กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 1008

ประตูใหญ่ที่มีอริยะปราชญ์ผู้มีเทวรูปของศาลบุ๋นนั่งพิทักษ์แต่ละ บานไม่ได้เชื่อมโยงถึงกัน ดังนั้นเฉินผิงอันสามคนจึงต้องหวนกลับไป ที่นอกฟ้ าแล้วค่อยอาศัยประตูใหญ่บานของแจกันสมบัติทวีปกลับไป ยังไพศาลอีกครั้ง

ในเมื่อมาถึงกลางอากาศเหนือแจกันสมบัติทวีปแล้ว พวกเขาก็ ไม่รีบร ้อนเดินทางกันอีก ระหว่างที่เดินทางไปยังฉู่โจวของต้าหลี คน ทั้งสามเหมือนเดินลงไปจากขั้นบันได

หลุบตาลงมองไปยังขุนเขาสายน้าบนแผ่นดินของหนึ่งทวีป ก้อน เมฆลอยอยู่เหนือท้องฟ้ าคราม น้าอยู่ในขวดแจกัน

เซี่ยโก่วที่กระโดดโลดเต้นหันหน้าไปมองเสี่ยวโม่ ถอนหายใจ เอ่ย “เสี่ยวโม่ เจ้าแต่งกายเช่นนี้ ตามหลักแล้วต้องบอกว่าบ้านนอก บ้านนาอย่างยิ่ง แต่พอเอามาสวมอยู่บนร่างของเจ้ากลับไม่เหมือนกัน แล้ว หล่อเหลายิ่งนัก จริงๆ นะ คู่ควรกับบทกวีบทหนึ่งที่บอกว่า ทัศนียภาพเบื้องหน้ามิอาจใช ้ถ้อยคามาบรรยายได้!”

เสี่ยวโม่เงียบงัน

เซี่ยโก่วเดินอาดๆ ไหล่โยกขึ้นโยกลงเลี่ยนแบบภูตน้าน้อยยาม เดินลาดตระเวนภูเขา“หมวกเหลืองรองเท้าเขียวไม้เท้าไม้ไผ่ เซียน กระบี่เหยียบย่างอยู่บนทางภูเขาสูงชันเมฆหมอกลอยอบอวล”

อยู่บนภูเขาลั่วพั่วนานวันเข้าก็ถือว่าเข้าเมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตาม แล้ว เซี่ยโก่วจึงได้เรียนรู ้นิสัยความเคยชินและเรื่องราวผู้คนของที่นั่น มาไม่น้อย

เสี่ยวโม่อดทนแล้วอดทนอีก

ดูเหมือนว่าแรงบันดาลใจทางวรรณกรรมของเซี่ยโก่วจะพรั่งพรู เหมือนน้าพุ ไม่ว่าจะสกัดขวางอย่างไรก็ขวางไม่อยู่ “สามพันปี มาตามหามือกระบี่ ต้นไม้โบราณแห้งเหี่ยวเจอวสันต์ฤดูอีกครั้ง นับ แต่เห็นดอกเหมย จนถึงทุกวันนี้ก็ยังกังขาไม่คลางแคลง”

เฉินผิงอันยิ้มถาม “ทาไมประโยคเริ่มต้นถึงไม่ใช่ “หนึ่งหมื่นปี” ล่ะ?”

เซี่ยโก่วหลุดหัวเราะพรีด “จะดีกว่า “สามพันปี” ได้หรือ?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ก็จริงนะ ดูท่าแล้วในเรื่องของการแต่ง บทกวี แม่นางเซี่ยก็ถือว่าได้เดินเข้าห้องเรียนแล้ว”

เซี่ยโก่วเอาสองมือไพล่หลัง เอ่ยเนิบช ้าว่า “เรื่องราวบนโลกสั้น เหมือนความฝันวสันต์ทิ้งปิ่นเดินลงภูเขา ทิ้งปิ่นไว้ริมน้า ในโลกที่ ซับซ้อนวุ่นวายต้องใช้ใจพิศมองท าความเข้าใจ จึงจะได้รู้จักตัวเอง อย่างแท้จริง”

เฉินผิงอันเงียบไปพักหนึ่ง รู ้สึกทนรับไม่ค่อยไหวแล้วจริงๆ จึงเอ่ย ว่า “เสี่ยวโม่วันหน้าเจ้าเป็ นตัวของตัวเองไปเถอะ”

เสี่ยวโม่ลังเลเล็กน้อย ก่อนเอ่ยว่า “บทกวีที่ธรรมดาสามัญนี้ ของป๋ ายจิ่ง ดีกว่ากลอนต่าโหยว (กลอนที่ไม่เน้นความคล้องจองและ ยังสอดแทรกมุกตลก) อยู่เล็กน้อย”

เฉินผิงอันที่เดินอยู่ตรงกลางยกสองมือขึ้น แยกกันชูนิ้วโป้ งไป ให้กับพวกเขา “พวกเจ้าสองคนช่างเป็ นคู่สร ้างคู่สมกันจริงๆ”

เซี่ยโก่วพลันเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าหลี่ซีเซิ่งผู้นั้นจะกาลังเดินทาง มาที่นี่”

เฉินผิงอันพยักหน้ากล่าว “พวกเจ้าสองคนกลับไปที่ภูเขาลั่วพั่ว ก่อนเถอะ ข้าคุยกับเขาจบแล้วจะตรงไปที่โรงเรียนเลย”

อันที่จริงก่อนที่จะถูกเฉินผิงอันเรียกตัวไป เซี่ยโก่วก็แอบทิ้ง “ของขวัญพบหน้า” ชิ้นหนึ่งไว้ที่หอดูดาวสกุลลู่และป้ อมจือหลันแล้ว

รอกระทั่งพวกเขาจากมาได้ประมาณครึ่งก้านธูปแล้ว ตลอดทั้ง จวนสกุลลู่ก็เหมือนเจอกับวัวดินพลิกตัว ปลาอ๋าวโก่งหลัง คาดว่า ตอนนี้สกุลลู่ก็น่าจะกาลังเก็บกวาดเรื่องเละเทะกันอยู่ คงจะยุ่งจนหัวหู ไหม้ ลาพังแค่เงินค่าซ่อมแซมก้อนนั้นก็เป็ นเงินฝนธัญพืชก้อนใหญ่ แล้ว

เสี่ยวโม่กับเซี่ยโก่วทะยานลมไปที่ภูเขาลั่วพั่วได้ไม่นานเท่าไร หลี่ซีเซิ่งก็ปรากฏตัวอยู่ใกล้กับเฉินผิงอัน ใบหน้าประดับรอยยิ้ม พูด เข้าประเด็นว่า “เฉินผิงอัน อาจารย์ซานซานจิ่วโหวให้ข้าน าความมา บอกเจ้า บอกเจ้าว่าไม่ต้องเดาแล้ว ปีนั้นเขาไปเยือนถ้าสวรรค์หลีจู

เคยพักอยู่ที่ตรอกหนีผิงช่วงระยะเวลาหนึ่งจริงๆ เพียงแต่ว่าอยู่ไม่นาน นัก แค่ไม่กี่ปีเท่านั้น ส่วนภายหลังที่เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ผู้อาวุโส บอกว่าเจ้าไม่ต้องคิดมาก ล้วนเป็ นเจ้าที่ “รนหาที่เอง”

กล่าวมาถึงตรงนี้ หลี่ซีเซิ่งก็ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “วางใจเถอะ คา กล่าวว่า “รนหาที่เอง” ที่ผู้อาวุโสท่านนี้ใช ้ประเมินเจ้า เป็ นคาที่มี

ความหมายในเชิงบวก” เฉินผิงอันโล่งอก
หลี่ชีเชิงยิ้มเอ่ย “ดูจากตาแหน่งทางภูมิศาสตร ์ พวกเจ้าถือว่า เป็ นเพื่อนบ้านกันจริงๆ แต่เวลาห่างมานานหลายปีเกินไป อันที่จริงจึง ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรให้พูดถึงแล้ว เจ้าสบายใจได้เลย”

ในที่สุดเฉินผิงอันก็ได้พิสูจน์การคาดเดาอย่างหนึ่งจากหลี่ซีเซิ่ง

หลี่ซีเซิ่งใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “เฉินผิงอัน พูดถึงแค่การคาดเดา ของข้าคนเดียว เจ้าฟังแล้วก็ปล่อยผ่านไป เจ้ารู ้หรือไม่ว่าอาจารย์ ซานซานจิ่วโหวเคยร่วมมือกับหลี่เพิ่งทดลองที่จะก่อตั้งจารีตประเพณี อย่างใหม่ให้กับใต้หล้าไพศาล?’

เฉินผิงอันพยักหน้า “เคยได้ยินอาจารย์พูดถึงเรื่องนี้ ข้าจึงรู ้เรื่อง วงในบางอย่าง”

ในโลกมนุษย์เคยมีหวังที่จะมี “เจ้าแห่งวิถีมนุษย์” ผู้หนึ่งปรากฏ ตัวขึ้นมา

หลี่ซีเซิ่งมองเฉินผิงอันแวบหนึ่ง พยักหน้า ในเมื่อเขาเดาความ จริงได้แล้วก็ไม่ต้องพูดมากอีก จึงเปลี่ยนเรื่องคุย “เคยได้ยินเรื่องของ ซินขู่แห่งยอดเขารุ่นเยว่มาก่อนกระมัง?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เจ้าลัทธิลู่พูดถึงคนผู้นี้หลายครั้ง อิจฉา อย่างยิ่ง”

“ซินขู่ผู้ฝึกยุทธแห่งใต้หล้ามืดสลัวเป็ นบุคคลเช่นเดียวกับกุ่ยเค่อ แห่งเปลี่ยวร ้าง”

หลี่ซีเซิ่งกล่าว “ใต้หล้าทุกแห่งล้วนมีบุคคลที่เป็ นเช่นนี้อยู่ และ ท่านผู้นั้นของใต้หล้าไพศาลพวกเรา เขาไม่ยอมรับวิธีการของหลี่เซิ่ง จึงชักน าให้จารีตประเพณีอย่างใหม่มิอาจน ามาปฏิบัติได้ต่อ”

เฉินผิงอันไม่ให้คาวิจารณ์ในเรื่องนี้ เขาไม่กล้าบุ่มบ่ามให้ ข้อสรุปจริงๆ

ลังเลเล็กน้อย เฉินผิงอันก็เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “จงขุย?”

หากจะบอกว่าเฉินผิงอันที่รับหน้าที่เป็ นอิ่นกวานคนสุดท้ายคือ ตัวแปรอย่างหนึ่งของก าแพงเมืองปราณกระบี่

ถ้าอย่างนั้นใบถงทวีปก็มีตัวแปรอยู่สองอย่าง หนึ่งหลบซ่อนหนึ่ง ชัดเจน ก็ได้แก่ลูกศิษย์นักการของส านักฝูจีและวิญญูชนแห่งส านัก ศึกษาต้าฝู จงขุย

เฉินผิงอันอยากรู ้ว่าจงขุยใช่หนึ่งในผู้สืบทอดมรรคกถาของ อาจารย์ซานซานจิ่วโหวหรือไม่?

หลี่ซีเซิ่งยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็ นการคาดเดาทั้งหมด ไม่สู้เดา ให้ใหญ่กว่านี้สักหน่อย”

เฉินผิงอันกล่าวอย่างตกตะลึง “จงขุยคือหนึ่งในร่างแยกของ อาจารย์ซานซานจิ่วโหว?!”

เดิมทีอย่างมากสุดเขาก็เดาแค่ว่าจงขุยคือลูกศิษย์ผู้สืบทอดบาง คนของผู้อาวุโสท่านนี้ที่กลับชาติมาเกิดใหม่

ก็เหมือนอย่างที่ลู่เฉินกล่าว หากไม่เป็ นเพราะอาจารย์ซานซาน จิ๋วโหวปรากฏตัวน้อยครั้ง แทบจะไม่เคยโผล่หน้ามาให้ใครเห็นเลย ไม่อย่างนั้นพวกผีเซียนที่ทาผิด “กฎสวรรค์ของราชวงศ์ก่อน ปรากฏ ตัวมาตนหนึ่งก็จะต้องถูกฟันตนหนึ่ง

อาจารย์ซานซานจิ่วโหวที่อาพรางตัวตนอย่างลึกล้าท่านนี้ นับตั้งแต่เส้นทางการฝึกของตัวเขาเองไปจนถึงการสืบทอดวิชาและ การรับลูกศิษย์ ล้วนปิดบังไว้อย่างล้าลึก

เพราะก่อนหน้านี้เฟิงอี้ที่ตอนนี้พักอยู่ในศาลเทพอัคคีของเมือง หลวงต้าหลีชั่วคราวได้เปิดเผยความลับสวรรค์บางอย่างแก่เฉินผิงอัน เขาถึงได้รู ้จักลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนหนึ่งและลูกศิษย์ที่ไม่ได้รับการ บันทึกชื่ออีกสองคนที่อายุค่อนข้างน้อย

บทที่ 1008.1 อ่านตาราชอบราตรีที่ยาวนาน 1

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!