ว่านเยว่กรุ๊ป
ผนังพื้นหลังของแผนกต้อนรับปูด้วยพื้นหลังสีทอง ตัวอักษรสี่ตัวที่ทรงพลัง ‘ว่านเยว่กรุ๊ป’ เป็นเหมือนมังกรแหวกว่ายสง่างาม สะดุดตา ทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะดูถูกดูแคลน
“ขอโทษนะคะ คุณไม่ได้นัดหมายไว้ ฉันไม่สามารถให้คุณขึ้นไปได้ค่ะ”แผนกต้อนรับพูด
ฉินยายืนอย่างกังวลตรงหน้าแผนกต้อนรับ “ฉันต้องการพบกับประธานของพวกคุณจริงๆ ถามเขาเรื่องหนึ่ง รีบจริงๆนะ”
หลินซินเหยียนไม่ได้ไปร้านสองวันแล้ว อีกทั้งยังติดต่อไม่ได้ เธอย้ายไปที่บ้านพักของจงจิ่งห้าว เธอไม่รู้ว่าบ้านพักอยู่ที่ไหน เลยกังวลใจ ดังนั้นเธอจึงมาที่นี่เพื่อถามจงจิ่งห้าวว่าหลินซินเหยียนทำไมถึงไม่ไปที่ร้าน
ตอนนี้ร้านเพิ่งเปิดกิจการ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่มาเพราะชื่อเสียงของเธอ ตอนนี้เธอหายไป จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเธอไม่จริงใจ
ยิ่งไปกว่านั้น หลินซินเหยียนจริงจังและกระตือรือร้นมากกับการทำงาน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ไปที่ร้าน โดยที่ไม่บอกไม่กล่าว
ถ้าสามารถติดต่อได้ เธอบอกว่าเธอไม่ได้ไปที่ร้านเพราะมีงานต้องทำ เธอก็สบายใจ เพราะตอนนี้เธอติดต่อใครไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
จะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร
“ขอโทษจริงๆค่ะ เราปล่อยให้คุณขึ้นไปโดยไม่ได้นัดหมายไม่ได้ค่ะ ถ้าทุกคนเป็นเหมือนคุณ ฉันคิดว่าเจ้านายของเราคงไม่ต้องทำอะไรแล้ว แค่พบกับคนทั่วไปแบบพวกคุณ ก็เสียเวลาไปหมดแล้วค่ะ”แผนกต้อนรับยังคงรักษาท่าทางที่สงบนิ่ง แต่คำพูดไม่สุภาพเหมือนเมื่อก่อนหน้า แถมโดนฉินยาหงุดหงิดใส่อีก
“พวกคุณ ทำไมคุณถึงไม่ติดต่อหาล่ะ หรือคุณโทรศัพท์ไปที่ห้องประธานของพวกคุณ ให้ฉันได้คุยโทรศัพท์กับเขาสักคำสองคำก็ได้”
“ไม่ได้ค่ะ ถ้าคุณมีเวลามาก คุณสามารถนั่งรอที่ล็อบบี้ได้ค่ะ เจ้านายลงมา คุณก็คุยกับเขาด้วยตัวเอง ถ้าเขาเต็มใจจะคุยกับคุณ คุณสามารถพูดได้มากเท่าที่คุณต้องการ”
“คุณทำไมเป็นคนแบบนี้?”
“ขอโทษนะคะ นี่มันเป็นหน้าที่ของฉันค่ะ”
ฉินยา หงอยเหงาสร้อยเศร้า คอตกเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก คนในบริษัทใหญ่ๆนี้ ทำไมแล้งน้ำใจแบบนี้นะ เธอแค่ต้องการพบจงจิ่งห้าวครู่เดียวเท่านั้นเอง
“โย่ คุณฉิน” ซูจ้านเดินเข้าประตูมา ขณะหมุนกุญแจรถในมือ ท่าทางชิวๆ
ฉินยาขี้เกียจที่จะสนใจเขา
หันหลังและเดินจากไป
“อา” ขณะเดินผ่านตัวเขา เขาดึงแขนของฉินยาเอาไว้ “ผมไม่กินคนหรอก ทำไมเจอกันจะต้องหนีด้วย อีกอย่าง พวกเราก็เป็นเพื่อนกัน ยังไงก็ต้องทักทายกัน คุณทำแบบนี้ รู้มั้ยว่ามันเสียมารยาทนะ?”
