ระหว่างที่ลงจากภูเขา อู๋ถีจิงเอ่ยหยอกล้อว่า “ไม่มีเรื่องก็ไม่ไป เยือนต าหนักซานเป่ าเจ้าประมุใหญ่หู เจ้าต้องระวังไว้หน่อยนะ ระวัง ว่าถูกหลอกแล้วยังต้องช่วยเขานับเงินด้วย”
หูเฟิงกล่าว “ในเรื่องของการปฏิบัติต่อทรัพย์สินเงินทอง ต่งสุ่ยจิ่ง ไม่ต่างจากเจ้าสักเท่าไร ล้วนไม่ละโมบ เชื่อใจได้”
ชั่วชีวิตนี้หูเฟิงมีสหายแค่หนึ่งคนครึ่งเท่านั้น อู๋ถีจิงที่อยู่ข้างกาย คือคนหนึ่ง ต่งสุ่ยจิ่งคนบ้านเดียวกันที่ตีนเขาคือครึ่งหนึ่ง
อู๋ถีจิงผงกปลายคาง “นักพรตหญิงที่อยู่ข้างกายต่งสุ่ยจิ่ง มองดู แล้วบุคลิกไม่ธรรมดาเลยนะ”
หูเฟิงกล่าว “หากไม่ผิดไปจากที่คาดก็น่าจะเป็ นเจ้าตาหนักหลิง เฟยคนปัจจุบัน”
แล้วก็จริงดังคาด หลังจากที่ทั้งสองฝ่ ายได้เจอหน้ากัน ต่งสุ่ยจิ่งก็ แนะน านักพรตหญิงที่เดินทางมาด้วยกันให้คนทั้งสองรู ้จัก หวงลี่เจ้า ต าหนักหลิงเฟยคนปัจจุบัน ฉายา “ต้งถิง
ตาหนักหลิงเฟยที่ก่อนหน้านี้ยังเป็ นของราชวงศ์ป๋ ายซวงเก่า ถูก กองทัพม้าเหล็กต้าหลีที่กรีฑาทัพลงใต้โจมตีเมืองหลวง ชะตาแคว้น
ขาดสะบั้น ทุกวันนี้ได้กลายมาเป็ นของราชวงศ์อวิ๋นเซียวที่อาณาเขต ค่อนข้างเล็กแล้ว
ก่อนหน้านี้ไม่นานอารามหลิงเฟยก็ได้เลื่อนขั้นเป็ นตาหนักหลิง เฟย เพียงแต่ว่าไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของราชวงศ์อวิ๋นเซียว
หรือควรจะพูดว่าก็เพราะการด ารงอยู่ของอารามเต๋าแห่งนี้ รวม ไปถึงการที่นางรับหน้าที่เป็ นเงินเหรินผู้พิทักษ์แคว้น หาไม่แล้ว ราชวงศ์อวิ๋นเซียวที่ก็สามารถฮุบกลืนแคว้นเล็กๆ แห่งนี้ไปได้อย่าง สิ้นเชิง
เล่าลือกันว่านักพรตหญิงขอบเขตหยกดิบผู้นี้เชี่ยวชาญเรื่อง การเขียนค าเขียวค าอวยพรอย่างมาก ฝึกวิถีลิ่วเจี่ย สามารถอัญเชิญ เทพให้ลงมาจุติ บังคับควบคุมผีทั้งหลายบงการกองทัพหยิน
ในชายแดนของสองแคว้นนอกต าหนักนางได้สร ้างสนามรบ โบราณแห่งหนึ่งที่มีจ านวนของกองทัพหยินปักหลักอยู่มากมายให้ เป็ นพื้นที่ประกอบพิธีกรรมแห่งที่สองของนางทุกวันนี้มีชื่อเสียงอย่าง มาก และราชวงศ์อวิ๋นเซียวก็ต้องปวดหัวกับเรื่องนี้ไม่น้อย
คู่ค้าคนแรกของต่งสุ่ยจิ่ง อันที่จริงก็คือหูเฟิง
ในอาณาเขตของฉู่โจวใหม่หลงโจวเก่า ต่งสุ่ยจิ่งมีฉายาว่า “ต่ง ครึ่งเมือง” การที่เขาสามารถร่ารวยขึ้นมาได้ หูเฟิ งเองก็มีคุณ ความชอบไม่น้อย
เจอหน้ากัน ต่งสุ่ยจิ่งก็ไม่ได้โอภาปราศรัยอะไรมากมาย แต่พูด เข้าประเด็นหลักโดยตรง “หูเฟิง ยังจารายการบัญชีเงินต้นเล่มที่เจ้า มอบให้ข้า รวมไปถึงข้อตกลงการแบ่งรายได้ของพวกเราในเวลานั้น ได้หรือไม่?”
หูเฟิงพยักหน้า
มีชาติกาเนิดยากจน ทั้งยังไม่ใช่พวกคนที่ใช ้เงินมือเติบ ไม่เห็น เงินเป็ นเงิน ดังนั้นถึงแม้หูเฟิงจะไม่ได้ใส่ใจในทรัพย์สินเงินทองก้อนนี้ มากนัก แต่ก็ต้องจ ารายการบัญชีได้อย่างชัดเจนแน่นอน เขาก็แค่ คร ้านจะไปเร่งรัดเท่านั้น
คนสองกลุ่มเดินขึ้นเขาไปด้วยกัน เดินไปคุยกันไป
ตอนนั้นหูเฟิงเก็บหินดีงูระดับขั้นดีเยี่ยมได้จากลาคลองหลงซวี แปดก้อน แยกกันขายให้กับสกุลหลี่ถนนฝูลู่และผู้เฒ่าคนหนึ่งของ ตรอกเถาเย่ แม้ว่าหูเฟิงจะอายุน้อย แต่กลับมีประสบการณ์โชกโชน แบ่งหินดีงูออกเป็ นอย่างละครึ่ง ไม่ล่วงเกินใครทั้งนั้น ได้ตั๋วเงินมาสอง ปีกใหญ่ ภายหลังหูเฟิ งแค่จ่ายเงินก้อนเล็กก้อนหนึ่งก็สามารถซื้อ เรือนที่ตั้งอยู่บนถนนทั้งสายของตัวเมืองมาได้ ได้โฉนดที่ดินที่ฝ่ าย ครัวเรือนของที่ว่าการส่งมอบให้มาสามสิบกว่าแผ่น ตอนนั้นบ้านใน ตัวเมืองยังมีราคาถูกมาก บวกกับที่ราชสานักต้าหลีจงใจให้สถานที่ ทั้งหลายอย่างหงโจวอวี้นโจวมา ‘ช่วยเสริม’ หลงโจวเก่า เพื่อส่งเสริม ให้ชนชั้นสูงและชาวบ้านของจังหวัดอื่นย้ายมาอยู่ที่นี่ กลยุทธ มากมายของที่ว่าการหลงโจวล้วนเป็ นการยอมเสียกาไรยก
ผลประโยชน์ให้กับชาวบ้าน หูเฟิงจึงยกทรัพย์สินส่วนที่เหลือให้ต่งสุ่ ยจิ่งไปจัดการ ถือว่าเข้าร่วมเป็ นคู่ค้า นอกจากนี้เนื่องจากตอนที่อายุ ยังน้อยหูเฟิงมักจะติดตามท่านปู่เดินไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ เป็ น ประจ า หูเฟิงจึงเก็บรวบรวม “ของแตกพัง” มาได้กองใหญ่ ส่วนใหญ่ ล้วนเป็ นของที่ไม่สะดุดตาอย่างพวกกระจกทองแดง เหรียญเงิน โบราณ สิ่งเหล่านี้ล้วนมอบให้ต่งสุ่ยจิ่งช่วยเอาไปขายให้ทั้งหมด ขาย ราคาสูงหรือราคาต่า หูเฟิงไม่เคยถามมากความ ถึงอย่างไรต่งสุ่ยจิ่งก็ แค่ท าการค้าไปก็พอ หากขาดทุนก็ไม่เป็ นไร แต่หากได้ก าไรมาวัน หน้าทั้งสองฝ่ายก็ค่อยมาแบ่งผลประโยชน์กัน
ปีนั้นต่งสุ่ยจิ่งนา “ของผุพัง” พวกนี้ขายไปในราคาสูง หักออกมา เป็ นเงินเกล็ดหิมะแล้วเงินเทพเซียนสองก้อนของหูเฟิงก็เท่ากับทรัพย์ สมบัติสามส่วนของต่งสุ่ยจิ่งได้เลย
ต่งสุ่ยจิ่งยิ้มเอ่ย “ตอนนี้มีสองวิธี อย่างแรก พวกเราแยกย้ายกัน ไปนับแต่นี้ เจ้าเก็บเงินทุนและผลกาไรกลับไป อย่างที่สอง เอาเงินทุน ไว้ที่ข้าต่อ เก็บผลกาไรก้อนแรกไปก่อน วันหน้าข้าจะให้คนน ามาส่ง ให้เจ้าถึงบ้านทุกปี หากรังเกียจว่ายุ่งยาก สิบปี หกสิบปี ก็ได้ เหมือนกัน”
หูเฟิงกล่าวอย่างไม่ลังเล “อย่างที่สอง สิบปีแบ่งผลกาไรกันครั้ง หนึ่งก็ได้”
อู๋ถีจิงถามชวนคุยว่า “หากว่าเจ้าประมุขหูเลือกวิธีอย่างแรก จะ ได้เงินฝนธัญพืชมาเท่าไร?”
หูเฟิ งเองก็อยากรู ้เหมือนกัน กี่สิบเหรียญ? หากน้อยไปก็คงจะ เป็ นร ้อยเหรียญ หลายร ้อยเหรียญ?
ถึงอย่างไรขอแค่มีเงินฝนธัญพืชหนึ่งร ้อยเหรียญขึ้นไปก็พอแล้ว ถ้าอย่างนั้นทางพรรคก็จะสามารถข้ามผ่านด่านยากตรงหน้านี้ไปได้ อย่างสบายๆ แล้ว
ต่งสุ่ยจิ่งยิ้มพลางบอกตัวเลข สองพันสองร ้อยเหรียญเงินฝนธัญพืชส่วนอู๋ถีจิงมีแค่ความรู ้สึกเดียว หรือว่าเรื่องการหาเงินเป็ นเรื่องที่ ง่ายดายอย่างมาก? พี่ต่ง วันหน้าพาข้าไปด้วยสิ?
ต่งสุ่ยจิ่งหยิบวัตถุฟางชุ่นชิ้นหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ คือ พัดพับเล่มหนึ่งที่หุบรวบเข้าด้วยกัน “ด้านในนี้มีเงินฝนธัญพืชสอง ร ้อยเหรียญ ส่วนวัตถุฟางชุ่นชิ้นนี้ก็ถือเสียว่าเป็ นของขวัญร่วมแสดง ความยินดีที่เจ้าประมุขหูและผู้คุมกฏอู๋เปิดภูเขาก่อตั้งพรรคก็แล้วกัน พัดเล่มนี้ไม่ได้ร่ายตราผนึกเอาไว้ เปิดออกก็คือการเปิดประตู พัดมี บุญสัมพันธ ์ คล้องเสียงกับคาว่าทาดีได้ดี (ทั้งสองประโยคอ่านว่าซ่าน โหย่วซ่านหยวน แต่เขียนกันคนละแบบ) ถือเสียว่าให้เป็ นนิมิตหมาย ที่ดี หวังว่าการร่วมมือกันของพวกเราสองฝ่ ายจะเป็ นเหมือนน้าเส้น เล็กไหลยาวที่ดารงอยู่ได้อย่างยาวนาน”
หูเฟิงก็ไม่ได้เล่นตัวอะไร รับพัดพับเล่มนั้นมาโดยตรง
อู๋ถีจิงมีความประทับใจที่ดีต่อสุ่ยจิ่งมากขึ้นอีกหลายส่วน เป็ นคน รวดเร็วตรงไปตรงมาคนหนึ่งจริงๆ
หูเฟิ งเอ่ยหยอกล้ออย่างที่หาได้ยาก “หากรู ้ว่าหาเงินแบบนี้ได้ ด้วย ปีนั้นข้าคงไม่จ่ายเงินซื้อบ้านในตัวเมืองพวกนั้นมาแล้ว”
ต่งสุ่ยจิ่งสัพยอก “ดูจากการแบ่งผลกาไรในตอนนี้ ปีนั้นเจ้าน่าจะ ใช ้จ่ายเงินฝนธัญพืชเป็ นเงินเกล็ดหิมะแล้วล่ะ”
พูดมาถึงตรงนี้ ต่งสุ่ยจิ่งก็ยกนิ้วโป้ ง “ไม่เสียแรงที่เป็ นเจ้าประมุข ตอนอายุน้อยก็แสดงมาดของคนใจกว้างออกมาได้อย่างเต็มที่”
ต่งสุ่ยจิ่งถาม “หูเฟิง เศษกระเบื้องที่เจ้าเก็บมาจากภูเขาเครื่อง กระเบื้องในปีนั้น ยินดีขายหรือไม่?”
หูเฟิงส่ายหน้า
จากนั้นหูเฟิ งก็ยิ้มเอ่ยเสริมมาประโยคหนึ่งว่า “หากเจ้าพูดถึง เรื่องนี้ก่อนโดยที่ยังไม่พูดถึงส่วนแบ่ง ต่อให้ต้องกัดฟัน ข้าก็จะขาย ให้”
ต่งสุ่ยจิ่งยิ้มกล่าว “ทาการค้ากับคนอื่นอาจจะใช ้วิธีเช่นนี้ แต่กับ เจ้าคงไม่ใช ้วิธีที่ไร ้สาระพวกนี้แล้ว มิตรภาพของคนร่วมบ้านเกิด ถึง อย่างไรก็ยังต้องมีกันบ้าง”
หูเฟิงเองก็ยิ้มตาม มิตรภาพของคนร่วมบ้านเกิด บางทีหลายๆ คนฟังแล้วอาจรู ้สึกตลก แต่หูเฟิ งกลับไม่คิดเช่นนั้น ต่งสุ่ยจิ่งใส่ใจ จริงๆ และหูเฟิงก็เห็นเป็ นจริงเป็ นจังเช่นกัน
ต่งสุ่ยจิ่งพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ปรึกษากันอีก สักเรื่อง ข้าอยากซื้อถ้าสวรรค์ฉานทุ่ยจากเจ้า”
แม้ว่าจะหายสาบสูญไปนานแล้ว แต่ถ้าสวรรค์แห่งนี้ก็ยังคงติด หนึ่งในสามสิบหกถ้าสวรรค์เล็กอยู่ตลอด
หูเฟิงส่ายหน้า
ส่วนเรื่องที่ว่าต่งสุ่ยจิ่งรู ้ได้อย่างไรว่าถ้าสวรรค์นี้อยู่ในมือของตน หูเฟิงไม่อยากถามมาก และเขาก็เชื่อว่าต่งสุ่ยจิ่งไม่มีเจตนาร ้าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!