กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 1010

เมื่อช่วงแมลงตื่นจากการจาศีลผ่านไป ด้ามกระบวยของดาวเป่ย โต้วชี้ไปที่ตาแหน่งติง วันวสันตวิษุวัตก าลังจะมาถึง ด้ามกระบวยของ ดาวเป่ยโต้วชี้ไปที่ตาแหน่งเหริน

ในลานเรือนเงียบสงบ สายลมโชยแผ่วแสงจันทร ์กระจ่าง ผีสาว กระโปรงแดงที่นักพรตเรียกว่าแม่นางเซวีย คืนนี้เปลี่ยนมาสวมชุด กระโปรงขาวเรียบง่าย นางมาชมบุปผาอยู่ที่นี่

เพราะถึงอย่างไรผีสาวก็เป็ นสตรี ในห้องมีชุดกระโปรงอยู่ มากมาย อัดแน่นเต็มลังใหญ่หลายใบ

แต่นางก็แค่ชมความงามของตัวเองอยู่เพียงลาพังเท่านั้น ไม่ เกี่ยวข้องอะไรกับคากล่าวที่ว่าสตรีประทินโฉมเพื่อให้คนรักดูแม้แต่ เหรียญทองแดงเดียว

เพราะถึงอย่างไรนักพรตวัยกลางคนผู้นั้น หากว่ากันด้วยรูปโฉม แล้วก็ไม่น่ามองเลยจริงๆ แถมยังเป็ นบุรุษที่ในดวงตามีแต่เงิน ธรรมดา สามัญจนแทบทนรับไม่ไหว

ดอกไม้บนผนังเบ่งบานเต็มพื้นที่ ในลานเรือนยังมีชิงช ้าอีก อันหนึ่ง

นางนั่งอยู่บนแผ่นไม้ สองมือไกวเชือก ปลายเท้าแตะพื้นแล้วลอย กลางอากาศอีกครั้งชิงช ้าก็ไหวเบาๆ

อันที่จริงก่อนที่นักพรตจะมาพักอยู่ที่นี่ เรือนหลังนี้ถูกทิ้งร ้างมา นานแล้ว พืชหญ้ารกชัฏ งูและหนูวิ่งพล่าน

ทว่าทุกวันนี้กลับเป็ นระเบียบสะอาดสะอ้าน ดอกไม้เบ่งบานเต็ม

ลานเรือน ประชันกันอวดความงาม

นักพรตวัยกลางคนที่เป็ นผู้มีคุณูปการสูงสุด เวลานี้กาลังนั่งยอง อยู่บนขั้นบันไดบนสุดมือหนึ่งถือชามขาวที่บรรจุน้าซึ่งต้มมาจาก สมุนไพรบางชนิดไว้เต็มถ้วย อีกมือหนึ่งถือด้ามไม้แปรงพัน ก าลัง แปรงฟันอยู่ตรงนั้น บางครั้งก็เงยหน้าขึ้น เสียงกลั้วน้าในลาคอดัง ขลุกขลักบ้วนน้าทิ้งก่อนจะเริ่มทาการ “แปรง” ฟันอีกครั้ง

นางถาม “ก็แค่น้าที่ต้มจากดอกผู่กงอิงเท่านั้น เอามาใช ้แปรงฟัน จะมีความลี้ลับอย่างที่เจ้าพูด สามารถช่วยรักษารากฟัน ทาให้เส้น เอ็นและกระดูกแข็งแรงได้จริงๆ หรือ?”

ผู่กงอิงก็เหมือนดอกไม้ป่ าชนิดหนึ่ง มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า หวงฮวาหลาง พวกมันเติบโตขึ้นตามร่องหินร่องอิฐ ไม่ว่าจะเป็ น ภาพวาดหรือหนังสือชุดรวมภาพดอกไม้ในใต้หล้าเล่มใดก็คล้ายจะ รังเกียจที่จะวาดดอกไม้ชนิดนี้ลงไป

“จะหลอกเจ้าไปไย จะท าให้ข้าได้เงินหรือ?”

นักพรตเพิ่งจะกรอกน้าเข้าปากหนึ่งอีก เวลานี้เขาพยักหน้าแรงๆ พูดเสียงอู้อี้ว่า “หากท าตามต ารับยาคืนความเยาว์ของตระกูลเซียน บนภูเขา คนแก่อายุเจ็ดสิบปี ที่ทั้งเส้นผมและหนวดล้วนเป็ นสีขาว โพลนกินเข้าไปยังท าให้ผมขาวกลายเป็ นผมด าได้ด้วย ฟันที่ร่วงก็ งอกขึ้นได้ใหม่ ชายฉกรรจ์กินเข้าไปก็ยิ่งยอดเยี่ยม อย่างจางโหวที่ แม้จะบอกว่าเป็ นเด็กหนุ่ม แต่มักจะจุดตะเกียงอ่านตารายามค่าคืน เป็ นประจา กินยานี้เข้าไป หูตาจะสว่างสดใส เส้นเอ็นและกระดูก แข็งแรงได้อย่างไม่เป็ นปัญหาเลย”

เซวียหรูอี้หัวเราะร่วน “บังเอิญยิ่งนัก ในมือของท่านนักพรตก็มี ยาสูตรลับที่ว่านี้อยู่ขวดหนึ่งพอดี ใช่ไหม? เพียงแค่ว่าราคาไม่ถูก แต่ คนรู ้จักสามารถลดให้ได้ห้าส่วน?”

“เปล่าสักหน่อย ใต้หล้านี้ไหนเลยจะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้”

นักพรตเบี่ยงหน้าบ้วนน้าทิ้ง วางไม้แปรงฟันไว้ในชามขาวเอียงๆ แล้ววางชามลงข้างเท้า ส่ายหน้ากล่าว “แม่นางเซวียยังจาโจ๊กผักที่ กินเมื่อหลายวันก่อนได้ไหม? ที่เจ้าบอกว่ารสชาติสดอร่อย ยังถาม ผินเต้าว่าท ามาจากผักอะไร แต่ตอนนั้นผินเต้าอมพะนาเอาไว้ จงใจ ไม่บอกเจ้า อันที่จริงก็ทามาจากใบอ่อนต้นฤดูใบไม้ผลิของต้นผู่กงอิง นี่แหละ แค่ใส่หม้อลวกให้สุกแล้วคลุกเคล้าด้วยน้ามันงากับน้าพริก สูตรลับของผินเต้าเล็กน้อย เอามากินคู่กับโจ๊กข้าวขาว ต่อให้เป็ น อาหารโอชะล้าค่าแค่ไหนก็เทียบไม่ติด”

เซวียหรูอี้พยักหน้ารับ ในเรื่องของการปรนนิบัติอวัยวะภายในทั้ง ห้า นักพรตคนนี้พอจะมีฝีมืออยู่บ้างจริงๆ อีกทั้งอาหารการกินแต่ละ อย่างยังไม่เปลืองเงินอีกด้วย

นักพรตถามหยั่งเชิง “หากแม่นางเซวียจริงใจ ข้าก็สามารถ หลอมยาเตาหนึ่งตามตารับยาสูตรนั้นได้ จางโหวคิดจะสอบผ่าน ระดับย่วนซื่อ ช่วงนี้คือช่วงที่อ่านตาราเหน็ดเหนื่อยที่สุด ต้องบารุงสัก หน่อย ผ่านไปอีกพักหนึ่ง ต้นผู่กงอิงก็จะแก่แล้ว ประสิทธิผลของยา จะไม่ได้ดีขนาดนั้นอีก”

เซวียหรูอี้กลอกตามองบน อ้อมวนไปรอบใหญ่ขนาดนี้ ก็ไม่ใช่ ว่าเจ้าอยากหลอกเอาเงินในกระเป๋ าข้าไปอยู่ดีหรอกหรือ?

ไม่จาเป็ นต้องให้มีคนมาช่วยผลัก ชิงช ้าก็แกว่งด้วยตัวเอง เดี๋ยว ลอยสูงเดี๋ยวลดต่านางมองพืชพรรณบุปผาที่เป็ นพุ่มสูงๆ ต่าๆ ไปด้วย

หวนนึกถึงเมื่อหลายปีก่อน ผนังแดงดอกล่าเหมยสีเหลือง งดงาม ยิ่งนัก

ตามคากล่าวของนักพรตผู้นี้ คนคนหนึ่งโชคดีได้เกิดมาในยุค แห่งสันติสุขรุ่งเรืองก็ไม่มีเรื่องใดให้ต้องกังวลแล้ว แต่หากยัง เชี่ยวชาญศาสตร ์ของการปลูกพืชพรรณบุปผาด้วยสี่ฤดูกาลเหมือน ฤดูใบไม้ผลิตลอดเวลาก็จะทาให้คนไม่รู ้สึกถึงวัยชราที่มาเยือนแล้ว

ดังนั้นในลานเรือนจึงต้องจัดการให้เป็ นระเบียบเรียบร ้อย บ้าง เพาะลงดินบ้างปลูกลงกระถาง ดอกไม้พืชพรรณเขียวชอุ่ม กลิ่นหอม

สดชื่นโชยมาปะทะจมูก ดอกไม้ต่างชนิดทยอยกันเบ่งบาน บ้างส่ง กลิ่นหอมจรุงแต่ไม่งดงาม บ้างส่งกลิ่นอ่อนจางแต่ไม่ชืดชา

ที่ลานเรือนแห่งนี้ ลาพังแค่กระถางต้นไม้ที่ถูกนักพรตปลูกไว้ ต้อนรับวสันตฤดูก็มีมากถึงเจ็ดแปดชนิดแล้ว นอกจากต้นสน ต้นไผ่ ต้นเหมยแล้ว ยังมีดอกไม้อีกหลายกระถางที่นักพรตเรียกว่าเป็ น “แม่

ทัพหลัก’ แห่งการต้อนรับวสันตฤดู

พูดจาเสียไพเราะน่าฟัง แต่อันที่จริงกลับถูกนักพรตปลูกไว้เพื่อ เอาไปขายแลกเงินมาก็เท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่นดอกไม้ต้นเก่าในลานเรือนกระถางหนึ่งที่ไม่รู ้ว่า นักพรตไปขนมาจากไหน กิ่งก้านหนาเหมือนแขนสตรี มีส่วนหนึ่งที่ เปลือกหลุดเผยให้เห็นแกนในแล้ว รากปูดนูนขึ้นมาเหมือนกรงเล็บ มังกร ถูกปลูกไว้ในกระถางดินสีแดง รูปทรงบิดเอียงเหมือนต้นไม้ โบราณ ต่อให้จะไม่ใช่ผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านนี้ เซวียหรูอี้ก็ยังรู ้ว่าสวน กระถางใบนี้ไม่ต้องกลัดกลุ้มเรื่องการหาคนซื้อในราคาที่สูงเลย

ต้นเสาเหย้าหลายต้นที่เดิมที่ถูกปลูกลงดินซึ่งนักพรตเรียกว่า “ดอกเตี้ยนชุน” ถูกปลูกไว้ในตาแหน่งที่โดดแดด หน้าหนาวยามที่ อากาศหนาวเหน็บ นักพรตยังช่วยเอาฟางข้าวมาช่วยกลบทับให้ พวกมันเป็ นพิเศษ พอเข้าฤดูใบไม้ผลิของปีนี้ นักพรตก็จะรดน้าให้ พวกมันทุกวัน ก่อนที่มันจะแตกหน่อ เขายังเคยใส่ปุ๋ ยให้เป็ นพิเศษ ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นทาเอาเซวียหรูอี้ที่มองดูอยู่ขมวดคิ้วมุ่น

เซวียหรูอี้เหลือบตามองกระถางดอกไม้ทั้งหลายที่วางไว้ในมุม ก าแพงอย่างเป็ นระเบียบ กิ่งก้านเล็กยาว ดูท่าแล้วน่าจะเป็ นไม้เลื้อย ยามออกดอก ดอกจะเป็ นสีเหลืองไข่ห่าน

สวนกระถางหลายใบในลานเรือนไปๆ มาๆ ส่วนใหญ่ต่างถูก แลกเปลี่ยนมาเป็ นเศษเงินหลายเม็ด มีเพียงดอกไม้ดอกนี้ที่หลังจาก เบ่งบานก็ไม่เคยถูกแตะต้อง บางทีอาจเป็ นเพราะนักพรตชอบมาก เป็ นพิเศษ แน่นอนว่าที่เป็ นไปได้มากกว่านั้นคือขายไม่ได้ราคาดีก็ เลยไม่ขายมันเสียเลย

นางยื่นนิ้วชี้ไป ถามว่า “เจ้าชอบ “จินเยาไต้” (เข็มขัดทอง) พวก นั้นมากที่สุดหรือ?”

ดอกไม้นี้มีชื่อที่สามัญยิ่งกว่าคือ ดอกฮิ๋งชุน (ดอกรับวสันต์)

นักพรตเงยหน้ามองไปที่มุมกาแพง พยักหน้า “ดอกไม้ต้นไม้ ส าหรับผินเต้าก็เหมือนแม่ทัพขุนพลผู้เก่งกาจ ยิ่งมีเยอะก็ยิ่งมาก ประโยชน์ ใครที่มาหาก็ล้วนไม่ปฏิเสธ ดอกไม้ชนิดนี้ต้อนรับฤดูใบไม้ ผลิก่อนต้นอื่นๆ อาจผลิดอกตัดหน้าดอกเหมยด้วยซ้า อีกทั้งดอกก็ บานเยอะมาก ระยะเวลาในการบานยังยาวนาน ดังนั้นผินเต้าจึงชอบ ดอกไม้นี้ที่สุด ไม่มีหนึ่งใน”

นางถามอย่างใจลอย “อู๋ตี ชื่อเดิมของเจ้าคืออะไร?”

นักพรตวัยกลางคนยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เฉินเจี้ยนเสียน เจี้ยนที่ แปลว่าพบเจอ เสียนที่แปลว่าอริยะปราชญ์”

นางอึ้งตะลึง ตรงไปตรงมาขนาดนี้เชียวหรือ?

นักพรตให้คาแนะนาจากใจจริง “วันหน้าแม่นางเซวียเรียกชื่อ เต็มๆ ของข้าก็ได้”

ท่องชื่อนี้อยู่ในใจสองรอบ เฉินเจี้ยนเสียน เฉินเจี้ยนเซียน (เซียน กระบี่เฉิน)? ในที่สุดก็ขบคิดได้ถึงความนัย เซวียหรูอี้ร ้องเฟ้ ย “ปาก

สุนัขไม่งอกงาช ้าง ไม่รู ้จักพูดจริงจังสักประโยค!”

อู๋ตี อู่ตี๋ (ไร ้เทียมทาน) เฉินเจี้ยนเสียน เฉินเจี้ยนเซียน (เซียน กระบี่เฉิน)?

นักพรตวัยกลางคนยิ้มเอ่ย “อยู่ดีๆ ด่ากันทาไม ทุกวันนี้ผินเต้า เองก็อายุมากแล้วอบรมบ่มเพาะนิสัยใจคอจนเชี่ยวชาญมากแล้ว หากเป็ นตอนที่ผินเต้าอายุยังน้อย คงต้องโต้เถียงกับเจ้าให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาเป็ นเด็กหนุ่มที่เกลียดชังความชั่วดุจ เกลียดชังศัตรู ฮ่า”

หลอกผีของจริงแล้วทีนี้

เซวียหรูอี้คร ้านจะสนใจเรื่องนี้อีก เพียงถามว่า “ไม่เคยถามเลย ว่า เจ้ามาทาอะไรที่เมืองหลวง?”

“ร าลึกความหลัง”

“ร าลึกความหลัง? มาหาใคร? คนในครอบครัว เครือญาติ ห่างไกล? หรือสหายที่รู ้จักในยุทธภพ? อยู่ข้างนอกไม่มีชื่อเสียงไม่มี

อนาคตก็เลยคิดจะหาสหายบนเส้นทางเดียวกันมาช่วยกันท ามาหา กิน ช่วยกันหลอกลวงคนหรือ?”

บทที่ 1010.1 ตอนยังเยาว์เคยเรียนวิชาเดินขึ้นเขา 1

บทที่ 1010.1 ตอนยังเยาว์เคยเรียนวิชาเดินขึ้นเขา 2

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!