สายตาของจงฉีเฟิงเบนมาทางนี้
ประธานจง?
เมื่อเฉิงยู่ซิ่วหันหน้ามาเห็นคนที่ยืนอยู่ที่ประตูชัดเจน ก็พลันตัวแข็งทื่อทันที ทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ประธานจางไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเฉิงยู่ซิ่ว จากตำแหน่งเดิมเดินข้ามไปหาจงฉีเฟิง “ประธานจงก็มาทานอาหารด้วยเหรอครับ ถ้ายังไงเรามาทานด้วยกันไหม”
ทั้งสองเคยร่วมธุรกิจกัน นับว่าค่อนข้างมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็เรียกหลายคนที่มากับจงฉีเฟิง “มาๆ ผมเลือกที่นั่งดีๆ ไว้ตรงนี้ ริมหน้าต่างเลย สามารถดูทิวทัศน์ไปพร้อมกับเพลิดเพลินอาหาร มันยอดเยี่ยมมาก”
คนเหล่านั้นไม่กล้าตัดสินใจ และหันเหสายตาไปหาจงฉีเฟิงแทน เหมือนเป็นการถามความเห็นจากเขา
จงฉีเฟิงเหลือบมองไปด้านหลังเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “ไปเถอะ”
ประธานจางรีบเดินนำมา เมื่อถึงที่ก็ช่วยขยับเลื่อนเก้าอี้ให้จงฉีเฟิง
หลายๆ คนนั่งลงประธานจางเชิญบริกรมาให้บริการ
เฉิงยู่ซิ่วทำตัวไม่ถูก วางมือไว้ใต้โต๊ะและจับกันแน่น
เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบกับจงฉีเฟิง จึงไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า
มีคนล้อประธานจาง “มีคนงามอยู่เป็นเพื่อนด้วย เรียกเรามาแบบนี้ไม่กลัวจะรบกวนพวกคุณเหรอครับ”
“นั่นสิประธานจางไปหาคนงามมาจากไหน ทำไมไม่เคยเห็นเลย”
เฉิงยู่ซิ่วแทบจะเงยหน้าขึ้นโดยสัญชาตญาณ ซึ่งบังเอิญว่าตอนนี้จงฉีเฟิงก็กำลังมองเธออยู่พอดี ทั้งสองจึงสบตากัน
เฉิงยู่ซิ่วอยากอธิบาย แต่ตระหนักได้ว่าที่นี่มีคนมากมาย และไม่สามารถพูดออกมาได้ง่ายๆ
จงฉีเฟิงเคยบอกว่าเขาไม่อยากให้ใครรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา
เธอไม่กล้าส่งเสียง ยิ่งไม่กล้าพูดกับจงฉีเฟิงในเวลานี้ กลัวว่าจะเป็นการดึงดูดความสนใจของผู้อื่น
เธอมองไปยังประธานจาง “ฉันยังมีเรื่องต้องทำจริงๆ ค่ะ ฉันอยากกลับก่อน”
ประธานจางโบกมือให้เธอ หลังจากนั้นก็ให้เธอนั่งลง “อย่าเครียด อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระที่พวกเขาพูด อยู่ทานอาหารอย่างสบายใจเถอะครับ เดินไปหิวไปไม่ได้นะ”
เพื่อทำให้ยู่ซิ่วสบายใจประธานจางมองชายสองคนที่เพิ่งล้อเขา แล้วส่งเสียงสบถออกมาก่อนจะพูดว่า “ผมเป็นคนมีภรรยาแล้ว คนแบบนี้เหรอจะไปมีนอกมีในข้างนอก ท่านนี้คือ...”
เขาชี้ไปที่ยู่ซิ่ว “ผู้มีพระคุณของผม”
“พวกคุณไม่ใช่ไม่รู้ พวกโบราณคร่ำครึในบริษัทน่ะพูดยากแค่ไหน ผมอยากปฏิรูปนานแล้ว แต่พวกเขาเหมือนก้อนหินในหลุมทั้งเหม็นทั้งแข็งขวางหน้าผม ทำให้ผมเริ่มต้นไม่ได้เลย ครั้งนี้ ท่านนี้...โอ้จริงสิ คุณชื่ออะไรครับ”
ประธานจางต้องการแนะนำเฉิงยู่ซิ่ว ถึงได้เพิ่งพบว่าตัวเองไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร
เวลานี้เขาเพิ่งรู้ว่าตอนประชุมตัวเขาสุดยอดเพียงใด ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อก็เอ่ยปากให้ตำแหน่งรองประธานกับเสมียนที่เพิ่งทำงานแค่สองเดือน
ตอนที่ประธานจางเอ่ยถาม จงฉีเฟิงเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย
เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้หญิงที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับเขามาสองเดือนชื่ออะไร
“เฉิงยู่ซิ่วค่ะ” เธอลดสายตาลง
จงฉีเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ที่แท้ก็ชื่อเฉิงยู่ซิ่ว ชื่อเหมือนกุลสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่
“เฉิงยู่ซิ่วเหรอครับ เป็นชื่อที่ดีมาก”ประธานจางชื่นชม “ตอนนี้ชื่อของผู้หญิงล้วนเป็นพวกความสวยงาม น่าบ้าง หลิงบ้าง นิยมกันแต่แบบนี้ ยู่ซิ่ว อ่อนโยนและสง่างาม ช่างไพเราะดั่งบทกวีและไม่เหมือนใคร ฟังดูดี แต่ไม่ใช่ประเด็น”ประธานจางยิ้มครู่หนึ่ง “เธอคนนี้ แจงทฤษฎียาวเหยียดจนทำเอาพวกโบราณคร่ำครึในบริษัทผมโต้แย้งไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียว”
ประธานจางลุกขึ้นจากที่ แล้วแนะนำอย่างจริงจัง “ท่านนี้คือรองประธานบริษัทคนใหม่ของผม ต่อไปอาจจะกลายเป็นมือขวาของผมในอนาคต มีวิสัยทัศน์ มีความสามารถ อย่ามองว่าเป็นผู้หญิงสวย ความสามารถนั้นดีเลิศยิ่งกว่าใบหน้าของเธอเสียอีก”
ประธานจางชื่นชมความสามารถของเฉิงยู่ซิ่วจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ประชุม พูดจนทำเอาคนเหล่านั้นพูดไม่ออก
“จริงเหรอครับ”
สายตาทุกคนต่างมองไปยังเฉิงยู่ซิ่ว
เครื่องจักรว่านเซี่ยงเคยครองตลาด ไม่มีใครไม่รู้จัก เพียงแต่ขณะนี้มีผู้ผลิตเครื่องจักรเพิ่มขึ้น จึงกระทบต่อพวกเขาไม่น้อยประธานจางต้องการปรับเปลี่ยนมาตลอด แต่ผู้อาวุโสของบริษัทไม่เห็นด้วย การปฏิรูปต้องใช้เงินและเวลามากจำนวนมาก พวกเขาไม่อยากดิ้นรน คิดแค่ว่าตอนนี้ก็สบายดีอยู่แล้ว อยู่เฉยๆ มีรายรับก็พอ
แม้ดีไม่สู้เมื่อก่อน แต่ก็ยังทำเงินได้
ประธานจางต้องการปฏิรูปมานานแล้ว แต่เพราะคนพวกนี้กดขี่ ลำพังตัวเขานั้นไม่มีคนที่ช่วยหนุนหลัง ดังนั้นจึงไม่ได้ทำสักที
ทุกคนต่างแปลกใจมาก ผู้หญิงคนเดียวสามารถหุบปากพวกโบราณคร่ำครึได้อย่างไร
“ไม่หรอกค่ะประธานจางชมเกินไปแล้ว” เฉิงยู่ซิ่วถูกพวกเขามองจนอึดอัด บรรยากาศแบบนี้ เธอทานไม่ลงเลย ทานลงไปก็เกรงว่าอาหารจะไม่ย่อย
“ประธานจาง ฉันมีเรื่องต้องทำจริงๆ ค่ะ” ครั้งนี้ท่าทีของเฉิงยู่ซิ่วเด็ดขาดมาก พูดในขณะที่ยืนขึ้น เห็นได้ชัดว่าต้องการไป
ประธานจางมองออกว่าเธอมีทัศนคติแน่วแน่ที่จะไป หากบังคับอีกเกรงว่าจะเกิดระยะห่าง เขายังต้องการเก็บคนมีความสามารถแบบนี้เอาไว้เพื่อช่วยเหลือตัวเองในการปฏิรูปบริษัท ดังนั้นจึงผ่อนปรน “เอาแบบนี้ ผมขอชนแก้วกับคุณสักแก้ว แล้วผมจะเรียกรถให้ไปส่งคุณกลับบ้าน คุณว่าดีไหม”
เฉิงยู่ซิ่วครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะพยักหน้าตกลง มันไม่ดีหากจะทำให้คนคนนี้ขุ่นเคือง ต่อไปยังต้องทำงานในบริษัท และเขาก็ผ่อนปรนแล้ว ก็แค่ไวน์แก้วเดียว
เฉิงยู่ซิ่วหยิบไวน์บนโต๊ะขึ้นมาชนแก้วกับประธานจาง
“คุณเป็นแม่ทัพผู้แข็งแกร่งที่พระเจ้าส่งมาให้ผม เส้นทางการปฏิรูปนั้นยากลำบาก มีเรื่องจำเป็นอะไร มีปัญหาอะไร แค่บอกกับผม”ประธานจางเป็นคนองอาจเปิดเผยและมีความยุติธรรม สามารถบริหารบริษัทใหญ่ขนาดนั้นได้ก็ไม่ใช่คนธรรมดา
“ขอบคุณประธานจางที่ให้โอกาสฉันค่ะ ไม่กล้าเทียบเคียงเป็นแม่ทัพผู้แข็งแกร่ง อยากให้บริษัทเข้าสู่ยุคใหม่ ยังต้องเป็นทุกคนผนึกกำลังร่วมมือกัน นอกจากพวกเรา ต่อจากนี้ทุกคนยังต้องทำงานให้หนักขึ้นด้วยค่ะ”
“พูดได้ดี”ประธานจางยกหัวแม่มือให้เฉิงยู่ซิ่ว “ทั้งหมดอยู่ในไวน์แก้วนี้แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม