ส าหรับในใจของนางแล้ว นางรู ้สึกเลื่อมใสพี่ชายใหญ่ที่ไม่เคย เจอหน้ากันสักครั้งประดุจเทพเจ้ามาโดยตลอด หากไม่เป็ นเพราะ หม่าเหยียนซานคือพี่รอง นางคงจะเอาแส้ฟาดอีกฝ่ายไปแล้วจริงๆ
อันที่จริงสองพี่น้องรอให้สงครามใหญ่ที่หอบม้วนไปครึ่งทวีปครั้ง นั้นปิดฉากลง วิถีทางโลกกลับมาสงบสุขอีกครั้ง เมื่อหลายปี ก่อน พวกเขาก็มีความคิดอยากจะกลับบ้านเกิดไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษกัน แล้ว เพียงแต่ว่าพ่อแม่ที่เวลาปกติรักและตามใจพวกเขายิ่งกว่าใคร กลับมีเพียงเรื่องนี้ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมตอบตกลงเด็ดขาด ใช ้ เหตุผลสารพัดอย่างมาปฏิเสธ พูดแค่ว่าตระกูลของพวกเขาย้าย ออกมานานหลายปีขนาดนี้แล้ว เส้นทางยาวไกล คงกังวลว่าหม่าเห ยียนซานและหม่าเยว่เหมยจะแอบออกจากบ้านจึงถึงกับออกคาสั่ง อย่างเข้มงวดแก่พี่น้องคู่นี้ว่าห้ามกลับไปยังบ้านเกิดเองโดยพลการ หาไม่แล้วจะยกกฎบ้านมาจัดการกับพวกเขา
พวกเขาสองพี่น้องพูดเรื่องนี้กับพ่อแม่หลายครั้งก็ยังไม่เป็ นผล จึงล้มเลิกความคิดนี้ไป เพราะที่บ้านมีท่าเรือตระกูลเซียนแห่งหนึ่ง และยังมีเรือส่วนตัวอีกสองลาที่ทาการค้าระหว่างเหนือและใต้ ดังนั้น จึงมักจะได้สัมผัสกับรายงานบนภูเขาเป็ นประจา สองพี่น้องจึงสงสัย ใคร่รู ้ในบ้านเกิดซึ่งเป็ นภูมิลาเนาแห่งนั้นอยู่มาก แต่ไม่เหมือนกับ
น้องสาวหม่าเยว่เหมยที่มีใจเลื่อมใสใฝ่ หาถ้าสวรรค์หลีจู หม่าเหยียน ซานไม่ได้รู ้สึกสนใจความลี้ลับซับซ ้อนบนภูเขาเท่าใดนัก ผีขี้เหล้า เสเพลที่ไม่ทาการทางานอย่างเขาสนใจเพียงเรื่องเดียว ก็คืองานเลี้ยง ท่องราตรีของภูเขาพีอวิ๋นขุนเขาเหนือ หม่าเหยียนซานอยากจะเข้า ร่วมงานด้วยตัวเองสักครั้ง แค่ได้เปิดโลกกว้างสักครั้งก็พอใจแล้ว
หม่าเหยียนซานลุกขึ้นยืน ยิ้มเอ่ยว่า “เอาเถอะๆ กลับบ้านไป บอกกับท่านพ่อท่านแม่เถอะว่าคืนนี้ข้าจะต้องกลับไปนอนที่บ้านแน่ หากภายในสองชั่วยามแล้วยังไม่เห็นเงาของข้าก็ส่งคนมาหักขาข้า ได้เลย!”
หม่าเยว่เหมยหมุนกายจากไป หม่าเหยียนซานแอบยักคิ้วหลิ่ว ตาให้กับเด็กสาวคนหนึ่งที่ขี่ม้าพกกระบี่ นางสีหน้าไร ้อารมณ์ โดน หม่าเยว่เหมยโบยแส้ฟาดม้าใส่อย่างแรง บนใบหน้าของเด็กสาวมี รอยเลือดเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นทันที แต่กระนั้นนางก็ยังนิ่งเฉยไม่สะทก สะท้าน
หม่าเหยียนซานก็ไม่แสดงท่าทีอะไรต่อเรื่องนี้ รอกระทั่งพวกนาง ควบม้าจากไปไกลแล้ว เขาก็กลับลงไปนอนบนพื้นอีกครั้ง ถามชวน คุยว่า “พี่ชายคนนั้นของข้าร ้ายกาจมากหรือ?”
สตรีหน้าตางดงามคลี่ยิ้มหวาน พยักหน้ากล่าว “แน่นอนว่าร ้าย กาจจนร ้ายกาจไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วจริงๆ”
พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของนางก็เลื่อนลอย ถอนหายใจเบาๆ หนึ่ง ที น่าเสียดายที่ไมเคยได้เจออหน้ากันเลยสักครั้ง
นางก็คือเทพภูเขาในท้องถิ่น
ภูเขามีชื่อว่าเจ๋อเอ่อ
อิงตามทาเนียบภูเขาสายน้าในทุกวันนี้ ตาแหน่งเทพของนางอยู่ ที่ขั้นเจ็ด
ในแคว้นใต้อาณัติแห่งหนึ่ง เทียบกับบนไม่พอ เทียบกับล่างมาก เหลือแหล่
หม่าเหยียนซานพูดด้วยสีหน้าสับสน “ในเมื่อเป็ นพี่ชายแท้ๆ ท าไมพวกเราท าได้ดี เขาถึงไม่สนใจ พวกเราท าเลว เขาก็ไม่สนใจ เหมือนกันเล่า?”
นางยิ้มอธิบาย “ตามคากล่าวของบนภูเขา ขึ้นเขาฝึกตน เครือ ญาติห่างเหิน มิอาจเกี่ยวพันกันลึกซึ้งเกินไปได้”
หม่าเหยียนซานร้องฮ่า “ก็พูดมาตรงๆ ว่าไม่รู้จักไม่นับญาติไป เสียเลยสิ”
นางลังเลเล็กน้อย โน้มตัวลงยื่นสองนิ้วมานวดตรงจุดไท่หยาง ของหม่าเหยียนซานอย่างนุ่มนวล เอ่ยเสียงเบาว่า “คาพูดที่เอ่ยตาม อารมณ์เช่นนี้ วันหน้าอย่าได้พูดอีกนะ”
พี่ใหญ่ของพี่ชายน้องสาวคู่นี้ สาหรับเทพภูเขาในแคว้นเล็กๆ อย่างนาง เขาก็คือบุคคลที่อยู่ไกลสุดขอบฟ้ า สูงส่งเกินกว่าจะปืนป่าย ได้ถึง
อายุสี่สิบกว่าปีก็เป็ นขอบเขตหยกดิบ เป็ นว่าที่ขอบเขตเซียนเห รินอย่างแน่นอน ในอนาคตถึงขั้นที่อาจได้เป็ นขอบเขตบินทะยาน
อยู่ในอันดับหนึ่งบนกระดานของคนรุ่นเยาว์สิบคนในหนึ่งทวีป เชียวนะ
ด้านหลังของเขามีหลิวป้ าเฉียวเซียนกระบี่ขอบเขตก่อกาเนิด แห่งสวนลมฟ้ า มีลูกศิษย์ผู้สืบทอดของหลิวเหล่าเฉิงเซียนเหรินแห่ง สานักเจินจิ้ง และยังมีรองเจ้าขุนเขาหนุ่มแห่งส านักศึกษากวานหูใน ทุกวันนี้…
นี่ไม่เรียกว่าสูงส่งเกินจะเอื้อมถึงแล้วจะเรียกว่าอะไร
เรื่องที่น่าเหลือเชื่อที่สุดยังเป็ นเรื่องที่คนผู้นี้ถึงกับสามารถออก คาสั่งแก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยุคบรรพกาลมากมายได้อีกด้วย!
นางถึงกับเป็ นกังวลแล้วว่า หากวันใดโชคดีได้พบเจออีกฝ่ าย จริงๆ พูดไม่เข้าหูกันค าเดียว ประโยคใดของตนพูดผิดไป บางทีอีก ฝ่ ายแค่ดีดนิ้วทีเดียว ร่างทองของนางก็อาจแหลกสลายคาที่เลยก็ เป็ นได้
สัมผัสได้ถึงความผิดปกติเล็กน้อยของสตรี หม่าเหยียนซานก็ลุก ขึ้นมานั่งอีกครั้ง หยิบเหล้ากาหนึ่งออกมาจากใต้ชายกระโปรงของ
นางอย่างไม่ง่ายนัก สตรีหัวเราะคิก เขาเงยหน้ากระดกดื่มเหล้าหมัก ตระกูลเซียนคาใหญ่ ยื่นนิ้วโป้ งออกมาเช็ดมุมปาก “เคยได้ยินว่าพี่ ใหญ่ของข้าคนนั้นเจ้าอารมณ์ เป็ นเรื่องจริงที่คนทั้งทวีปล้วนรับรู ้ได้ ยินมาว่าตอนที่เขาฝึ กตนอยู่ในศาลบรรพชนของส านักการทหาร แม้แต่คนร่วมส านักก็ยังไม่เคยละเว้น คนมีพรสวรรค์ด้านการฝึกตน ถูกเขากาจัดไปหลายคน คือตัวก่อเรื่องอันดับหนึ่ง”
เหนียงเนียงเทพภูเขาที่ปลอมตัวมาเป็ นสตรีขายเหล้าอยู่ที่นี่พูด กลั้วหัวเราะเบาๆ “มีพี่ใหญ่ที่เป็ นเช่นนี้คือความโชคดีที่สะสมมา หลายชาติภพ เหยียนซาน ฟังค าแนะน าจากข้าสักค า หากว่าได้เจอ กันจริงๆ ก็อย่าแสดงความขุ่นเคืองให้เขาเห็นเลย”
หม่าเหยียนซานแสร ้งท าเป็ นไม่ได้ยิน ไม่รู ้เหตุใดเขาถึงดูเป็ น กังวลใจ
สตรีถามอย่างสงสัย “มีอะไรหรือ?”
หม่าเหยียนซานแกว่งกาเหล้า เงยหน้ามองไปยังม่านราตรี “เจ้า ว่าพรุ่งนี้ฝนจะตกหรือไม่?”
สตรีปิดปากหัวเราะ “ไม่มีทางอยู่แล้ว”
หม่าเหยียนซานพึมพา “แต่สักวันหนึ่งจะต้องมีฝนตกฟ้ าร ้องแน่ ถูกไหม?”
หากเป็ นนักดื่มทั่วไปที่พูดจาโง่เขลาเช่นนี้ เหนียงเนียงเทพภูเขา ท่านนี้ก็คงทาเป็ นไม่ได้ยิน แต่นางรู ้ชัดเจนดีว่าหม่าเหยียนซานที่
มองดูเหมือนภายนอกสวยดั่งทองและหยกภายในมีแต่ปุยฝ้ ายเปื่อย เน่าผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างมาก
พูดถึงแค่เทพภูเขาของภูเขาทายาทมหาบรรพตประจิม หรือก็คือ หัวหน้าของซึ่งฮูหยินเขาก็ให้ความส าคัญกับหม่าเหยียนซานมาก มักจะมาเชื้อเชิญคนผู้นี้หาเป็ นการส่วนตัวเป็ นประจ า
นางครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ไม่ช ้าก็เร็วฝนย่อมต้องตกลงมา แน่นอน แต่ว่าขอแค่มีร่มคันใหญ่กางให้ อย่าว่าแต่เม็ดฝนที่ใหญ่เท่า เมล็ดถั่วเหลืองเลย ต่อให้มีมีดตกลงมาจากฟ้ าก็ไม่น่ากลัว”
สีหน้าของหม่าเหยียนซานยังคงเต็มไปด้วยพยับเมฆมืดครึ้ม กระชับคอเสื้อชุดคลุมหนังจิ้งจอก ด่าเบาๆ ว่า “อากาศเย็นปลายฤดู
ใบไม้ผลิชาติสุนัข”
แม้ว่าวันๆ หม่าเหยียนซานจะเอาแต่เที่ยวเตร่อยู่กับหมู่มวลบุปผา ชื่อเสียงฉาวโฉ่ แต่เมื่อเทียบกับน้องสาวที่มองดูเหมือนฉลาดเฉลียว แล้ว ลางสังหรณ์ที่มีต่อเรื่องราวและผู้คนทางโลก เขากลับเฉียบคม กว่ามากนัก
บอกตามตรง หม่าเหยียนซานเห็นน้องสาวหม่าเยว่เหมยเป็ นคน โง่ แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็ นน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง นิสัยแย่ไปสัก หน่อย หม่าเหยียนซานจึงไม่คิดจะถือสาอะไรนาง
หม่าเหยียนซานจาได้ว่าตอนที่ตัวเองยังเด็ก มีครั้งหนึ่งที่ออกมา เดินเล่นตอนเด็ก เดินตามแสงตะเกียงไป ผ่านห้องหนังสือของบิดา
เขาสังเกตเห็นว่าดูเหมือนบิดาจะก าลังคุยธุระอยู่ข้างใน ไม่รู ้ว่าเป็ น เพราะเหตุใดบิดาถึงได้เดือดดาลอย่างหนัก ด่าติดๆ กันว่าไอ้ลูกไม่มี พ่อชาติสุนัข ไอ้สารเลวที่ควรตายไปเร็วๆ จะได้ไปเกิดใหม่เร็วๆ เหยียบโชคดีขี้หมาอะไรถึงสามารถตีสนิทซานจวินท่านหนึ่งได้…ยิ่ง พูดยิ่งโมโห แล้วยังขว้างกระบอกพู่กันจากเตาเผาทางการราคาไม่ ธรรมดาใบหนึ่งจนแตกด้วย ท่านแม่จึงส่งเสียงบ่นว่าราคาตั้งสามร ้อย ต าลึงเงินเชียวนะ ขว้างแตกอย่างนี้ ความสามารถในการล้างผลาญ มากกว่าความสามารถในการหาเงินจริงๆ
จากนั้นท่านแม่ก็เริ่มพูดถึงคนแซ่เว่ยผู้นั้น บอกว่าไม่ใช่คนดี อะไร ตามข่าวที่ส่งกลับมาดูเหมือนว่าจะมีชาติกาเนิดต่าต้อยจากเทพ แห่งผืนดินของภูเขาฉีตุนที่อยู่ใกล้กับเมืองหงจู๋เท่านั้น…..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!