บทที่7 คนไข้รายแรก – ตอนที่ต้องอ่านของ คู่แฝดคู่ป่วน
ตอนนี้ของ คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่7 คนไข้รายแรก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เย่วฉีอุ้มร่างน้อยเดินมายังห้องตำราห้องนี้กว้างขวางมีตำรามากมายหลายอย่างจัดแบ่งเป็นสัดส่วนอย่างมีระเบียบง่ายต่อการค้นหา
" เจ้าจะอ่านตำราอะไรบอกพี่มาประเดี๋ยวจะหยิบมาวางเอาไว้ให้ " เย่วฉีเอ่ยถามเพราะนางตัวเตี้ยนิดเดียวคงหยิบไม่ถึงพลางอุ้มนางเดินดูตำราตามชั้นต่างๆ
เย่วซินมองไปรอบๆเห็นมีเก้าอี้วางอยู่จึงเอ่ยบอกคนตัวโต "ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวข้าหยิบเอง"เย่วซินเอ่ยพร้อมชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง "อ้อ!ตอนนี้อุ้มข้าไปหยิบเล่มนนั้นก่อน" เย่วซินชี้นิ้วไปที่หนังสือเล่มหนึ่งที่เขียนว่าฝึกพลังปราณ
เย่วซินหยิบหนังสือที่เธอจะอ่านและให้เย่วฉีอุ้มมานั่งที่ตั่งยาวมีฝูกสีขาวนุ่มนิ่มปูเอาไว้แล้วจึงให้เขาออกไปได้ เธอนั่งอ่านหนังสือเงียบๆด้วยความสนใจ ยุคสมัยนี้มีคนที่ฝึกพลังปราณกันอยู่จำนวนมากและส่วนมากจะเป็นบุรุษแต่ใช่ว่าจะฝึกฝนกันได้ทุกคน บางคนเส้นพลังปราณเล็กมากไม่สามารถฝึกได้ และคนที่ฝึกพลังปราณได้ก็ต้องมีเส้นพลังที่ใหญ่หนาและแข็งแรงจะได้ไม่ถูกธาตุไฟเข้าแทรกหรือเส้นพลังฉีกขาดขณะฝึกฝน
' อืม..นับว่ายากอยู่พอสมควรแล้วเส้นพลังของเธอมันใหญ่หรือเปล่านะ' เย่วซินคิดในใจ
เย่วซินเปิดอ่านหนังสือไปเรื่อยๆจนจบเล่มแล้วลุกขึ้นยืนโดยทิ้งน้ำหนักไปยังเท้าข้างที่ไม่เจ็บเดินโขยกเขยกลากเก้าอี้มายังจุดที่หยิบหนังสือออกมาเพื่อจะเก็บมันเข้าที่
เธอปีนขึ้นเก้าอี้เอื้อมมือเพื่อวางหนังสือเก็บเข้าที่แต่เหลืออีกนิดเดียวก็จะถึงเธอเขย่งปลายเท้าจนสุดแล้วเอื้อมมือจนสุดแขน แต่เท้าของเธอที่ยังไม่หายเจ็บดีมันดันกำเริบเจ็บแปลบขึ้นมาจนเสียหลักหงายหลังเย่วซินหลับตาแน่นเกร็งตัวเตรียมพร้อมรับความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่เอ๊ะ..ทำไมมันไม่เจ็บเสียทีคิดได้ดังนั้นจึงลืมตาขึ้นมามอง พลันสบสายตาเข้ากับดวงตาคมดุกำลังจ้องมองมายังเธออยู่เช่นกัน และตอนนี้เขากำลังอุ้มร่างน้อยๆของเธอเอาไว้ในอ้อมแขน
เย่วซินหัวใจเต้นแรงเมื่อถูกหนุ่มเย็นชาหน้าน้ำแข็งอุ้มถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะยังเป็นเด็กชายแต่ประกายความหล่อช่างเต็มสิบเหลือเกิน 'โชคดีชะมัดอย่างน้อยครั้งหนึ่งเธอก็เคยอยู่ในอ้อมแขนของเขาแหละน่า..'
" คิดแก่แดดอะไรอยู่รึ? " เย่วเทียนเอ่ยถามเมื่อเห็นแววตาและสีหน้ากรุ้มกริ่มของเด็กน้อย
" ปะ..เปล่าคิดเสียหน่อย " เย่วซินเอ่ยปฏิเสธเสียงกุกกักที่โดนจับได้ว่าคิดไม่ซื่อ คนอะไรฉลาดเป็นบ้า
เย่วเทียนหยิบตำราในมือของเด็กน้อยมาเก็บไว้ที่เดิม "เจ้าอ่านออกหรือ?" เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะเเอบมองนางอยู่สักพักหนึ่งแล้วตั้งแต่นางเข้ามาจนถึงตอนที่ลากเก้าอี้เพื่อเก็บตำรา ดีนะที่เขาอยู่ในห้องนี้พอดีไม่เช่นนั้นเด็กน้อยคงได้เจ็บตัวอีกเป็นแน่
เด็กน้อยพยักหน้าตอบแต่เขาไม่เชื่อหรอกเด็กสามขวบจะอ่านตำราที่เข้าใจอยากเช่นนี้ได้อย่างไร นางคงเปิดดูภาพวาดหรือไม่คงซุกซนตามประสาเด็กอยาดรู้อยากเห็นเพียงเท่านั้น
" จะกลับเรือนเลยหรือไม่ข้าจะเดินไปส่ง " เพราะเขาเองก็จะกลับเรือนเเล้วเช่นกันปล่อยเด็กน้อยเอาไว้เช่นนี้ไม่ได้ประเดี๋ยวรื้อตำราเสียหายกันหมดพอดี
เย่วซินที่เพิ่งอ่านหนังสือไปแค่เล่มเดียวก็อยากจะอ่านต่ออีก แต่เมื่อเห็นสายตาดุดันคู่นั้นเธอก็รู้ความหมายทันที
" กลับก็ได้เจ้าค่ะ " เย่วซินตอบไม่เต็มเสียงเท่าไร
เย่วเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็อุ้มร่างเล็กเดินออกไปจากห้องตำรามุ่งหน้ากลับเรือนส่งเด็กน้อยเข้านอนทันที
" นอนได้แล้วอย่าเที่ยวซุกซนให้มาก " เย่วเทียนเอ่ยหลังจากวางร่างเล็กบนเตียงนอนเรียบร้อย น้ำเสียงที่เอ่ยคล้ายดุเล็กน้อยเพราะขาดความอ่อนโยนของน้ำเสียงไป "แล้วทายาหรือยัง" เย่วเทียนเอ่ยถามต่อแต่ในใจกลับนึกก่นด่าตนเองว่าทำไมต้องถามด้วยเขาไม่ได้เป็นห่วงนางเสียหน่อย
" ยังเลยเจ้าค่ะ " เย่วซินเอ่ยตอบโดยแอบหวังว่าเจาจะเป็นห่วงและอาสาทายาให้เธอ
" เช่นนั้นก็รีบทารีบนอนเสีย "
เย่วซินผิดหวังอย่างแรงแต่อย่างว่าผู้ชายเย็นชาหน้าน้ำแข็งต้องแบบนี้แหละถึงจะเจ๋งโคตรๆ..ยืนหยัดความเย็นชาเอาไว้ให้ตลอดไปนะข้าชอบ..
" คิดเรื่องแก่แดดอีกแล้วรึ?ฮึ.." เย่วเทียนเอ่ยจบก็เดินจากไปทันที
“ ท่านแม่ที่จวนมีห้องปรุงยาหรือไม่เจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ยถามเพราะไม่แน่ใจเธอเองก็ลืมถามท่านปู่เสียสนิท
“มีสิท่านปู่ของเจ้าชอบปรุงยาชอบสะสมสมุนไพรหลากหลายชนิด”
“อย่างนั้นหรือเจ้าค่ะ” เย่วซินใช้ความคิดเพียงครู่ “ท่านแม่ข้าอยากอ่านหนังสือเจ้าค่ะ”
“หนังสือคืออะไรหรือ”จูเซียนเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เอ่อ..ตำราเจ้าข้าอยากอ่านตำรา” เย่วซินลืมตัวสมัยนี้เขาเรียกตตำราไม่ใช่หนังสือแต่ที่เธอพูดจนติดปากท่านปู่กับเย่วฉีก็เข้าใจและไม่ได้ขัดกับคำพูดของเธอ
“เจ้าอ่านออกแล้วหรือตัวเท่านี้” จูเซียนเอ่ยพร้อมกับหยิกแก้มยุ้ยอย่างเข่นเขี้ยว
“พี่เย่วฉีสอนข้าเจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ยพร้อมกับยิ้มตาหยี ท่านแม่สั่งให้สาวใช้อุ้มเธอมาส่งที่ห้องตำราและให้คอยนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้อง
เย่วซินเดินเข้ามาในห้องตำราที่และเดินหาตำราที่เธออยากอ่านนั่นก็คือตำราพิษแก้พิษ เธอชอบศึกษาเรื่องนี้มากแต่ท่านปู่ไม่อยากให้เธอศึกษามันอ้างว่าเธอยังเล็กมันอันตรายเกินไปและเธอรู้มาว่าท่านปู่ไม่ชอบศึกษาเรื่องพิษสักเท่าไรแต่ก็พอมีความรู้อยู่บ้าง ส่วนมากท่านปู่ชอบปรุงยาสมุนไพรรักษาโรคทั่วไปและค้นคว้าแนวทางการรักษาแบบใหม่ซึ่งเธอเองก็คอยแนะนำท่านบ้างเกี่ยวกับยาชนิดใหม่ๆ เธอเองเมื่อก่อนก็ไม่ได้เรียนด้านด้านการแพทย์หรอกนะ แต่ว่าโลกเก่าการสื่อสารมันเปิดกว้างและสะดวกรวดเร็วด้วยสี่จีห้าจีเปิดโทรศัพท์ดูนั่นนี่ทั้งมีสาระและไม่มี ซีรี่ส์ สารคดีไทย จีน เกาหลีเธอดูหมด เรื่องการแพทย์ถึงเธอไม่เคยปฏิบัติแต่ทฤษฎีก็พอมีอยู่บ้างบวกกับที่เล่าเรียนกับท่านปู่มานานสองปีกว่า
เย่วซินเดินดูตำราอยู่หลายชั้นก็เจอตำราที่เธออยากได้จึงเลื่อนเก้าอี้มาปีนตอนนี้เท้าของเธอไม่บวมแล้วและไม่เจ็บแล้วด้วย รอยฟกช้ำตามตัวก็จางลงมากแล้วซึ่งบอกตามตรงเลยว่ารอยพวกนั้นเธอไม่ได้เจ็บเลยสักนิดเดียว
เย่วซินหยิบตำราแล้วลงมานั่งอ่านบนฟูกอย่างตั้งใจตำรามีรายชื่อสมุนไพรที่ใช้เกินขนาดจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต สมุนไพรที่มีพิษและการปรุงยาพิษ ยาถอนพิษ เย่วซินเปิดตำราดูอยู่ชั่วครู่ก็รีบยัดเก็บเข้าอกเสื้อของตนแล้วรีบเดินออกจากห้องตำรากลับห้องพักทันทีโดยมีสาวใช้เดินตามอยู่ไม่ห่าง
เย็นแล้วท่านปู่ก็ยังไม่กลับเธออยากขอเข้าไปใช้ห้องปรุงยาเสียหน่อย เย่วซินออกมาดักรอท่านปู่อยู่ที่หน้าเรือนพักของท่านเธอยืนรออยู่เกือบสองเค่อก็เห็นอาฉีเดินมากับหนุ่มน้อยหน้านิ่ง แต่!ทำไมหนุ่มหนุ่มหน้านิ่งถึงได้เดินตัวเกร็งขนาดนั้นเย่วซินสงสัยจึงรีบเดินเข้าไปหาทันที
“อาฉีหายไปไหนมา”
“ซู่..ซินเอ๋อร์อย่าส่งเสียงดัง” เย่าฉีเอ่ยแล้วย่อตัวอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนแล้วรีบเดินจ้ำเข้ามาในห้องพักของเย่วซินทันทีเพราะอยู่ใกล้ที่สุดแล้ว เมื่อมาถึงห้องเย่วฉีวางเด็กน้อยลงแล้วรีบเปิดแขนเสื้อของพี่ชายขึ้นดูบาดแผลที่ตนเป็นผู้กระทำ เขาฝึกฟันดาบแต่ดันพลาดไป
โดนแขนของพี่ชายเข้าด้วยความที่กลัวว่าจะโดนท่านดุเลยอาสามาทำแผลให้พี่ชายด้วยตนเอง
“โห..แผลลึกจังไปโดนอะไรมารึ?” เย่วซินที่เห็นแผลยาวเกือบคืบแต่ค่อนข้างลึกแผลเปิดอ้า
“พี่เป็นคนทำพี่ใหญ่เอง”เย่วฉีพูดพร้อมเดินไปหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดทำความสะอาดแผลเช็ดคราบเลือดที่ไหลเปอะเปื้อนแม้เลือดจะหยุดไหลแล้วเพราะตนใส่ยาห้ามเลือดเอาไว้ เมื่อเช็ดทำความสะอาดเรียบร้อยเย่าฉีหยิบยาใส่แผลที่ตนเป็นผู้ปรุงขึ้นออกมาจากแหวนจัดเก็บเตรียมโรยใส่แผล
“พี่เย่วฉีอย่าเพิ่งโรย” เย่วซินเอ่ยห้าม “แผลลึกเกินไปใส่ยาอย่างเดียวอาจหายช้าและอาจติดเชื้อได้ง่าย” เย่วซินคิดว่าบาดแผลลึกขนาดนี้คงต้องเย็บปิดปากแผลดีที่สุด
“แล้วเจ้าจะทำเช่นไรรึ?” เย่วฉีเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เย็บ..เจ้าค่ะ”
เย่วเทียนเบิกตาโพลงหลังจากได้ยินเด็กน้อยเอ่ยแขนเขาไม่ใช่ผ้าเหตุใดต้องเย็บด้วย แต่แตกต่างกับเย่วฉีที่ดูตื่นเต้นดีใจที่จะได้เห็นแนวการรักษาแบบใหม่ที่ตนยังไม่เคยได้ทดลองใช้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...