คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 5

หยางหลงที่เห็นก็พลันนึกสงสัย "เด็กน้อยใยเจ้าไม่รีบกลับเรือนไปเล่า "

" ข้ากลับเรือนไม่ถูกเจ้าค่ะ " เด็กน้อยเริ่มใจคอไม่ดีนึกถึงคำที่พี่เสียวชิงเคยพูดขู่เอาไว้ก็พลันหน้าซีดลง

หยางหลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน จะเดินไปส่งก็ไม่ได้เขาเองก็ไม่รู้จักหนทางในจวนนี้เช่นกัน

" คุณชายเจ้าไม่รู้จักนางหรือ นางเป็นบ่าวเรือนของเจ้านะ " หยางหลงเอ่ยถามบุตรของเจ้าของจวน

ซูหมิงลู่ใช้ความคิดบ่าวไพร่ในเรือนของตนนั้นไม่มีผู้ใดมีบุตรเล็กๆเลยแล้วนางเป็นบุตรผู้ใดกัน แต่ยังไม่ทันได้คิดออกพลันได้ยินเสียงสตรีดังขึ้นมา

" คุณหนู!!.." เสี่ยวชิงตะโกนออกมาอย่างตกใจที่เห็นคุณหนูจิวอิงยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ในใจคิดว่าคงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเป็นแน่

หลังจากเตรียมมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยก็ออกมาหาคุณหนูหน้าเรือน แต่หาเท่าใดก็ไม่พบจึงร้อนใจเป็นอย่างมากรีบออกตามหาจนมาพบคุณหนูจิวอิงอยู่ที่ลานใกล้เรือนใหญ่

" พี่เสี่ยวชิง!!..'' จิวอิงตะโกนตอบกลับอย่างดีใจก้าวเท้าเตรียมวิ่งไปหาแต่ร่างน้อยกลับล้มลงไปกองกับพื้นทันที

หยางหลงที่ยืนอยู่ใกล้จึงช่วยดูอาการของเด็กน้อยก็พบว่าข้อเท้าของนางแดงๆคงเพราะเท้าแพลง

" คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า " เสี่ยวชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน ตนเลี้ยงดูคุณหนูมาไม่เคยเลยสักครั้งที่ต้องเจ็บตัวหรือป่วยไข้

" อิงเอ๋อร์เจ็บที่ข้อเท้าเจ้าค่ะ "

" อ้อ..ที่แท้เจ้าคือคนที่อยู่เรือนท้ายจวนนี่เอง " ซูหมิงลู่เอ่ยแทรกขึ้นมาเขาจำสาวใช้ของท่านน้าเหม่ยอิงได้และเคยได้ยินท่านปู่และท่านพ่อคุยกัน "ท่านปู่สั่งเอาไว้ว่าห้ามพวกเจ้ามาเหยียบบริเวณเรือนใหญ่เจ้ากล้าขัดคำสั่งเช่นนั้นหรือ" ซูหมิงลู่เอ่ยเสียงเข้ม

" บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ลงโทษบ่าวเถิดคุณหนูจิวอิงยังเล็กนักนางไม่รู้เรื่องเจ้าค่ะ " เสี่ยวชิงคุกเข่าก้มหน้าโขกศีรษะลงกับพื้น

" วันนี้มีผู้คนมาร่วมยินดีกับท่านพ่อมากมายนับว่าเป็นโชคดีของพวกเจ้าข้าจะไม่นำเรื่องนี้ไปบอกท่านปู่เจ้าสองคนรีบกลับเรือนไปเสีย " ซูหมิงลู่เอ่ย

" ขอบคุณเจ้าค่ะคุณชายใหญ่ " เสี่ยวชิงก้มศีรษะโขกพื้นอีกครั้งแล้วรีบลุกขึ้นอุ้มคุณหนูจิวอิงไว้ในอ้อมแขน "ขอบคุณคุณชายเจ้าค่ะที่ช่วยเหลือ" เสี่ยวชิงไม่ลืมหันไปค้อมศีรษะให้คุณชายที่ยืนอยู่ข้างกายคุณหนูจิวอิงด้วยเช่นกัน

หยางหลงพยักหน้ารับคำขอบคุณ ในใจพลางคิดเรื่องบางอย่าง บ่าวผู้นี้เรียกเด็กน้อยว่าคุณหนู? แล้วเหตุใดนางถึงต้องไปอาศัยอยู่ที่เรือนท้ายจวนกัน หรือว่าจะมีเรื่องราวที่ซับซ้อนบางอย่างเกิดขึ้น แต่ช่างน่าสงสารเด็กน้อยยิ่งนัก เฮ้อ..หยางหลงคิดในใจพลางถอนหายใจออกมาพร้อมกับมองแผ่นหลังของบ่าวที่อุ้มเด็กน้อยจนหายลับสายตาไป

" คุณหนูของบ่าวเจ็บมากหรือไม่เจ้าค่ะ " เสี่ยวชิงที่กำลังเช็ดตัวคุณหนูจิวอิงเห็นรอยแดงเป็นจ้ำหลายจุดจึงเอ่ยถามด้วยความกังวล

จิวอิงพยักหน้ารับคำแทนคำตอบ ตัวเธอรู้สึกผิดยิ่งนักที่ขัดคำสั่งของพี่เสี่ยวชิง "พี่เสี่ยวชิงเจ็บมากหรือไม่เจ้าคะ" จิวอิงยื่นมือลูบหน้าผากของพี่เสี่ยวชิงที่มีรอยแดงช้ำอย่างเบามือ

" บ่าวไม่เจ็บหรอกเจ้าค่ะ "

" อิงเอ๋อร์ขอโทษ อิงเอ๋อร์จะไม่ดื้ออีกแล้ว.." จิวอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดพร้อมน้ำตาที่เอ่อซึมออกมา

" ดีเจ้าค่ะ บ่าวไม่อยากเห็นคุณหนูต้องเจ็บตัวอีก " ทั้งสองนายบ่าวกอดกันร้องไห้ด้วยความรู้สึกผิดในใจกันทั้งคู่ จิวอิงรู้สึกผิดที่ไม่เชื่อฟังและทำให้พี่เสี่ยวต้องเจ็บตัว ส่วนเสี่ยวชิงรู้สึกผิดที่ดูแลคุณหนูไม่ดีจนต้องเจ็บตัวเช่นนี้

เสี่ยวชิงต้มยาแก้ปวดลดไข้ให้คุณหนูจิวอิงดื่มก่อนนอนเพราะกลัวว่าจะมีไข้ตอนดึก ที่เรือนหลังเล็กนี้เสี่ยวชิงมียาสมุนไพรหลายอย่างที่ซื้อมาเก็บเอาไว้เผื่อยามจำเป็นต้องใช้จะได้ไม่ต้องลำบากไหว้วานให้สหายบ่าวหาซื้อให้อีก ทั้งสองนอนกอดกันแล้วหลับไปในที่สุด

# กระท่อมน้อยบนเขา แคว้นหนิง

ยามเฉิน(07.00-08.59) ร่างของเด็กน้อยเย่วซินวัยสามขวบเศษกำลังนั่งทายาแก้ฟกช้ำอยู่ ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดตามร่างกายถึงได้มีรอยฟกช้ำเกิดขึ้นมาได้ เพราะถึงแม้ว่าเธอจะชอบทำอะไรด้วยตนเอง แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ร่างกายเจ็บช้ำเลือดตกยางออกเลยสักครั้งเดียว

หลังจากทายาและแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเย่วซินก็รีบเดินออกจากห้องส่วนตัวทันที ใช่แล้วเธอมีห้องส่วนตัวเพราะท่านปู่ให้คนมาต่อเติมให้แต่กระนั้นพี่เย่วฉีก็แอบเข้ามานอนกับเธออยู่เป็นประจำโดยอ้างว่านอนไม่หลับถ้าไม่ได้นอนกอด ก็แหงล่ะเธอยังจำได้ดีเขานอนกอดเธอทุกคืนตั้งแต่วันแรกที่ลืมตายันวันนั้ถึงแม้ยามดึกเธอจะแอบถีบเขาให้ออกบ้างก็ตามที

" ท่านปู่หลานพร้อมแล้วเจ้าค่ะ " เย่วซินตะโกนบอกท่านปู่ตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากห้อง

" ตัวแค่นี้ใยแต่งตัวนานนักหืม.." เย่วฉีเดินเข้ามาหาร่างเล็กพร้อมย่อตัวลงมองนางช่างน่ารักเสียจริงเขาชักไม่อยากให้ใครเห็นนางเสียแล้ว

" ชิ " เย่วซินย่นจมูกใส่พร้อมสะบัดหน้าเมินคนตรงหน้าแล้วเดินไปหาท่านปู่ทันที คนอะไรไม่เข้าใจผู้หญิงเลยเป็นหญิงย่อมต้องแต่งตัวนานเป็นเรื่องธรรมดา..

" พร้อมแล้วก็ไปกันเถิด รถม้ารออยู่ด้านล่างแล้ว " ฮุ่ยฉินเอ่ยพร้อมกับอุ้มหลานสาวขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เพราะต้องเดินเท้าลงเขาไปประมาณสี่ลี้ถึงจะเจอรถม้า

ทั้งหมดใช้เวลาในการเดินลงเขาประมาณหนึ่งเค่อเท่านั้น เย่วซินคิดในใจว่าท่านปู่และพี่เย่วฉีคงฝึกวิชาอะไรสักอย่างเป็นแน่ถึงได้เดินเหินว่องไวเช่นนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน