เสี่ยวโม่กล่าว “อย่าน้อยเนื้อต่าใจไปเลย เจ้าลองคิดว่าตัวเองเจอ กับสถานการณ์เช่นนี้ลองนึกถึงความรู ้สึกของข้าดูบ้างสิ?”
เชี่ยโก่วยิ้มกว้าง สุดท้ายเป็ นเสี่ยวโม่ที่จ่ายเงิน นางเองก็ไม่ได้ แย่งที่จะจ่าย
เดินไปบนถนนด้วยกัน เห็นได้ชัดว่าหางของเซี่ยโก่วเริ่มตวัดขึ้น ชี้ฟ้ าอีกครั้ง หัวเราะหึ หึเอ่ยว่า “เสี่ยวโม่ หากว่าพวกเรามีลูกชาย หญิงด้วยกันก็ดีน่ะสิ อืม ให้เหมือนอย่างหมี่ลี่น้อย ใสชื่อน่ารัก พวก เราคอยปกป้ องนางให้ดีอยู่ทุกวัน ไม่ต้องให้นางรีบร้อน ค่อยๆ เติบโต ไปช้าๆ”
เสี่ยวโม่ไร ้คาพูดตอบโต้ เงียบไปนานถึงโพล่งประโยคหนึ่งที่ ตัวเองคิดว่าเป็ นการตัดความสัมพันธ์อย่างชัดเจนมากพอแล้ว “เจ้ามี ความสุขก็พอ”
เสี่ยวโม่จาภาพเหตุการณ์ที่ได้พบเจอกับป๋ ายจิ่งเป็ นครั้งแรกได้
แต่เสี่ยวโม่กลับมิอาจรู ้ได้เลยว่าครั้งแรกที่ป๋ ายจิ่งพบตนเป็ นเวลา ใดสถานที่ใด
เพราะถึงอย่างไรครั้งแรกที่ทั้งสองฝ่ ายพบหน้ากันอย่างเป็ น ทางการก็เป็ นป๋ ายจิ่งที่อยู่ดีๆ ก็บอกว่าจะถามกระบี่กับเขา จากนั้นจะ
ผูกสมัครเป็ นคู่บาเพ็ญเพียรกัน ทาเอาเสี่ยวโม่มึนงงไปหมด ตอน นั้นป๋ ายจิ่งยังอธิบายเสริมมาอีกประโยคว่า ใครถามกระบี่ชนะก็นอน กับคนนั้น!
……
นอกฟ้ า เจ้าลัทธิลู่มองเรื่องสนุกอยู่ไกลๆ แล้วก็เริ่มนอนทะยาน ลม ทาท่าว่ายน้าหงายหน้าขึ้นฟ้ า สุขใจสบายอุราอย่างแท้จริง
ผลคือถูกนักพรตเฒ่าคนหนึ่งยกเท้าเหยียบลงบนหน้า
ลู่เฉินรีบหดคอหลบพื้นรองเท้าที่กาลังจะกดทับลงมา พลิกตัว กลับแล้วค่อยหยุดยืนนิ่งคารวะตามขนบลัทธิเต๋าหน้าทะเล้น “คารวะ อาจารย์อาปี้เซียว”
เจ้าอารามผู้เฒ่ายืนอยู่ที่เดิม หัวเราะหยันเอ่ยว่า “เรื่องครึกครื้นที่ รู้ผลลัพธ์ดีอยู่แล้วประเภทนี้ มีอะไรให้น่าดูกัน”
มีจอมปราชญ์น้อย บวกกับวิถีโคจรของเส้นทางชิงเต้าที่ชัดเจน ตั้งแต่แรกเริ่มใต้หล้าเปลี่ยวร ้างก็ไม่ได้คิดจะพินาศวอดวายไปพร ้อม กับใต้หล้าไพศาลอยู่แล้ว
หาไม่แล้วป๋ ายเจ๋อที่หวนกลับมายังเปลี่ยวร ้างก็ไม่มีทางมอง “เรือ ข้ามฟาก สองล าตัดสลับจนกลายเป็ นหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าโจวมี่ต้องการให้ศาลบุ๋นสะอิดสะเอียน จากนั้นทา ให้หลี่เชิงมิอาจอาศัยเส้นทางสายเก่าที่ตัวเองเคยเดินผ่านมาก่อนมา
ชดเชยช่องโหว่ที่ปรมาจารย์มหาปราชญ์ทิ้งไว้บนมหามรรคาได้อย่าง ราบรื่น
เห็นเพียงว่าเจ้าลัทธิลู่มีสีหน้าอึ้งค้าง รู ้สึกลาบากใจยากจะเอื้อน เอ่ย
อาจารย์อาปี้เซียวท่านเข้มงวดกับผู้อื่น ใจกว้างกับตัวเองนี่นา
เจ้าอารามผู้เฒ่ากล่าว “ข้ามาหาสหายเก่า จะเหมือนกับเจ้าได้ หรือ?”
ลู่เฉินบ่น “เสี่ยวโม่ผู้นี้ก็จริงๆ เลย ไม่รู ้จักเป็ นฝ่ ายมาหาอาจารย์ อาด้วยตัวเอง อาศัยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับข้า เดินทางไกลข้าม ทวีปจะเป็ นไรไป ข้าไปต้อนรับที่ม่านฟ้ าด้วยตัวเอง ใครจะกล้า ขัดขวาง”
เจ้าอารามผู้เฒ่ากล่าวด้วยสีหน้าเฉยเมย “เจ้าลัทธิลู่จดจ าค าพูด ที่ตัวเองพูดวันนี้ด้วยล่ะ”
ลู่เฉินเอ่ยอย่างขุ่นเคือง “เสี่ยวโม่มาเป็ นแขกที่ใต้หล้าของพวก เราก็อย่าได้โอ้อวดตัวเองเกินไปนัก มาพบอาจารย์อาปี้เซียวแล้ว มา เงียบๆ จากไปเงียบๆ ย่อมดีที่สุด”
เจ้าอารามผู้เฒ่ากล่าว “ผลสาเร็จบนมหามรรคาของหลวี่เหยียน ผู้นั้นจะต้องสูงมากแน่”
ลู่เฉินพยักหน้ารับอย่างแรง “โชคดีได้เดินทางร่วมกับสหายฉุนห ยางอยู่ในมืดสลัว ถือเป็ นเกียรติอย่างสูง”
เจ้าอารามผู้เฒ่าหัวเราะ “ส่วนป๋ ายจิ่ง หากนางเลื่อนเป็ นขอบเขต สิบสี่ได้เมื่อไหร่ก็มิอาจดูแคลนได้เช่นกัน”
ลู่เฉินยังคงพยักหน้ารับรัวๆ เป็ นไก่จิกเมล็ดข้าวเปลือก
ร ้ายกาจ ร ้ายกาจกันทุกคน แต่ละคนต่างก็มีความองอาจห้าว หาญทะยานฟ้ า กลับเป็ นผินเต้าที่แขนขาเล็กบาง แค่ยินดีที่ได้ฟัง ยินดีที่ได้เห็นเท่านั้น
เจ้าอารามผู้เฒ่าหัวเราะเสียงเย็น “ได้เห็นกระบี่บินสองเล่มของ เฉินผิงอันกับตาตัวเองบวกกับเล่มสุดท้ายที่ผสานมรรคานั้น เจ้าลัทธิ ลู่ไม่ใช่ว่าแค่คิดถึงก็หวาดกลัวไม่หาย รู ้สึกเย็นวาบที่ลาคอหรอก หรือ?”
ลู่เฉินนวดคลึงปลายคาง เริ่มพูดจาเหลวไหลด้วยท่าทางจริงจัง “ยังดี ยังดี ข้ากับเฉินผิงอันเป็ นสหายรักกัน พบหน้ามีแต่จะดื่มเหล้า ด้วยกัน ไม่มีทางหันอาวุธเข้าห้าหั่นกันเอง”
ก่อนหน้านี้ลู่เฉินยังมีชีวิตกระโดดโลดเต้นกลับไปยังใต้หล้ามืด สลัวได้ เพราะเฉินผิงอันไม่ได้ร่วมมือกับเจิ้งจวีจงและอู๋ซวงเจี้ยงที่ไป พบเจอกันแล้ว ถือว่ารอดพ้นหายนะมาได้ครั้งหนึ่ง
ตอนนี้มานึกดู ลู่เฉินก็ยังรู ้สึกหวาดผวาไม่หาย ไม่ได้พูดเกินจริง เลยสักนิดเดียว หากพวกเขาทาการโอบล้อมได้สาเร็จก็ไม่ใช่เรื่อง เล่นๆ เลยจริงๆ
ดังนั้นเจ้าลัทธิสามแห่งป๋ ายอวี๋จิงท่านนี้จึงเคยได้ทาการทบทวน กระดานกับเจ้าอารามผู้เฒ่าผู้เป็ น “อาจารย์อา” มารอบหนึ่ง ตามคา กล่าวของเจ้าอารามผู้เฒ่า กุญแจสาคัญนั้นอยู่ที่ว่าอีกฝ่ ายจะกักขัง ดินแดนแห่งความฝันและจิตธรรมของลู่เฉินอย่างไร
สาหรับผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่คนหนึ่งแล้ว ถึงอย่างไรก็ไม่มีทาง ลัดใดๆ ให้เดิน ก็เหมือนอย่างการล้อมฆ่าที่โจวมี่มีต่อป๋ ายเหย่ที่ฝู เหยาทวีปครั้งนั้นที่ได้แต่เผาผลาญบทกวีในใจของป๋ ายเหย่ไปแต่โดย ดีเท่านั้น ซึ่งก่อนจะเป็ นเช่นนั้นได้ ป๋ ายเหย่ที่ในมือถือกระบี่เซียนต่อ ให้จ านวนปีศาจใหญ่บนบัลลังก ์ของพวกเจ้าจะมีมากแค่ไหน ป๋ ายเหย่ ก็ยังคงเท่ากับว่ายืนอยู่ในสถานะที่มิพ่ายอยู่ดี
ลู่เฉินรู ้ดีอยู่แก่ใจว่า คนที่ควบคุมการล้อมฆ่าครั้งนี้ มองภายนอก คือเฉินผิงอัน แต่คนเบื้องหลังกลับเป็ นซิ่วหูที่เหมือนวิญญาณร ้าย ตามติดไม่เลิกราผู้นั้น
และการที่ชุยฉานได้เรียนรู ้วิชา “ผนึกภูเขา” บรรพกาลหลาชนิด มาจากอาจารย์ซานซานจิ่วโหวก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดเลยสักนิด บน พื้นฐานนี้ ด้วยสมองของชุยฉานที่เหมือนยอดเขาสูงซึ่งตั้งอยู่เหนือ พื้นที่ราบว่างเปล่าแล้วก็เป็ นเรื่องปกติอย่างยิ่ง พูดถึงแค่วิชาการดึง จิตวิญญาณที่ “ซิ่วหู่บอกว่าตัวเองอยู่อันดับสอง ก็ไม่มีใครกล้าบอก
ว่าตัวเองเป็ นอันดับหนึ่งหลายวิชานั้น หากชุยฉานเคยท าการประลอง มรรคกถาเป็ นการส่วนตัวกับเจิ้งจวีจงมาก่อนแล้วถูกฝ่ ายหลังเรียนรู ้ เอาไว้ สุดท้ายเฉินผิงอันเป็ นคนลงมือเริ่มเดินหมากก่อน ผู้ฝึกกระบี่ กลุ่มนั้นรับผิดชอบกลางกระดาน เจิ้งจวีจงกับอู๋ซวงเจี้ยงปิดท้าย กัก จิตธรรมทั้งหมดของลู่เฉินไว้ได้อย่างสมบูรณ์ก็ไม่ใช่ความคิดเพ้อฝัน ที่ไม่อาจเป็ นจริงอะไรได้เลย
ตอนนั้นเจ้าอารามผู้เฒ่าเอ่ยเหน็บแนมมาประโยคหนึ่ง “เจิ้งจวี แห่งนครจักรพรรดิขาวสองคน อู๋ซวงเจี้ยงแห่งตาหนักสุ่ยฉูคนหนึ่ง นี่ ก็มีขอบเขตสิบสี่สามคนแล้ว บวกกับฉีถึงจี้ หนิงเหยา หาวซู่ ลู่จือ เฉินผิงอัน ขบวนรบเช่นนี้ จัดขบวนใหญ่โตเอิกเกริกเช่นนี้ เพียงแค่ เพื่อรับมือขอบเขตสิบสี่อย่างเจ้าเพียงคนเดียว เจ้าสู่เฉินควรจะภูมิใจ นะ สามารถแอบยินดีกับตัวเองได้แล้ว
ตอนนั้นลู่เฉินหันหลังให้อีกฝ่ ายแล้วยิ้มกว้าง หัวเราะฮ่า ฮ่า ฮ่า จริงๆ ทั้งยังหัวเราะสามเสียงติดกันเช่นนี้ด้วย
เจ้าอารามผู้เฒ่าเหลือบมองลู่เฉิน ไม่ว่าปากจะพูดจาขัดคอเจ้า ลัทธิสามแห่งป๋ ายอวี้จิงท่านนี้อย่างไร ต่อให้สายตาจะสูงส่งแค่ไหนก็ ยังต้องยอมรับว่า คุณสมบัติในการฝึกตนของลู่เฉิน โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งจิตแห่งมรรคาของเขา ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก
กล้าพูดว่าจิตแห่งมรรคาของตนก็คือจิตแห่งฟ้ าได้อย่างแท้จริง ลู่ เฉินสามารถถือเป็ นคนหนึ่งในนั้นได้เลย
หมื่นปีที่ผ่านมา ไม่พูดถึงพวกผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่ที่เก็บซ่อน ตัวตนอย่างพวกลู่ฝ่ าเหยียน ปี ศาจใหญ่ชูเซิงแห่งเปลี่ยวร ้าง ยังมี นักพรตหญิงอู๋โจวที่จงใจอาพรางร่องรอย รวมถึงการที่ป๋ ายเจ๋อถูก ศาลบุ๋น “กักขัง” ไว้ในหอพิทักษ์เมือง ดังนั้นจึงมีผู้ฝึกตนใหญ่สี่ท่าน บนโลกที่เป็ นที่ยอมรับว่า “ต่อสู้เก่ง” ที่สุด ป๋ ายเหย่ที่ต่อให้จะไม่ใช่ผู้ ฝึกกระบี่บริสุทธิ์แต่กระนั้นพลังพิฆาตก็ยังสูงที่สุดอยู่ดี
เจ้าแห่งถ้าปี้เซียวชายหาดลั่วเป่ า เจ้าอารามผู้เฒ่าตงไห่แห่ง อารามกวานเต๋าในภายหลัง มีมรรคกถาสูงที่สุด
และยังมีเฒ่าตาบอดที่อยู่ในภูเขาใหญ่แสนดี้ที่สามารถบงการ มัลละเกราะทอง ไม่รู ้ว่าคิดจะทาอะไรกันแน่ สถานะลึกลับที่สุด ตบะ ลึกล้ามองไม่เห็นก้นบึงมากที่สุด
นอกจากนี้ก็มีภิกษุเสินชิงฉายาหลวงจีนน้าแกงไก่ที่มีการ ป้ องกันแน่นหนาที่สุด ถูกขนานนามว่าเป็ นอันดับหนึ่งของ “ร่างทอง มิพ่าย
และคนบางคนก็ยังเคยพูดจาน่าเชื่อ ป่ าวประกาศให้ภายนอกรู ้ อย่างก าเริบเสิบสานว่านอกจากเขาแล้วไม่ว่าผู้ฝึกตนขอบเขตบิน ทะยานคนใดก็ตาม ฟันติดต่อกันสามวันสามคืนก็ยังได้แค่ท าให้ หลวงจีนเฒ่าเจ็บๆ คันๆ ได้เท่านั้น
แต่เจ้าอารามผู้เฒ่าและเฒ่าตาบอด วิธีการผสานมรรคาของทั้ง สองฝ่ าย จนถึงทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเมฆหมอกที่บดบังภูเขา ยังไม่มี ข้อสรุปที่แน่ชัด
เนื่องจากถูกคนบางคนพูดว่า “พลังพิฆาตของผู้ฝึกตนขอบเขต สิบสี่ครึ่งตัว การป้ องกันของผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่คนครึ่ง
ครึ่งบวกกับอีกหนึ่งครึ่ง เมื่อคิดตามนี้ก็ไม่ใช่เท่ากับผู้ฝึ กตน ขอบเขตสิบสี่สองคนแล้วหรอกหรือ
ดังนั้นหากจะถามเขา ในบรรดาผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่ก็ยังคงเป็ น เจ้าหลวงจีนน้าแกงไก่ที่ร ้ายกาจที่สุด
พอคาพูดนี้เอ่ยออกมา ใต้หล้าก็สะท้านสะเทือน เป็ นเหตุให้ภิกษุ เฒ่าถูกคนไล่ตามมาฟันแทบจะทุกๆ สามวันห้าวัน มังกรคชสารแห่ง ลัทธิพุทธที่เดิมทีกลายเป็ นที่รู ้จักของคนบนยอดเขาเพียงเพราะการ ปกป้ องมรรคาสามครั้งผู้นี้ ต่อให้จะอบรมบ่มเพาะตัวเองมาดีและมี นิสัยที่ดีแค่ไหนก็มิอาจต้านรับการรบกวนที่เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อนนี้ได้ ภายหลังกว่าภิกษุเฒ่าจะเจอเจ้าตัวการที่ปากไร ้หูรูดผู้นั้นได้ไม่ใช่ เรื่องง่าย ยืนกรานให้อีกฝ่ ายอาศัยรายงานขุนเขาสายน้าของแต่ละ ฝ่ายมาอธิบายเรื่องนี้ให้คนนอกเข้าใจอย่างชัดเจน
ไม่ผิดไปจากที่คาด เจรจาไม่สาเร็จ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!