"มันเป็นบุญวาสนาที่ทำให้ข้าได้พบเจอนาง ข้าไม่รู้หรอกว่าบิดามารดาของนางคือผู้ใด รู้แต่ว่ามารดาของนางนอนสิ้นใจอยู่ในป่าทึบแคว้นฉิน ข้าและเย่วฉีพบเจอเข้าจึงช่วยเด็กออกมาได้ทันก่อนที่นางจะสิ้นใจตายตามมารดาไป แล้วตลอดระยะเวลาสามปีก็เป็นอาฉีที่เลี้ยงดูนางมาเองกับมือ " ฮุ่ยฉินเอ่ยเล่าเรื่องราวคร่าวๆให้ทุกคนได้ฟัง
" ห๊า!!.." สองเสียงประสานกันอย่างตกใจส่วนเย่วเทียนก็มองมาที่น้องชายอย่างประหลาดใจเช่นกัน
" เจ้าเลี้ยงนางมาได้อย่างไร เลี้ยงเด็กสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ " จูเซียนเอ่ยอย่างสงสัย ตนเองเลี้ยงบุตรทั้งสองคนมาถึงแม้จะมีสาวใช้คอยช่วยดูแลแต่ก็ยังคงเหนื่อยล้ามากเช่นกัน
" พวกเจ้าไม่ต้องสงสัยหรอกเย่วซินไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆนางพิเศษกว่าเด็กธรรมดารู้แค่นี้ก็พอ ทานข้าวกันเถิดกับข้าวจะเย็นชืดเสียหมด " ฮุ่นฉินเอ่ยตัดบทเพราะถ้าให้เล่าคงยืดยาวทั้งวันก็ไม่จบกับเรื่องวีรกรรมของหลานสาวตัวแสบ
เย่วซินตักอาหารทานเองได้โดยไม่ต้องมีคนป้อนและยังไม่หกเลอะเทอะอีกด้วย นางใช้ตะเกียบคล่องแคล่วราวกับคนโตเสียด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าแขนสั้นป้อมจะตักอาหารไม่ถึงแต่เย่วฉีที่นั่งอยู่ข้างๆก็คอยตักใส่ถ้วยของนางอย่างสม่ำเสมอ
สายตาของหมิงอวี้หลางและภรรยามองเด็กสองคนแล้วยิ้มตามกับภาพที่เห็นอาฉีดูเป็นเด็กที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากแถมยังเป็นเด็กชายที่อบอุ่นด้วยเสียด้วย ผิดกับอาเทียนที่เคร่งขรึมไม่ค่อยพูดจาวันๆเอาแต่ฝึกปราณยุทธ์พอว่างก็เข้าห้องตำราหมกมุ่นอยู่ในนั้นนานสองนาน
" อาหลางวันนี้ไม่เข้าวังหรือ? " ฮุ่ยฉินเอ่ยถามบุตรชาย เพราะบุตรชายทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ของฮ่องเต้
" วันนี้เข้าช้าหน่อยขอรับท่านพ่อ นานๆจะได้อยู่พร้อมหน้าเช่นนี้ "
" แล้วท่านพ่อไม่เข้าเฝ้าฮ่องเต้หรือขอรับ พระองค์ทรงตรัสถามถึงอยู่บ่อยครั้ง " อวี้หลางเอ่ยถามบิดาที่เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับฮ่องเต้ทั้งสองรักกันดุจพี่น้อง ท่านพ่อจากเมืองเข้าป่ามาหลายปีพระองค์ทรงคิดถึงอยู่ไม่น้อย
ฮุ่ยฉินครุ่นคิดอยู่ในใจตนเองไม่ได้พบฮ่องเต้มานานมากแล้วไปพบเสียหน่อยก็ดีเหมือนกัน "เช่นนั้นเจ้ากราบทูลฮ่องเต้ว่าพรุ่งนี้ยามอู่ข้าจะขอเข้าพบ "
" รับทราบขอรับท่านพ่อ "
หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อยจูเซียนขออนุญาติบิดาของสามีให้เย่วซินเรียกตัวเองว่าท่านแม่และเรียกสามีว่าท่านพ่อและท่านก็อนุญาติ จูเซียนพาเด็กน้อยเย่วซินมานั่งที่เก๋งกลางสวนดอกไม้ ในสวนมีดอกไม้มากมายหลายชนิดส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว
เย่วซินกวาดสายตามองรอบๆจวนพบว่าจวนหลังนี้กว้างขวางมากจนมองไม่สุดตา บ่าวไพร่ก็มากมายเดินกันขวักไขว่ถ้าให้เธอเดินสำรวจรอบๆคงได้หลงทางกันบ้าง
" ซินเอ๋อร์เจ้าชอบที่นี่หรือไม่ " จูเซียนเอ่ยถามเด็กน้อย
" ชอบมากเลยเจ้าค่ะ " เย่วซินเอ่ยตอบเสียงใส
" เช่นนั้นเจ้าอยู่กับแม่ที่นี่เลยดีหรือไม่ ไม่ต้องตามท่านปู่กลับเข้าป่าอีกแล้ว " จูเซียนอยากให้เด็กน้อยอยู่กับตนเอง เธออยากมีบุตรสาวมานานแล้ว
" ท่านแม่!!..ท่านกำลังล่อลวงนางอยู่ ข้าไม่ยอมหรอก ข้าเลี้ยงนางมาแต่อ้อนแต่ออกนางต้องอยู่กับข้าสิขอรับ " เย่วฉีเอ่ยขัดขึ้นมาทันที
" เจ้าลูกตัวดี ถ้าเจ้าไม่อาสาเลี้ยงดูนางท่านปู่คงเอานางมาให้แม่เลี้ยงเองแล้วมันช่างน่านัก.." จูเซียนเอ่ยเสียงหงุดหงิดมองบุตรตาเขียวปัดพลางคิดในใจว่าต้องทำอะไรบางอย่างกับเด็กคนนี้เสียบ้างแล้ว
" ซินเอ๋อร์ พี่จะพาเจ้าไปเดินชมรอบจวนไปกันเถิด " เย่วฉีเอ่ยชวนเด็กน้อย
" ท่านแม่ข้าจะพาซินเอ๋อร์ชมรอบจวนประเดี๋ยวกลับมานะขอรับ " เย่วฉีเอ่ยขอมารดา
" ก็ได้ๆดูแลน้องดีๆล่ะ "
" ขอรับ "
หลังจากนั้นเย่วฉินก็พาเย่วซินเดินดูรอบๆจวนจนมาถึงลานฝึกยุทธ์ เย่วฉีพาเด็กน้อยเดินมายังกระโจมด้านข้างที่มีพี่ชายนั่งพักอยู่
" พี่ใหญ่ข้าพาซินเอ๋อร์มาดูพี่ใหญ่ฝึกยุทธ์ขอรับ" เย่วฉีเอ่ยบอกพี่ชาย
" นางเป็นหญิงใยไม่พาไปชมสวนกันเล่า " เย่วเทียนเอ่ยบอกน้องชาย
" ข้าพาไปจนรอบจวนแล้วเหลือแต่ที่นี่แหละขอรับ " เย่วฉีเอ่ยกับพี่ชายแล้วหันไปถามเด็กน้อย "ซินเอ๋อร์เจ้าชอบอาวุธพวกนี้หรือเปล่าถ้าชอบพี่จะขอพี่ใหญ่ให้"
" เจ้านี่!! นางยังเล็กใยเจ้าให้นางจับอาวุธ " เย่วเทียนเอ่ยดุน้องชายถ้าเกิดพลาดพลั้งไปนางคงเลือดตกยางออกเป็นแน่
" พี่ใหญ่นางเหมือนเด็กคนอื่นที่ไหนกันเล่า " เย่วฉีเอ่ยบอกพี่ชาย
เย่วซินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตวัดสายตามองเย่วฉีตาขวางทันที มาหาว่าเธอไม่เหมือนเด็กคนอื่น ไม่เหมือนอย่างไรกันเธอก็ปกติดี..
" แฮะๆพี่ไม่ได้ว่าเจ้าเลยนะซินเอ๋อร์พี่ชมเจ้าต่างหาก " เย่วฉีรีบเอ่ยแก้ตัวเมื่อเห็นเด็กน้อยมองตาขวางใส่ตน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...