เมื่อพิธีสาบานสิ้นสุดลง พิธีกรก็เอ่ยปากพูดในตอนที่เสียงปรบมือเริ่มซาลง “ในวันที่งดงามนี้ พวกเราต่างก็เป็นสักขีพยานในพิธีสมรสของคุณเสิ่นและคุณจวง ณ ที่นี้ ผมขอให้ทั้งสองอยู่เย็นเป็นสุข ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร สุขภาพพลานามัยแข็งแรง สง่างามเจิดจรัสทุกช่วงเวลา มีความสุขตลอดไป มีช่วงชีวิตที่มีสีสันและราบรื่นทุกประการ”
พิธีกรสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ตอนนี้ขอเรียนเชิญเจ้าบ่าว เจ้าสาว และผู้ใหญ่ของทั้งสองฝั่งขึ้นมากล่าวอวยพรให้กับคู่บ่าวสาวคู่ใหม่ของพวกเราหน่อยนะครับ”
ฉินยาสะกิดซางหยูและหลินซินเหยียนพร้อมกับรอยยิ้ม “เร็วเข้า ตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเธอต้องขึ้นเวทีแล้ว”
วันนี้หลินซินเหยียนกับซางหยูต่างเลือกสีแดง อย่างไรเสียสีแดงก็เป็นสีแห่งการเฉลิมฉลอง ดังนั้นสีแดงจึงเหมาะสมที่สุด
ซางหยูสวมใส่ชุดเดรสสีแดงแบบอนุรักษ์นิยม ตรงอกติดดอกคำฝอยแม่เจ้าสาวไว้ เธอเกล้าผมมวยที่ดูเงียบง่ายและสง่างาม ช่างแพรวพราวสะดุดตาและดูเหมาะสม ตอนนี้เธอก็ขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับเสิ่นเผยซวน
หลินซินเหยียนมองดูจงจิ่งห้าว เธอรู้สึกว่า วันนี้จิตใจของเขาไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว เธอจึงใช้มือแตะตัวจงจิ่งห้าวเบาๆ
จงจิ่งห้าวกุมมือเธอไว้ “ผมกับเผยซวนตกลงกันแล้วว่า เผยซวนจะเป็นคนกล่าวคำอวยพรเอง”
จนถึงตอนนี้ก็ยังหาจงเหยียนเฉินไม่เจอ เพราะเขาดูไร้อารมณ์เสียจริง หลินซินเหยียนรู้จักนิสัยเขาดี จึงไม่ได้เข้าไปยุ่ง เพราะใครพูดก็เหมือนกัน
“ไปกันเถอะ” จงจิ่งห้าวกุมมือเธอและลุกขึ้น
เธอก็ลุกตาม
วันนี้หลินซินเหยียนสวมชุดกี่เพ้าสีแดง คอเสื้อติดกระดุมถักแบบคลาสสิค เนื้อผ้าที่นุ่มและเบาถูกเย็บปักถักร้อยเป็นลวดลายแบบดั้งเดิม
ถึงลวดลายจะไม่ทันสมัย แต่ดูประณีตและพิถีพิถัน
แม้จะถึงวัยนี้แล้ว ทว่ารูปร่างของเธอก็ยังคงดูดี ถึงรูปร่างของเธอจะอวบกว่าสมัยวัยรุ่น แต่ก็ดูไม่อ้วน
ต้องยกคุณงามความดีให้กับจงจิ่งห้าว ที่ดูแลเธอเป็นอย่างดี
เธอเดินขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับจงจิ่งห้าวด้วยรองเท้าส้นสูงขนาดห้าเซนติเมตร
ชุดกี่เพ้าสามารถวางตัวเฉยกับโลกที่เต็มไปด้วยหยาดฝนที่ขุ่นมัว กี่เพ้ามีความทันสมัยและสง่างาม มันมีความเรียบง่ายเหมือนการปล่อยจิตวิญญาณให้ไหลลื่นไปกับการทำสมาธิ และเดินทางไปในสวนดอกไม้อย่างสงบนิ่ง
เช่นนี้ หลินซินเหยียน ผู้ผ่านวัยการใช้ชีวิตมาครึ่งหนึ่ง ก็ก้าวเท้าเดินด้วยท่าทางที่สุขุมสง่างาม บนใบหน้ามีร่องรอยที่กาลเวลามอบให้ไว้ ทว่ากลับดูไม่เปลี่ยนแปลงไป กลิ่นหอมแบบลึกลับที่เผยให้เห็นถึงเสน่ห์ที่ดูโบราณและสง่างาม ช่างดูมีเสน่ห์เหลือล้น
หลินซินเหยียนยืนอยู่ข้างลูกชายและยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะพูดกับลูกชายด้วยเสียงอันทุ้มต่ำ “ยินดีด้วยนะ”
จวงเจียเหวินยิ้มรับ
“โอกาสนี้ ขอเชิญคุณพ่อฝั่งเจ้าสาวกล่าวอวยพรให้กับคู่บ่าวสาวหน่อยครับ”
ในตอนนี้เองก็มีพนักงานยื่นไมโครโฟนมาให้เสิ่นเผยซวน วันนี้เขาไม่ได้สวมชุดสูท ทว่าชุดเครื่องแบบที่เขาใส่มากลับดูจริงจังและน่าเคารพ เขามองลูกสาวและลูกเขย จากนั้นก็พยักหน้าก่อนจะเอ่ยปากพูด “จากนี้ไป พวกเธอก็เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ในการเดินทางของเส้นทางชีวิตที่แสนยาวนานนี้ พวกเธอต้องสามัคคีกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุข ร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน ในฐานะพ่อ พ่อขออวยพรให้พวกเธออย่างใจจริง และพ่อจะอวยพรให้พวกเธอมีความสุขตลอดไป”
เมื่อเขากล่าวคำอวยพรให้คู่บ่าวสาวเสร็จ ด้านล่างของเวทีก็ตามมาด้วยเสียงปรบมือ
พิธีกรกลับมาพูดอีกครั้ง “ ขอให้ทั้งสองมีวันฉลองงานวิวาห์ที่เยี่ยมยอด เปี่ยมด้วยความหวัง ความรัก และความทรงจำอันงดงาม”
พิธีสมรสดำเนินมาถึงตรงนี้ นับว่าเกินครึ่งทางของลำดับพิธีการแล้ว ลำดับขั้นตอนที่เหลือก็คือ การชนแก้วเฉลิมฉลองในงานมงคล
เนื่องจากจวงเจียเหวินมีเพื่อนพ้องมากมาย ผู้บริหารในบริษัทก็มาร่วมงานงานแต่งนี้ไม่น้อย เขาจึงต้องชนแก้วหลายต่อหลายครั้ง บ้างก็บอกปัดได้ บ้างก็ยากที่จะบอกปัด จึงทำได้แค่ดื่มเหล้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม