คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 8

เย่วซินสั่งให้เย่วฉีเตรียมอุปกรณ์ที่พอหาได้ในยุคนี้เช่นเหล้าเอามาฆ่าเชื้อโรค เข็มและไหม โชคดีที่คิดค้นยาชาและให้ท่านปู่ปรุงมันขึ้นมาเพื่อทดลองวันนี้คงได้ใช้งานเสียที

“พี่เย่วเทียนเจ็บมากหรือไม่เจ้าคะ” เย่วซินเอ่ยถามระหว่างรอเย่วฉีไปเตรียมอุปกรณ์

“นิดหน่อย นักรบย่อมมีบาดแผลแค่นี้ยังไกลหัวใจนัก” เย่วเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบถึงแม้จะเจ็บปวดเขาก็ต้องอดทนให้ได้ “ว่าแต่เจ้าจะมาเล่นกับบาดแผลของข้าไม่ได้นะรีบๆใส่ยาเถอะ” เย่วเทียนเอ่ยต่อ ตนคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่รับปากจะไม่บอกท่านแม่แล้วยอมให้ให้น้องชายเป็นผู้รักษาแผลให้พูดจบเย่วฉีก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมาพร้อมของที่เด็กน้อยสั่งอย่างครบครัน

“ไว้ใจข้าเถิดเจ้าค่ะพี่เย่วเทียนรับรองไม่ผิดหวัง” เย่วซินเอ่ยพร้อมยกยิ้มหวังให้คนเจ็บเบาใจ

“ใช่ๆไว้ใจซินเอ๋อร์เถอะพี่ใหญนางไม่เหมือนเด็กทั่วไปหรอกนางเก่งและฉลาดมากข้ารับรองได้” เย่วฉีเอ่ยขึ้นตนมั่นใจในตัวน้องสาวผู้นี้นักนางเก่งกาจเกินเด็กจริงๆ

เย่วซินจัดการเทเหล้าลงบนผ้าสะอาดแล้วเช็ดรอบๆบาดแผลอีกครั้งมันคงจะแสบพอดูเพราะเธอรับรู้ได้ถึงแรงสะดุ้งเบาๆของคนเจ็บ เย่วซินหยิบผงยาชาโรยบริเวณรอบๆบาดแผลทิ้งไว้แล้วตนเองก็หันไปหยิบไหมมาร้อยเข้ากับเข็มเพื่อเตรียมเย็บบาดแผล

“พี่เย่วเทียนโชคดีแล้วนะเจ้าคะที่ข้าและท่านปู่ทดลองปรุงยาชาขึ้นมาไม่เช่นนั้นท่านคงเจ็บแผลน่าดูเลยทีเดียว” เย่วซินพูดขณะเย็บบาดแผลมือน้อยๆบรรจงเย็บอย่างประณีตให้มากที่สุดเพราะจะได้ไม่ทิ้งแผลเป็นน่าเกลียดเอาไว้ แต่..มือเจ้ากรรมมันไม่รักดีกลับสั่นเป็นเจ้าเข้า..

“บางครั้งเจ้าก็พูดจาแปลกๆอะไรคือยาชาหรือ”เย่วเทียนสงสัยจึงเอ่ยถาม

“ก็ยาที่ทำให้เราไม่รู้สึกอย่างไรเล่าตอนนี้ท่านรู้สึกเจ็บแผลบ้างหรือไม่” เย่วซินเอ่ย

“จริงด้วยตอนนี้ข้าไม่รู้สึกเจ็บแผลเลยสักนิดเดียว” เย่วเทียนเมื่อลองสังเกตุจึงรับรู้ว่าแผลของตนไม่มีความรู้สึกเลยยาของนางช่างดีจริงๆเขาจึงเบาใจขึ้นหลังจากที่กังวลอยู่ไม่น้อยกลัวว่าเด็กน้อยคิดซุกซนเล่นสนุกกับบาดแผลของตน

“ซินเอ๋อร์แสดงว่ายาของเจ้าใช้ได้ผลดีจริงด้วยพี่คงต้องขอสูตรบ้างเผื่อเอาไว้ใช้กาลหน้า แต่ว่ามือของเจ้าเหตุใดถึงได้สั่นอย่างนั้นเล่า”เย่วฉีเอ่ยขอสูตรยาชาแต่สายตายังคงจับจ้องวิธีการเย็บแผลของนางจึงเห็นว่ามือของนางออกจะสั่นๆ

“ได้เลยข้าไม่หวงท่านหรอกเจ้าค่ะ แต่ที่มือข้าสั่นเพราะข้าตื่นเต้นไปหน่อยก็พี่เย่วเทียนเป็นคนไข้รายแรกที่ข้าได้ลองทำฮะๆ..”

เย่วเทียนได้ยินเช่นนั้นก็แทบอยากจะกัดลิ้นตนเองตายไปซะให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เด็กน้อยพูดจาเหมือนว่าตนเองเป็นผู้เชี่ยวชาญแต่ที่ไหนได้เขาคือหนูทดลองของนางดีๆนี่เอง

“เสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” เย่วซินตัดไหมออกแล้วยกแขนขึ้นให้ทั้งสองได้ยลโฉมผลงานเย็บแผลของตน ทั้งสองหนุ่มน้อยมองดูบาดแผลที่ตอนนี้ปิดสนิทสวยงามดูไม่น่ากลัวเหมือนก่อนหน้านี้มันช่างน่าสนใจจริงๆ เย่วเทียนที่มองสำรวจบาดแผลจนถี่ถ้วนก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

เย่วซินนำผ้าสะอาดมาพันปิดบาดแผลเอาไว้เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกโดนบาดแผล “ท่านต้องห้ามให้แผลโดนน้ำเจ็ดวันและต้องล้างแผลทุกวันมาให้ข้าล้างก็ได้ถ้าท่านไม่ไว้ใจพี่เย่วฉี” เย่วซินเอ่ยแขวะพี่ชายคนสนิทเล็กน้อยที่วันนี้ก่อเรื่องวุ่นวายให้พี่ชายของตนต้องเจ็บตัว

“รบกวนเจ้าแล้วซินเอ๋อร์” เย่วเทียนเอ่ยเป็นเชิงว่าเขาต้องการให้นางเป็นผู้ดุแลบาดแผลของตนแทนน้องชาย

“อ้าว..พี่ใหญ่แล้วข้าจะทำอะไรทดแทนที่ทำให้ท่านบาดเจ็บล่ะ” เย่วฉีเอ่ยถามเมื่อพี่ชายไม่ยอมให้ตนเป็นคนล้างแผลให้

“พี่เย่วฉีคืนนี้ท่านไปนอนกับพี่เย่วเทียนเผื่อว่าคืนนี้มีไข้จะได้มีคนคอยดูแล อีกสักพักยาชาคงหมดฤทธิ์แล้ว” เย๋วซินเอ่ยบอกพี่ชายคนสนิท

“ไม่ ข้าจะนอนกับเจ้าถ้าไม่ได้นอนกอดเจ้าข้านอนไม่หลับ” เย่วฉีโวยวายขึ้นทันที่เพราะกลัวว่าจะไม่ได้นอนกับเด็กน้อยของตน

“ท่านจะนอนกอดข้าจนแก่ตายเลยหรืออย่างไร” เด็กน้อยเอ่ยเสียงดุ

“อย่างน้อยก็ตอนนี้..”

ทั้งสองเอ่ยเถียงกันไม่หยุดจนคนที่นั่งฟังอยู่เอ่ยขึ้นเพื่อตัดปัญหา “หยุด..เถียงกันได้แล้วเดี๋ยวข้าจะมานอนกับพวกเจ้าเองที่นี่เอง” เย่วเทียนพลางนึกอยากตบปากตนเองสักสองสามทีที่เอ่ยออกไปเช่นนั้น แต่เขายังอดนึกไม่ได้ว่าใครกันแน่ที่เป็นเด็กน้อยภาพที่เห็นเมื่อครู่เป็นน้องชายของตนมากกว่าที่งอแงโวยวายเหมือนเด็กสามขวบไม่มีผิดต่างจากเด็กสามขวบที่มีความคิดและคำพูดเหมือนผู้ใหญ่เฮ้อ..สงสารท่านปู่จริงๆ

วันนี้ท่านปู่ไม่กลับจวนท่านพ่อบอกว่าองค์ฮ่องเต้อยากให้ท่านปู่พักที่ตำหนักในวังเพราะมีเรื่องอยากพูดพูดคุยปรึกษามากมาย หลังทานมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยเย่วซินจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ท่านแม่สั่งให้สาวใช้เป็นคนเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้ให้เธอเลือกที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเองแต่ท่านแม่ก็ไม่ไว้วางใจจึงสั่งให้สาวใช้คอยเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆหลังจากที่เธอแต่งตัวเสร็จสาวใช้จึงออกจากห้องไป

ระหว่างที่รอหนุ่ยน้อยเย่วซินหยิบตำราพิษที่ขโมยออกมาจากห้องตำราออกมาอ่านเธอไม่ได้เป็นเด็กอัจฉริยะที่มีความจำดีเลิศเสียเมื่อไรที่อ่านครั้งเดียวจะจำทุกอย่างได้เสียหมด เธอตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะอ่านมันทุกครั้งที่ว่างจะได้จดจำฝังลึกอยู่ในหัวสมองน้อยๆของตน เย่วซินฝึกจดจำรายชื่อและลักษณะของสมุนไพรพิษอยู่ราวๆสองเค่อก็เริ่มเบื่อจึงเปิดข้ามๆไปดูการสกัดพิษ ปรุงพิษและสายตาก็ไปสะดุดกับคำว่าพิษต้านพิษ ร่างกายที่ได้รับพิษสะสมเป็นเวลานานและหลากหลายชนิดจะทำให้ร่างกายสามารถต้านพิษได้ เย่วซินตาโตหูผึ่งขึ้นมาทันที่ด้วยความสนใจ

“อ่านอะไรอยู่หรือตาโตเชียว” เย่วฉีเอ่ยถามทันที่ก้าวเท้าเข้ามาที่ตนต้องมาช้าเพราะช่วยพี่ใหญ่แต่งตัวและต้องคอยดูแลยามอาบน้ำ พี่ใหญ่นั้นชอบอาบน้ำเองไม่ยอมให้สาวใช้ปรนณิบัติจะว่าไปแล้วทั้งจวนก็เป็นเช่นนี้กันหมดทุกคน เย่วฉีเดินเข้าไปใกล้ๆเด็กน้อยแล้วชะโงกหน้ามองตำราที่นางอ่านพลันตาโต

“นี่เจ้า!!..”

“ชวู่..”เด็กน้อยจู๋ปากพร้อมยกนิ้วชี้ขึ้นแนบริมฝีปาก “อย่าบอกท่านปู่นะ”

เย่วเทียนที่เห็นท่าทางของเด็กน้อยกับน้องชายก็นึกสงสัย “เด็กน้อยแอบเอาตำราออกมาเล่นอีกแล้วหรือไว้ค่อยอ่านออกแล้วเจ้าค่อยนำมาเถอะเดี๋ยวตำราจะเสียหายเอา” เย่วเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน