สรุปเนื้อหา บทที่49 ชาสูตรพิเศษของเย่วซิน – คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน
บท บทที่49 ชาสูตรพิเศษของเย่วซิน ของ คู่แฝดคู่ป่วน ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ไป๋หลัน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
“นั่นสิ พวกเรากินอาหารของเจ้าย่อมต้องออกค่าใช้จ่ายอยู่แล้วมิเช่นนั้นทางร้านของเจ้าจะขาดทุนเอาได้” หนิงเหล่ยหลงเอ่ยเสียงนุ่มนวลบอกหญิงสาวร่างบางที่ตนพึงใจตรงหน้า
“แต่ว่าองค์หญิงแพ้อาหารของทางร้าน อย่างไรก็ให้หม่อมฉันรับผิดชอบเถิดเพคะ” เย่วซินเอ่ย
“เจ้ากล้าขัดเราหรือ?เราเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งแคว้นหานเงินแค่นี้คงไม่ทำให้เราหมดตัวหรอกและเราก็ไม่คิดเอาเปรียบเจ้าด้วย” หานเฟิ่งอวี่เอ่ยบอกหญิงงาม
เย่วซินที่ได้ยินคำว่าองค์รัชทายาทแคว้นหานก็พลันลมหายใจสะดุดกึก หน้าท่านลุงเสวี่ยถังอดีตองค์รัชทายาทที่ถูกทรมานมานานถึงสิบห้าปีก็ลอยเข้ามาให้หัว เย่วซินพินิจมองบุรุษตรงหน้าถือว่าหล่อเหลาแต่แพ้พี่เย่วเทียนของนาง อ้อ..แล้วก็บุรุษบ้าอำนาจอย่างประมุขจ้าวด้วย รูปร่างสมส่วนประมาณหนึ่งแต่รวมๆแล้วถือว่าเป็นบุรุษที่รูปงามใช้ได้ ส่วนสตรีที่เอนอิงอยู่ในอ้อมแขนอายุน่าจะเท่าๆนาง ใบหน้าสวยเย้ายวนชวนลุ่มหลงแต่ดูมีมารยาเยอะพอได้ ดี..วันนี้ถือว่าเป็นวันดีที่จะได้เอาคืนให้ท่านลุงบ้างแม้จะเล็กน้อยก็ตามที
“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทที่เมตตา เช่นนั้นให้หม่อมฉันขอเลี้ยงน้ำชาสูตรพิเศษของหม่อมฉันนะเพคะรับรองว่ารสชาติไม่เหมือนที่ใดอย่างแน่นอน ให้องค์หญิงได้ลิ้มลองเผื่อว่าอาการแพ้อาหารจะดีขึ้นบ้าง” เย่วซินเอ่ย
“ดี เช่นนั้นต้องรบกวนเจ้าแล้ว” หานเฟิ่งอวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพร้อมแย้มยิ้มอย่างมีไมตรี ส่วนเฟิ่งฮวาที่อิงแอบออดอ้อนพี่ชายอยู่นั้นได้แต่กำมือแน่นอย่างเจ็บใจ พี่ชายของนางไม่น่าออกหน้ารับเช่นนี้เลยผิดแผนไปหมด ปกตินางเคยทำเช่นนี้ที่แคว้นของตนเองพี่ชายไม่เคยยื่นมือมาขัดน่าเจ็บใจนัก
เย่วซินเดินมาสั่งพี่เสี่ยวชิงที่รอยืนรออยู่หน้าประตูให้ลงไปนำน้ำชาดอกโม่ลี่ที่นางชอบดื่มขึ้นมาด้านบน ไม่นานพี่เสี่ยวชิงก็ถือถาดกาน้ำชาขึ้นมาอย่างว่องไว เย่วซินก่อนที่นางจะรับมันมาก็จัดจอกชาใบหนึ่งให้ดูเรียบร้อยแล้วรับจากมือพี่เสี่ยวชิงเดินเข้ามาด้านในห้องทันที
เย่วซินวางถาดน้ำชาไว้บนโต๊ะแล้วรินน้ำชาใส่จอกด้วยท่วงท่างดงามอ่อนช้อย เมื่อรินจอกแรกเรียบร้อยก็เอ่ยขึ้น
“เชิญองค์หญิงดื่มก่อนเถิดเพคะสีหน้ายังดูซีดเซียวอยู่เลย อาการแพ้อาหารของแต่ละคนไม่เท่ากันองค์หญิงอย่าวางใจนะเพคะ รีบเรียกหมอหลวงมาดูอาการจะดีกว่า” เย่วซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลปนห่วงใยอย่างสุดซึ้ง เอ่ยบอกให้องค์หญิงผู้แพ้อาหารดื่มชาเป็นคนแรก เย่วซินไม่ได้ยกจอกชาส่งให้เพียงทำหน้าที่รินให้เพียงเท่านั้น เหตุเพราะกลัวว่านางส่งให้จะเป็นการไม่สมควร
“ข้ารู้แล้วเจ้าอย่าได้กังวลนักเลย” หานเฟิ่งฮวาพยายามเอ่ยอย่างมีมารยาทแม้ในใจจะร้อนลุ่มมากก็ตาม ตอนนี้อยู่ต่อหน้าบุรุษทั้งสองนางต้องสงบใจลงให้มากไม่อาจแสดงอารมณ์ร้ายออกมาได้ต้องสร้างภาพลักษณ์ดีงามเอาไว้ให้แนบเนียนที่สุด เฟิ่งฮวาจำต้องยกจอกน้ำชาขึ้นมาดื่มแม้ในใจจะรังเกียจมากก็ตาม
เย่วซินยิ้มหวานพอใจเมื่อเห็นว่าองค์หญิงผู้แพ้อาหารยอมดื่มชาสูตรพิเศษเข้าไป จากนั้นก็รินน้ำชาอีกสองจอกให้บุรุษสูงศักดิ์ที่จ้องมองเธอไม่ละสายตา
“เชิญดื่มเพคะองค์รัชทายาท องค์ชายรอง”
“อืม..ชานี้รสชาติหวานหอมอ่อนๆชื่นใจมากเราไม่เคยลิ้มลองที่ใดมาก่อนจริงๆ แล้วเจ้าเคยลิ้มลองมาบ้างหรือไม่เหล่ยหลง” เฟิ่งอวี่เอ่ยชมรสชาติน้ำชาของหญิงสาวแล้วหันไปถามจากสหายเพราะสหายบอกว่าเคยมาทานอาหารที่ร้านแห่งนี้อยู่บ้าง
“ข้าก็เพิ่งเคยลิ้มลองเช่นกัน” เหล่ยหลงเอ่ยตอบสหายตามความจริง ชานี้หอมอร่อยจริงๆอย่างที่สหายบอกเขาก็ชักจะติดใจเสียแล้ว
“ชาชนิดนี้หม่อมฉันนำมาชงดื่มเองไม่ได้เอาไว้ขายให้ลูกค้าเพคะ เพราะมีจำนวนไม่มากเท่าใดนัก” เย่วซินเอ่ยบอกจะมีมากได้อย่างไรก็นางเล่นเอาร้อยพวงมาลัยแทบจะทุกวัน ดอกมะลิแทบจะผลิดอกไม่ทันอยู่แล้ว
“แค่กๆ” เสียงไอจากคนในอ้อมกอดที่อิงซบอยู่ไอขึ้นเฟิ่งอวี่จึงหันไปมองแล้วกล่าวถามไถ่อาการ
“ฮวาเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรอาการดีขึ้นบ้างหรือยัง”
“น้องรู้สึกเจ็บคอและร้อนบริเวณลำคอและริมฝีปากเพคะเสด็จพี่” เฟิ่งฮวาเอ่ยบอกพี่ชายด้วยน้ำเสียงออดอ้อน อาการเช่นนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่หลังจากดื่มชาเข้าไป ยาพิษที่นางใช้กับตัวเองว่าเป็นอาการของแพ้อาหารนั้นมันไม่ได้ออกฤทธิ์เช่นนี้เพราะนางเคยใช้มันมาหลายครั้งแล้วหรือว่าเป็นเพราะชาของสตรีนางนี้กัน
“เจ้าเอาชาอะไรมาให้ข้าดื่มเหตุใดอาการถึงแย่ลงเช่นนี้” เฟิ่งฮวาเอ่ยด้วยเสียงไม่พอใจ
“ชาสูตรพิเศษของเจ้าใช่สูตรเดียวกับที่พี่และเย่วฉีเคยดื่มหรือ?” เย่วเทียนเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจเมื่อได้ยินว่าชาสูตรพิเศษเพราะมันยังก้องอยู่ในหัวของตนอยู่เลยนับตั้งแต่ตอนนั้น เมื่อมองใบหน้างามเจ้าเล่ห์พยักหน้าขึ้นลงเขาก็แทบอยากจับนางมาตีก้นสักทีสองที นางถึงขั้นวางยาเชื้อพระวงศ์เลยหรือ?ถ้าโดนจับได้โทษประหารเชียวนะ
“ท่านอย่ากังวลเลยไม่มีใครจับได้หรอก ไม่มีหลักฐานเสียหน่อยแล้วองค์หญิงนั่นบอกว่าแพ้อาหารพอหมอหลวงตรวจดูเขาก็จะกล่าวว่า เกิดจากผลข้างเคียงอาการแพ้อาหารข้าทำข้าต้องคิดเผื่อเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ยบอกพี่ชายเมื่อเห็นว่าเขามีสีหน้ากังวล
“คนอื่นไม่รู้แต่องค์หญิงแคว้นหานต้องรู้แน่ๆนางก็พอรู้เรื่องพวกนี้ไม่น้อย มารดาของนางเป็นถึงบุตรีของพรรคอสรพิษเชียวนะ” เย่วเทียนเอ่ยเตือน
“พวกเลวทรามต่ำช้าเข่นฆ่าผู้คนเพื่อให้ตัวเองเป็นใหญ่สักวันพวกมันต้องพังพินาศอย่างแน่นอนสาธุ” เย่วซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงแค้นเคืองพลางยกมือพนมขึ้นเหนือหัวเพื่อแช่งชักคนเลวด้วยสีหน้าจริงจัง
เย่วเทียนยกมือลูบหัวน้องสาวอย่างเอ็นดูในท่าทางนั้น เขาเคยเล่าให้นางฟังเรื่องพรรคอสรพิษร่วมมือกับกบฏยึดบัลลังก์แคว้นหาน นางคงไม่ชอบใจกับความโหดร้ายนั้นแต่อย่างไรเขาก็ไม่อยากให้นางเอาตัวเองเข้าเสี่ยงเช่นนี้เลย
“อ้อ..พี่เกือบลืมเย็นนี้พี่นัดท่านแม่ทัพซูให้มาเจอพวกเจ้าที่นี่ อิงเอ๋อร์ทราบเรื่องแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ลุงของเจ้าเดินทางมากับขบวนคณะทูตด้วย เขาออกตามหาพวกเจ้าตั้งแต่รู้ข่าวครานั้นอย่างไรก็คุยกับท่านให้เข้าใจกันเสียท่านจะได้ไม่ต้องกังวลอีก” เย่วเทียนเอ่ย เขาได้เข้าพบแม่ทัพซูและบอกกล่าวเพียงว่ามีคนต้องการพบเขาอยู่ที่โรงเตี๊ยมหมิงฟู่ยามอิ่ว(17.00-18.59)เพียงเท่านั้นและแม่ทัพซูก็รับปากว่าจะมาตามนัดเช่นกัน
“ขอบคุณพี่เย่วเทียนมากเจ้าค่ะลำบากท่านแล้ว เพื่อเป็นการตอบแทนข้าขอเลี้ยงน้ำชาสูตรพิเศษท่านดีกว่ายิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆดื่มแล้วจะได้ชื่นใจหายเหนื่อย” เย่วซินเอ่ยอย่างเอาใจหนุ่มหน้านิ่งที่ช่วงนี้เขาใจดีมาก เลยไม่ทันได้ฉุกคิดถึงคำพูดของตัวเอง
“เอ่อ..พี่ต้องรีบไปทำงานต่อตอนเย็นจะเข้ามาอีกทีพี่ไปล่ะ” เย่วเทียนเอ่ยจบก็หันหลังเดินออกจากห้องไปทันที
“อ้าว..พี่เย่วเทียนจะรีบอะไรขนาดนั้นแค่ดื่มน้ำชาเองไม่เสียเวลาเท่าใดหรอก” เย่วซินเอ่ยไล่หลังร่างสูงของพี่ชายแต่กระนั้นเขาก็ไม่หันกลับมาเลยแม้แต่นิดเดียว..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...