"จะไม่คุยกับต้นหน่อยเหรอ เหมือนต้นมีอะไรอยากคุยกับน้องคะนิ้งเยอะแยะเลยนะ"
"ในเมื่อจบกันแล้วก็ไม่จำเป็นต้องคุยกันหรอกค่ะ ถึงหนูจะไม่หนีหน้าเขาแล้วแต่ความรู้สึกของหนูมันก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาเป็นคนบอกหนูเองว่าถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็ไปจากเขาได้เลย ตอนนี้หนูพร้อมจะยืนด้วยตัวเองแล้วค่ะ"
"มองรอยสักตรงนั้นแล้วไม่นึกถึงหน้าต้นจริงๆเหรอ?" พัดชาเหลือบมองรอยสักบนหน้าท้องแบนราบของคะนิ้งเพียงนิด "หรือมองรอยสักนั้นแล้วนึกถึงแสงอาทิตย์ตามความหมายของมันเฉยๆ"
"..."
"ถ้าได้ยินชื่อแล้วยังใจสั่นแสดงว่ามันยังไม่จบหรอก แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ได้ยินชื่อแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยแสดงว่ามันจบอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว"
"..." คะนิ้งก้มหน้าหลบสายตาเพราะไม่อยากให้พัดชามองเห็นความสับสนในแววตา ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายที่เพิ่งสงบลงพลันเต้นแรงอีกครั้ง
"เฮ้! พี่ลืมหยิบมือถือในห้องทำงานมาจริงด้วย" พัดชาหันซ้ายหันขวาพลางทำหน้าตื่น ทำให้คะนิ้งต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
"ช่วยไปหยิบมือถือในห้องทำงานหน่อยได้ไหม เหมือนพี่จะลืมหยิบมาจริงๆนะเนี่ย"
"ได้ค่ะ" เด็กสาวพยักหน้ารับในทันที เพราะเธอเองก็ไม่ได้อยากนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรก
"ถ้าไม่วางอยู่บนโต๊ะทำงานก็น่าจะวางอยู่ในห้องนอนนั่นแหละ ช่วยดูให้พี่หน่อยนะ"
"ค่ะ" คะนิ้งรับคำพลางหยัดกายลุกขึ้น แล้วหันหลังเดินออกไป
"หึ" เสียงแค่นหัวเราะในลำคอดังขึ้นจากทางด้านหลังของพัดชาคล้อยหลังคะนิ้งไม่กี่วินาที
"คนเหี้ยอะไรร้ายกว่าแม่มด" พารันซึ่งเป็นเจ้าของเสียงหัวเราะนั้นพูดขึ้นอย่างรู้ทัน แล้วเดินเข้ามาหย่อนตัวนั่งลงซ้อนหลังพัดชา หยิบมือถือเครื่องหรูของเธอที่ซ่อนอยู่ใต้เรียวขาสวยขึ้นมาหมุนเล่นบนฝ่ามือ
"นี่ร้ายแล้วเหรอ" พัดชายกยิ้มมุมปาก แล้วค่อยๆเอนตัวพิงแผงอกแกร่ง ศีรษะทุยเล็กวางลงบนไหล่กว้าง "ฉันร้ายได้มากกว่านี้อีกนะ"
"อย่าร้ายกว่านี้เลย แค่นี้ทุกคนก็จะกระอักเลือดตายเพราะความร้ายกาจของมึงแล้ว" คนโดนว่าหัวเราะน้อยๆอย่างขบขัน ไม่ได้สะทกสะท้านกับถ้อยคำเหล่านั้นของพารันเลย
"อยู่ไหนนะ" คะนิ้งยืนเท้าเอวมองไปรอบๆห้องนอนของพัดชาเพื่อมองหาโทรศัพท์มือถืออย่างถี่ถ้วน หลังจากใช้เวลาในการหาไปแล้วนานนับสิบนาที
แกร๊ก~
เธอชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงปลดล็อกประตูดังเล็ดลอดเข้ามา แต่เพราะคิดว่าคนที่เข้ามาคือพัดชาเธอจึงเดินออกไปหาอย่างไม่คิดอะไร ทว่าคนที่คิดไว้กับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับไม่ใช่คนเดียวกัน
"..!!" ร่างกายแข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็งในวินาทีที่เห็นต้นน้ำยืนอยู่ตรงหน้า ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ออกมาเป็นคำพูดได้เลยว่าตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไรกันแน่
"ขอโทษ" ต้นน้ำกล่าวคำขอโทษอย่างไม่ลังเลเมื่อมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ทั้งที่อยากรั้งตัวเธอเข้ามาสวมกอด แต่กลับต้องหักห้ามใจเพราะไม่อยากทำให้เธอหวาดกลัวไปมากกว่านี้
"..." คะนิ้งแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นและไม่ได้ยิน เธอเดินเลี่ยงไปหาโทรศัพท์มือถือของพัดชาต่อ ทำราวกับต้นน้ำไม่เคยมีตัวตนในสายตาเธอ
"อย่าเมินกันได้ไหม แค่นี้ก็เจ็บมากพอแล้ว"
"เหอะ! เจ็บเหรอ?" เด็กสาวแค่นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน หยุดชะงักทุกการกระทำแล้วหันไปสบตากับเจ้าของถ้อยคำนั้นอีกครั้ง "เจ็บได้เท่าครึ่งนึงที่หนูเจ็บไหม"
"..." กลับกลายเป็นต้นน้ำที่ชะงักไป ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาเมื่อหวนนึกถึงคำพูดและการกระทำที่ขาดสติของตัวเองในวันนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กินเด็ก 20+