ฉินยาขมวดคิ้ว แล้วแกะมือเขา “จะมีมารยาทก็ต้องดูคน คุณมาถึงก็ลากๆดึงๆ ใครไม่รู้ คงคิดว่าคุณเป็นโรคจิต”
ซูจ้านเลิกคิ้ว ปัดๆชุดสูทที่ไม่ได้มีฝุ่นเลย แล้วมองไปที่ฉินหยา “คำพูดประโยคนี้ของคุณ ผมสามารถฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาทได้นะ ”
ใบหน้าของฉินยานิ่งขรึม พูดอย่างไม่แยแส “คุณจะบ้าหรือไง คุณเป็นคนยั่วฉันก่อนนะ ตอนนี้ยังจะมาอีก คุณนี้ต้องมองโลกกว้างๆหน่อยนะ”
ซูจ้านไม่ได้จะฟ้องเธอจริงๆ เพียงแค่อยากจะแกล้งเธอเท่านั้น เห็นเธอโกรธแบบนี้ ก็อมยิ้มออกมา “คุณมาหาจิ่งห้าวหรอ?”
ตอนที่เขาเดินเข้ามา เขาได้ยินเธอพูดกับแผนกต้อนรับ
ไม่รอฉินยาตอบ เขาก็พูดอีกว่า “ชอบประธานจิ่งห้าวของพวกเราแล้วหรอ?”
“คุณพูดบ้าอะไร?!”ฉินยาโกรธ ใบหน้าของเธอแดงก่ำ จงจิ่งห้าวหน้าตาหล่อเหลา เป็นผู้ชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ดูน่าเคารพ และมีเสน่ห์
แต่เธอรู้ดี ว่านั่นเป็นของหลินซินเหยียน
เธอเลยไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้
เขาใช้สิ่งนี้เพื่อมาแกล้งเธอ?
ตรงๆเลย ไม่ใช่คน!
“โกรธหรอ?” ซูจ้านเงยหน้ามองเธอ
ฉินยาอยากจะตบเขาจริงๆ แต่ก็พอมีสติดีอยู่เลยไม่ได้ทำ เธอมองเขาแรงๆทีหนึ่ง แล้วรีบเดินออกไปอย่างไว
ซูจ้านเม้มปาก เขายืนนิ่ง ท่าทางปราดเปรื่อง “คุณมาหาจิ่งห้าวเพื่อถามเกี่ยวกับคุณหลินใช่ไหม?”
ซูจ้านเพิ่งแยกจากเสิ่นเผยซวน เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินคดีกับเหอรุ่ยหลิน เขารู้ข่าวมาจากปากของเสิ่นเผยซวนว่าหลินซินเหยียนหายตัวไป ได้ยินว่า จงจิ่งห้าวอารมณ์เสียมากกับเรื่องนี้ เขาเองในฐานะที่เป็นเพื่อนรักเพื่อนซี้เลยต้องมาดูแล
เสียงฝีเท้าของฉินยาหยุดลง เขารู้เรื่องของหลินซินเหยียน
แต่เมื่อคิดถึงท่าทางไร้ยางอายของเขา ฉินยาก็ขัดแย้ง ยังไม่คุยกับเขาในทันที
“คุณหลินเกิดเรื่องขึ้น คุณเป็นเพื่อนของเธอจะไม่เป็นห่วงเธอหน่อยหรอ?” ซูจ้านหมุนตัวหันไปมองฉินยาที่กำลังลังเล
เกิดเรื่องขึ้นกับหลินซินเหยียน?
อยู่ดีๆจะเกิดเรื่องขึ้นได้ยังไง?
ฉินยาไม่เชื่อเขา หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาพูดกับเธอ เธอจะไม่สงสัยเลย แต่สำหรับผู้ชายคนนี้ เธอไม่มีอะไรประทับใจ
“คุณอย่ามาหลอกฉันหน่อยเลย คุณหลินอยู่ดีๆ ทำไมคุณต้องมาสาปแช่งเธอ จิตใจคุณทำด้วยอะไร?!”
ซูจ้าน“……”
นี่คือไม่เชื่อเขา?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม