและไปฟ้องท่านปู่ก็อาฉีขี้ฟ้องจะตายไป

“ซินเอ๋อร์..บอกท่านประมุขจ้าวเสียว่าเจ้าต้องการสิ่งใดต่อหน้าพี่ชายคนนี้” เย่วฉีทำสีหน้าจริงจังและเสียงดังข่มขู่น้องสาวยังไงเขาจะต้องรู้ด้วยให้ได้ว่านางจะให้ท่านประมุขจ้าวทำอะไรกันแน่

“ก็ได้ๆแต่ท่านต้องสัญญากับข้าว่าจะไม่ไปฟ้องท่านปู่” เย่วซินเอ่ยต่อลอง

“ก็ได้ๆ..” เย่วฉีเอ่ยตกลงอย่างน้อยเขารู้ก็ย่อมดีกว่าไม่มีใครรู้เลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน