คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 62

“อืม..หอมจัง” เสียงงัวเงียเอ่ยไม่ค่อยดังนักและยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมามองได้แต่สูดดมกลิ่นที่ตนพึมพำว่าหอม

“หิวจังเลย...” เสียงงัวเงียยังไม่หยุดเอ่ย

“หิวก็ลุกขึ้นมานอนอยู่แบบนั้นจะกินได้อย่างไร” เสียงบุรุษเอ่ยขึ้นมาภวังค์ เย่วซินลืมตาตื่นขึ้นมาทันทีพร้อมกับรวบรวมความคิดเมื่อลำดับเรื่องราวได้ก็รีบหันหน้าไปมองรอบๆแต่ก็ต้องสะดุดที่บุรุษร่างสูงใหญ่

“ท่าน...มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วที่นี่คือที่ใดกัน” เย่วซินเอ่ยถามรัวอย่างตกใจแต่ก็แอบดีใจที่เจอเขา

“ข้าก็ตามมาช่วยเจ้านะสิ แต่ข้าเองก็ไม่รู้หรอกว่าที่นี่คือที่ใด” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอก เขาติดตามนางมาและเห็นว่านางกำลังตกลงในโพรงดินขนาดเล็กและเขาจัดการกับเก็บกวาดพวกที่ไล่ล่านางจนสิ้น แล้วก็กระโดดตามลงมาไม่คิดว่าหลุมเล็กแค่นั้นจะลึกและพาเขามาอยู่ที่ใดก็ไม่รู้เพราะยังไม่เดินสำรวจให้ถ้วนทั่วมัวแต่ดูแลคนที่นอนไม่ได้สติ

“ท่านไปหาปลามาหรือ?” เย่วซินเอ่ยพร้อมกับจ้องมองปลาตัวโตที่กำลังถูกย่างอยู่เหนือกองไฟ

“ซื้อมากระมัง” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยตอบเสียงราบเรียบ

“ท่าน...ข้าพูดดีด้วยแล้วนะทำไมต้องกวนประสาทข้าอยู่เรื่อย” เย่วซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ข้าชอบเวลาเห็นเจ้าทำหน้ายุ่งตลกดี” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยพร้อมยกยิ้มมุมปาก มองหน้าสตรีที่เวลานี้คิ้วชนกันแถมยังหน้างอปากยื่นใส่เขาอีก

“โรคจิตชัดๆ” เย่วซินสบถออกมาเสียงไม่ดังนักแต่สำหรับคนที่ฝึกวรยุทธ์มานั้นได้ยินชัดเจนดีทีเดียว

จ้าวไท่เหว่ยไม่เอ่ยตอบโต้และไม่ได้โกรธเคืองที่นางเอ่ยเช่นนั้น จะว่าไปเขาก็อาจจะเป็นอย่างที่นางว่าจริงๆก็ได้ จ้าวไท่เหว่ยหยิบปลาที่เสียบไม้ย่างจนสุกหอมส่งให้หญิงสาว

“กินเสียจะได้มีแรงเจ้ายังไม่ได้กินอะไรมาเลยทั้งวัน”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ยขอบคุณพร้อมส่งยิ้มเอาใจไปให้คนโรคจิตที่ปากร้ายแต่ก็ใจดี

จ้าวไท่เหว่ยเมื่อมองเห็นรอยยิ้มสดใสก็ใจกระตุกเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะ รอยยิ้มของนางนั้นช่างอันตรายเสียจริงๆ จ้าวไท่เหว่ยเบี่ยงสายตาออกจากรอยยิ้มร้ายแล้วหันไปสนใจกับปลาอีกหนึ่งตัวที่กำลังย่างอยู่และทำจิตใจให้กลับมาเต้นปกติเหมือนเดิม

เย่วซินกินปลาเพื่อประทังความหิวแม้มันจะจืดชืดเสียจนอยากจะคายทิ้งมาเพียงใดก็ตาม นางน่าจะพกเครื่องปรุงอาหารใส่มาในแหวนจัดเก็บด้วยปลาย่างคงจะอร่อยน่าดู เมื่อมองไปทางบุรุษร่างสูงก็เห็นว่าเขากำลังนั่งกินปลาด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกว่ามันอร่อยหรือไม่

เย่วซินมองด้วยสายตาจับจ้องอย่างพินิจ เขาช่างเป็นบุรุษที่หล่อเหลารูปร่างก็สูงใหญ่เวลายืนคุยกับเขาต้องแหงนหน้ามองเพราะตนเองสูงเพียงเท่าอกเท่านั้น อยากรู้นักว่าสตรีนางใดจะได้เขาเป็นคู่ครอง นางก็ไม่อยากจะจินตนาการถึงเรื่องลามากหรอกนะแต่มันอดคิดไม่ได้จริงๆและสงสารสตรีนางนั้นเหลือเกินคงจะแบกรับความใหญ่โตของเขาจนร่างกายแทบแหลกสลายเป็นแน่  คิดแล้วขนลุกขึ้นมาทันทีทันใด

“มองข้าไม่วางตาเช่นนี้ คิดจะกินข้าหรืออย่างไร” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ย แต่ไม่ได้หันหน้ามามองหญิงสาวเขาใช้เพียงสัมผัสเท่านั้นว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองเขาไม่วางสายตา

“บะ...บ้า...ทะลึ่งลามก” เย่วซินเอ่ยเสียงลนลานพูดจาติดขัด

“ข้าหมายถึงเจ้ากินเนื้อปลาไม่อิ่มแล้วอยากจะกินเนื้อข้าเพียงเท่านั้นไม่เห็นจะลามากตรงไหน เอ...หรือว่าเจ้าคิด...” จ้าวไท่เหว่ยกำลังจะเอ่ยต่อแต่ก็ถูกเสียงใสขัด

“บ้า...ใครคิดกัน” เย่วซินหัวเสียเมื่อรู้สึกว่าตนเองโดนจับได้ว่าคิดลามกจึงคิดจะลุกเดินหนีไปจากตรงนั้นหนีความอับอายแต่ก็ต้องหยุดความเคลื่อนไหว เมื่อรู้สึกว่าร่างกายของนางมันปวดระบมไปหมดทั้งร่าง

“โอ๊ย...ปวดไปหมดทั้งตัวเลย” เย่วซินนั่งลงตามเดิม

“เจ้ามียาแก้ปวดเหมื่อยหรือไม่กินเสียหน่อยจะได้หายปวด ตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้นแขนขาไม่หักก็ดีมากแล้ว” จ้าวไท่เหว่ยเอ่ยบอกร่างเล็กข้างๆ

“แล้วท่านไม่ปวดบ้างหรือ? ท่านก็ตกลงมาเหมือนกันนี่” เย่วซินเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ข้าสบายมาก”

“ชิ...” เย่วซินเบ้ปากใส่คนที่นั่งด้านข้าง เขาเนื้อตัวทำด้วยเหล็กหรือย่างไรถึงได้ไม่รู้สึกรู้สาเลยอึดเสียจริง จากนั้นก็หยิบยาแก้ปวดขึ้นมายัดใส่ปากตามด้วยน้ำสะอาดที่นางมักจะเตรียมเอาไว้ในแหวนจัดเก็บเผื่อเหตุฉุกเฉิน

“ท่านนอนก่อนก็ได้นะข้าเพิ่งตื่นยังไม่ง่วงจะนั่งเฝ้ายามให้เอง” เย่วซินเอ่ยขันอาสาด้วยน้ำเสียงสดใส

“ไม่เป็นไรข้าไม่ง่วง”

“อ่อ...” เย่วซินพยักหน้ารับรู้ จากนั้นก็มองนั่นมองนี่ไปเรื่อยสังเกตว่าในนี้เหมือนถ้ำขนาดเล็ก มองไม่เห็นแม้กระทั่งท้องฟ้าขนาดปาดถ้ำยังมองไม่เห็นว่าอยู่ตรงไหน มืดเสียจนน่ากลัวคิดไม่ออกเลยว่าถ้านางตื่นขึ้นมาตัวคนเดียวจะรู้สึกเช่นไรคงนั่งร้องไห้เป็นอย่างแรก เพราะนางกลัวความมืดในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย หรือพูดอีกอย่างคือกลัวผีนั่นเอง เมื่อนึกถึงผีเย่วซินก็ขยับตัวไปใกล้คนร่างสูงจนตัวแนบชิดกันเพื่อหาความอบอุ่นใจ

จ้าวไท่เหว่ยรับรู้ทุกการกระทำของคนด้านข้างและรู้ด้วยว่านางรู้สึกเช่นไรถึงได้มานั่งเบียดเขาเช่นนี้ จึงมีความคิดที่จะกลั่นแกล้งเล็กๆน้อยเพื่อความสนุกสนาน คิดได้เช่นนั้นก็เอ่ยขึ้นมาทันที

“ข้าได้ยินเสียงบางอย่างดังอยู่ด้านนอก เจ้ารออยู่ตรงนี้ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด” สิ้นเสียงไม่รอคำตอบจ้าวไท่เหว่ยก็พุ่งตัวออกไปทางปากถ้ำทันที เขาสำรวจบริเวณด้านนอกมาบ้างตอนที่ออกมาหาปลาตรงนี้นับว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว

“ท่าน...เดี๋ยวก่อนสิ” เย่วซินจะบอกเขาว่าขอไปด้วยคนข้าไม่อยากอยู่คนเดียวแต่ไม่ทันได้พูดเขาก็หายวับไปอย่างกับภูตผี แล้วนางจะนึกถึงผีทำไมตอนนี้มันใช่เวลาหรือไม่ เย่วซินนึกในใจพร้อมกวาดสายตาไปมารอบๆอย่างหวาดกลัว

จู่ๆก็มีสายลมพัดมากระทบตัวเย่วซินต้องกอดอกด้วยความหนาวเย็นจนร่างกายสั่นเทา ไม่เพียงเท่านั้นในความเงียบสงัดกลับมีเสียงบางอย่างดังขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน