คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 52

สรุปบท บทที่52 ไม่ผิดตัว: คู่แฝดคู่ป่วน

บทที่52 ไม่ผิดตัว – ตอนที่ต้องอ่านของ คู่แฝดคู่ป่วน

ตอนนี้ของ คู่แฝดคู่ป่วน โดย ไป๋หลัน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่52 ไม่ผิดตัว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

รุ่งเช้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับจวนท่านแม่ทัพใหญ่เหอสือหยางได้ถูกรายงานแก่ผู้ปกครองแคว้นอย่างเงียบๆด้วยไม่อยากให้ผู้มาเยือนต่างแคว้นตื่นตระหนก รวมถึงการเข้าจับกุมท่านเสนาบดีไป๋เนื่องจากมีหลักฐานชี้ชัดว่าเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับจวนแม่ทัพเหอเป็นฝีมือของท่านเสนาบดีไป๋

แม้หลักฐานจะชี้ชัดแต่ผู้ปกครองแคว้นก็ไม่อาจตัดสินใจหุนหันได้ เนื่องจากเสนาบดีไป๋เป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ไม่คดโกงจึงสั่งให้คุมขังเอาไว้ก่อนแล้วรอสอบสวนอีกครั้ง คืนนี้จะมีงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตไม่อาจวางใจได้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายอีกหรือไม่

“เสด็จพ่ออย่าทรงกังวลคนของลูกกำลังสืบหาตัวคนร้ายอยู่ท่านเสนาบดีไป๋จะต้องพ้นผิดอย่างแน่นอนพะย่ะค่ะ” หยางหลงเอ่ยบอกบิดา

“งานคืนนี้พ่อฝากเจ้าดูแลให้ดีเกรงว่าจะเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น”

“พะย่ะค่ะ ลูกขอตัวไปจวนแม่ทัพเหอสักครู่เพื่อเยี่ยมดูอาการ ได้ข่าวว่าอาการไม่สู้ดีนัก”

“เจ้าไปอย่างเงียบๆอย่าให้เอิกเกริกเรื่องนี้เกิดหลุดรอดออกไปเกรงว่าแคว้นของเราอาจไม่ปลอดภัย” หนิงฮ่องเต้เอ่ยบอกโอรสของตน ถ้าข่าวว่าแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นถูกพิษบาดเจ็บหนักอาจส่งผลให้คนที่คิดไม่ซื่อถือโอกาสนี้โจมตีแคว้นหนิงเอาได้

“ลูกสั่งให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องทำงานให้เงียบที่สุดห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้เด็ดขาดแล้วพะย่ะค่ะ” หยางหลงเอ่ย ถึงแม้จะปิดข่าวแก่บุคคลภายนอกได้แต่กับผู้ลงมือในครั้งนี้ย่อมไม่อาจปิดบังได้อย่างแน่นอนเพราะพวกมันคงจับตาดูอยู่และคงยังมีหนอนแฝงตัวอยู่เต็มพื้นที่ไปหมดเป็นแน่

“ดีมาก เจ้ารีบไปเถิด” หนิงฮ่องเต้เอ่ยแต่สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล เขาเป็นถึงผู้ปกครองแคว้นมีหูตามากมายใช่ว่าจะรู้เรื่องราวคลื่นใต้น้ำที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆนี้ เขาได้แต่หวังว่าผู้ที่ลงมือเรื่องนี้จะคิดได้และรีบหยุดมือก่อนที่เขาจะรวบรวมหลักฐานและเอาผิดขั้นสูงสุดได้

“พะย่ะค่ะ”

ตำหนักรับรองของแคว้นหานร่างอรชรขององค์หญิงเฟิ่งฮวานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดบ่งบอกถึงอารมณ์ในยามนี้ และนึกแค้นเคืองสตรีนางนั้นยิ่งนักมันคงไม่อยากมีลมหายใจอยู่ต่อกระมังถึงได้กล้าเล่นงานตนเช่นนี้

“น้องรักอย่าโมโหมากไปเลย โอกาสหน้ายังมีเจ้าค่อยเอาคืนนางก็ไม่สาย” เฟิ่งอวี่เอ่ยปลอบน้องสาว พลางดึงร่างบางมากอดปลอบไว้ในอ้อมอกแกร่ง เฟิ่งฮวาถึงแม้อยากจะเอื้อนเอ่ยเพียงใดก็ไม่อาจเปล่งเสียงออกมาได้มันช่างอึดอัดยิ่งนัก

“คิดไม่ถึงจริงๆว่านางจะเป็นคนที่ถอนพิษได้ ข้าก็นึกว่าเป็นพี่ชายของนางเสียอีก” หนิงเหล่ยหลงเอ่ยบอกสหาย เหตุวุ่นวายเมื่อคืนเป็นตนและสหายที่วางแผนการทั้งหมด ต้องขอบคุณร่างบางตรงหน้าด้วยที่ทำให้เรื่องนี้บรรลุผลไปด้วยดี ถึงแม้ท่านแม่ทัพใหญ่จะยังไม่สิ้นใจแต่ก็ถือว่าอาการหนักเอาการ

“คราวนี้ไม่ผิดตัวแน่ คนของข้ารายงานว่านางและพี่ชายที่เป็นหมอใช้วิชาตัวเบาเดินทางไปยังจวนแม่ทัพเหอยามดึก ถ้าพี่ชายของนางถอนพิษได้คงไม่หอบหิ้วน้องสาวไปด้วยหรอก” เฟิ่งอวี่เอ่ยบอกสหาย

“แล้วเราจะทำอย่างไรกับนางดีล่ะ” หนิงเหล่ยหลงเอ่ยถามสหายมุมปากยกขึ้นเล็กน้อยด้วยความสนใจ

“กระต่ายน้อยตัวนี้เราควรค่อยๆเล่นจึงจะสนุก” หานเฟิ่งอวี่เอ่ยด้วยใบหน้ายกยิ้มเล็กน้อยเช่นกัน เมื่อคิดถึงกระต่ายน้อยน่ารักและซุกซนที่ตนพึงพอใจ

“เจ้าก็คิดเช่นนั้นใช่หรือไม่น้องรัก” หานเฟิ่งอวี่ก้มหน้าลงเอ่ยถามน้องสาวของตนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เขาต้องถะนุถนอมกระต่ายในอ้อมแขนเช่นกันเพราะนางยังมีประโยชน์สำหรับตน ด้วยความสามารถและคนหนุนหลังของนางนั้นไม่อาจดูเบาได้

เฟิ่งฮวาแม้อยากจะเอ่ยคำใดครานี้ก็ไม่อาจทำได้จึงต้องพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่ชายของตัวเองไปก่อน แม้ในใจจะริษยานางมารนั้นที่บุรุษทั้งสองต่างให้ความสนใจ แต่นางก็เห็นว่ายังมีประโยชน์อยู่ไม่น้อยที่จะให้บุรุษทั้งสองได้ร่วมจัดการ

จวนแม่ทัพเหอบัดนี้มีคนสนิทที่ล่วงรู้เหตุการณ์นั่งพูดคุยกันอยู่ภายในห้องส่วนตัวที่มีคนสนิทคอยคุ้มกันเอาไว้อย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันคนลักลอบแอบฟังบทสนทนาด้านใน

“คืนนี้เราไม่อาจวางใจได้ ไม่รู้ว่าพวกมันจะย้อนมาเล่นงานท่านแม่ทัพอีกหรือไม่” หยางหลงเอ่ย

“ที่งานเลี้ยงคืนนี้เล่าพวกมันต้องสร้างความปั่นป่วนอีกเป็นแน่” เย่วฉีเอ่ย

“พวกมันไม่น่าจะลงมือที่งานเลี้ยง เพราะมีคนราชวงศ์ต่างแคว้นมาร่วมพวกมันคงไม่เสี่ยงเปิดศึกหลายด้านเป็นแน่” เย่วเทียนเอ่ยความคิดของตนออกมา

“ก็จริงของเจ้าแต่เราก็ไม่อาจประมาทได้” หยางหลงเอ่ย

“ใช่แล้ว จริงๆข้ารับปากกับคนๆหนึ่งเอาไว้ว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้กับผู้ใด แต่ข้าเห็นว่าเผื่อจะมีประโยชน์กับงานของพวกท่านและพวกท่านก็เป็นคนที่ข้าสามารถไว้วางใจได้” เย่วฉีเอ่ยเมื่อมาคิดดูแล้วเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้มีแคว้นหานเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย จึงจำเป็นต้องเล่าเรื่องความลับให้พวกสหายได้ฟัง

“เจ้าเล่ามาเถอะพวกเราจะไม่แพร่งพรายต่ออย่างแน่นอน” หยางหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เรื่องที่เย่วฉีจะเอ่ยคงสำคัญมากเป็นแน่สังเกตจากสีหน้าจริงจังของเขา

“ข้าและซินเอ๋อร์ไปรักษาอาการป่วยของอดีตองค์รัชทายาทหานเสวี่ยถังที่ถูกช่วยออกมาจากที่คุมขังในคุกหลวงเขาถูกขังมานานถึงสิบห้าปีเชียวนะโชคดีที่ยังมีชีวิตรอด แต่ก็ถูกทรมานโดยการใช้พิษทำให้สมองมีอาการแปรปรวนต้องรักษาระยะยาว” เย่วฉีเอ่ยเล่า

“เป็นเรื่องจริงหรือ? แล้วผู้ใดกันถึงกล้าบุกเข้าไปช่วยเหลือ” จิ้นฝานเอ่ยถามอย่างใคร่รู้เพราะเรื่องนี้เขาและสหายก็สนใจอยู่ไม่น้อย ทราบกันเพียงว่าอดีตองค์รัชทายาทถูกช่วยเหลือแต่ไม่รู้ตื้นลึกว่าเป็นมาอย่างไร

“เขาเป็นองครักษ์คนสนิทของอดีตรัชทายาท แต่บาดเจ็บหนักเกือบเอาชีวิตไม่รอดโชคดีที่ได้ท่านประมุขจ้าวช่วยเหลือเอาไว้และรับเอาไว้ใช้ข้างกาย ท่านประมุขจ้าวยังมีเมตตาให้องครักษ์ผู้นั้นกลับไปช่วยเจ้านายเก่าแถมยังส่งหน่วยลับออกไปช่วยเหลืออีก” เย่วฉีเอ่ยเล่า

“ประมุขจ้าวนับว่ายังมีเมตตาไม่เหมือนที่คนทั่วไปเขาร่ำลือ” หยางปิงเอ่ย

“เจ้าก็พูดได้สิ ลองทำให้ท่านประมุขจ้าวไม่พอใจหรือพูดจาไม่เข้าหูถึงกับตายได้เลยเชียวนะพลังปราณของเขาแข็งแกร่งมาก” เย่วฉีเอ่ยพลางทำหน้าเบ้เมื่อนึกถึงคราที่โดนเข้ากับตัวเอง

“เจ้าพูดเช่นนี้ไม่แคล้วเจอดีเข้าให้แล้วหรือ? เจ้าคนขี้สงสัย” จิ้นฝานเอ่ยเย้าเมื่อเห็นสีหน้าของเย่วฉี

“ก็ใช่นะสิ”

“เอาละวันนี้เราแยกย้ายไปทำหน้าที่กันก่อน มีอะไรคืบหน้าค่อยพบเจอกันพวกเราจะต้องกำจัดคนชั่วพวกนั้นให้ได้” หยางหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงบอกสหายทุกคน เพราะเห็นว่าวันนี้สมควรแก่เวลาที่ต้องแยกย้ายกันแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน