จงเหยียนซีลุกยืนขึ้นทันใด จากนั้นกล่าวเบาๆ “คุณชอบคิดไปเอง ฉันไม่พนันกับคุณ เพราะว่าไม่ชอบคนแบบคุณ คุณไม่ใช่สัตว์ประหลาดกินคนสักหน่อย ทำไมฉันต้องกลัวคุณด้วย อีกอย่างฉันก็ไม่ชอบฟังความรักเก่าๆของคุณ ดังนั้นต่อไป ก็อย่าคุยกับฉันเรื่องอดีตภรรยาคุณอีก ฉันรู้สึกเบื่อมาก พูดตรง ๆ การทานอาหารครั้งนี้ฉันทานอย่างไม่มีความสุข”
เมื่อพูดจบเธอก็ดึงเก้าอี้ออกลุกขึ้นหันหลังเดินออกไป
เจียงโม่หานนั่งนิ่งไม่ขยับ สายตาทอดไปตามฝีเท้าเดินของเธอที่เดินออกไปด้านนอก
เธอโกรธเหรอ
เป็นเพราะเขากดดันเธอมากเกินไปเหรอ
มือที่วางอยู่บนโต๊ะของเขาค่อยๆกำแน่นขึ้น
หรือว่าเขาควรจะเปลี่ยนวิธี
จงเหยียนซีที่เดินออกมาจากบ้านได้ทำการโทรศัพท์
เจียงโม่หานเซ็นโปรเจกต์งานแล้ว อย่างนั้นการซื้อกิจการครั้งนี้ก็จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ในรอบแรกจะต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล เพื่อโจมตีหุ้นของบริษัทที่ถูกซื้อไป
แม้ว่าทั้งสองบริษัทจะลงทุนเงินพร้อมกัน แต่ก็เป็นก้อนจำนวนเงินที่มหาศาล
เจียงโม่หานรู้ทั้งรู้ว่าเงินจำนวนนี้ออกไปแล้วไม่มีทางได้กลับคืน อนาคตต่อให้ซื้อกิจการสำเร็จ ก็เกรงว่าอาจเป็นบริษัทที่สูญเปล่า เขาจะต้องขาดทุนย่อยยับ แต่ก็ยังลงทุนเงินก้อนแรกไป
แต่แล้วเวลานี้ กู้เสียนกลับมาบอกลากับจงเหยียนซี เขาต้องกลับบ้าน สำหรับเขาแล้ว ประเทศจีนคือที่ทำงานของเขา เขาติดตามแม่เติบโตที่ต่างประเทศ และนั่นคือที่ที่เขาเติบโตคือบ้านของเขา
จงเหยียนซีไม่ได้ถามว่าทำไมถึงกลับบ้านกะทันหัน ในฐานะเพื่อนจึงได้ไปส่งเขาที่สนามบิน
เขากับแม่ของเขาต่างพึ่งพาอาศัยกัน คำพูดของแม่เขาจะต้องเชื่อฟัง
มองดูกู้เสียนเช็กอินเข้าไปในประตูขึ้นเครื่องแล้ว จงเหยียนซีถึงได้หันหลังออกจากสนามบิน เถียนฉีเฟิงเปิดประตูรถให้กับเธอ
จงเหยียนซีโน้มตัวเข้าไปในรถ
“เรื่องที่คุณให้ไปสืบมีความคืบหน้าแล้วครับ คนที่ชื่อหนานเฉิงกำลังสืบการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งหนึ่งที่นานมาแล้วครับ” เถียนฉีเฟิงก็ได้นั่งเข้าไปในรถแล้วกล่าว
จงเหยียนซีกลับมาจากคฤหาสน์ก็รู้สึกเหมือนเจียงโม่หานไปรู้อะไรมาบางอย่าง จึงได้ให้น้องชายของเถียนฉีเฟิงติดตามหนานเฉิง ว่าช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับอะไร
คนที่เจียงโม่หานเชื่อใจมากที่สุดก็คือหนานเฉิง ติดตามเขาจะต้องได้เบาะแสอย่างแน่นอน
และก็เป็นไปตามคาด เขานั้นไปสืบเรื่องราวในอดีต อย่างนั้นก็แปลว่า เก้าสิบเปอร์เซ็นต์คือเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ไปสืบเรื่องนี้อย่างกะทันหัน
สายตาของเธอมองออกไปด้านนอก
ใบหน้าไร้อาการใด ๆ แต่ในใจเกิดความสงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไร
เธอคิดไม่ออกว่าตัวเองนั้นตรงไหนที่ทำให้เขาเกิดความสงสัย
เถียนฉีเฟิงมองผ่านกระจกหลังที่เห็นท่าทางที่สงสัยของเธอ จึงกล่าวขึ้น “ประธานกวงเคยไปปรากฏตัวที่บริษัทหลักทรัพย์ซินไฮ่” จงเหยียนซีขมวดคิ้ว “นายพูดว่าอะไรนะ”
เถียนฉีเฟิงกล่าว “ดูเหมือนประธานกวงจะตั้งใจไปให้เขาเห็น”
จงเหยียนซีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากำลังจะโทรออก สุดท้ายก็วางโทรศัพท์ลง
ในที่สุดเธอก็เข้าใจเสียดี เธอไม่สามารถที่จะทำตามแผนการของเธอจริง ๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ของเธอมักจะแอบช่วยเธอเสมอ
เธอยกริมฝีปากยิ้มเศร้าขึ้น
เถียนฉีเฟิงอธิบาย “ความจริงแล้วประธานกวงอยากจะรู้ว่าเจียงโม่หานยังมีใจให้กับคุณอยู่หรือเปล่า”
ดังนั้นจึงได้ตั้งใจไปปรากฏตัวที่บริษัทหลักทรัพย์ซินไฮ่พื่อให้เจียงโม่หานเห็น
เขาต้องการทดสอบความรู้สึกผิดของเจียงโม่หานนั้นมีมากแค่ไหน รู้ทั้งรู้ว่านี่เป็นหลุมพราง ดูสิว่าเขาจะกล้าโดดลงหรือไม่
กวนจิ้งนั้นอาบน้ำร้อนมาก่อน ทำอะไรจะไม่ระแวดระวังได้อย่างไร ให้เจียงโม่หานเจอตัวง่ายๆ นั่นคือความตั้งใจของเขา
ตอนนั้นเขาเล็งเจียงโม่หานไว้ คิดว่าเขาจะดีกับจงเหยียนซี แต่คิดไม่ถึงว่า……
จงเหยียนซีรู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างตลกมาก คนที่จิตใจเต็มไปด้วยความแค้น ถึงแม้จะยังมีความรัก จะอธิบายอะไรได้
ในใจของเขาความแค้นแรงกว่าความรัก
ต่อให้เขาจะเสียใจ สำนึกผิด เธอก็ไม่ได้รักเขาอีก
นี่มันไม่มีความหมายใด ๆเลย
แต่ว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ไปแล้ว ก็คงต้องปล่อยให้เป็นแบบนี้
แบบนี้ เจียงโม่หานก็ยังเซ็นโปรเจกต์งานอย่างเต็มใจ อย่างนั้นก็น่าจะรู้ว่านี่เป็นหลุมพรางถึงได้โดดเข้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม