ปัญญาชนสวมเสื้อคลุมนกกระสาหัวเราะร่า “เจ้าตัวดี ที่แท้ก็เป็ น คนบนเส้นทางเดียวกัน แค่ได้ยินเรื่องนี้ก็สนใจขึ้นมาทันทีเลยนะ”
เด็กหนุ่มมีสีหน้ามืดทะมึน “พูดจาระวังปากหน่อย ไม่อย่างนั้น หมากินตะพาบ”
เห็นได้ชัดว่าปัญญาชนสวมเสื้อคลุมนกกระสาไม่เข้าใจว่า ประโยคด้านหลังค าพังเพยนี้คืออะไร
พ่อค้าหาบเร่ที่ขึ้นเหนือล่องใต้มาจนปรุกลั้นหัวเราะไม่ไหว “หมา กินตะพาบ หาหัวไม่เจอ”
ปัญญาชนสวมเสื้อคลุมนกกระสาลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังอดเอาไว้ ไม่ลงมือ ถูมือยิ้มกล่าว “เป็ นผู้ใหญ่ต้องใจกว้าง ในท้องของอัคร เสนาบดีเช่นข้าถ่อเรือได้ จะไม่ถือสาเด็กหนุ่มมุทะลุอย่างเจ้าก็แล้ว กัน”
ไม่รู ้ว่าเด็กหนุ่มเป็ นพวกหัวทึบที่ไม่เข้าใจเรื่องราวทางโลกหรือว่า เป็ นยอดฝีมือที่มีที่พึ่งจริงๆ ถึงได้พูดจาไม่น่าฟังอยู่เสมอ “อย่างเจ้า เนี่ยนะ เท้าเดียวของนายน้อยเตะไข่ในกางเกงเจ้าจนแตกได้เลย อ้อ เจ้าเป็ นโครงกระดูกนี่นะ ต้องไม่มีไข่อยู่แล้ว”
ชายฉกรรจ์ที่นั่งยองอยู่ข้างหม้อยื่นมือไปหยิบไส้พวงหนึ่งออกมา จากในหม้อเดือดโดยตรง เงยหน้าหย่อนไส้ใส่ปาก หันหน้ามา บน ปากเต็มไปด้วยคราบมัน กระตุกมุมปากให้กับปัญญาชนสวมเสื้อ คลุมนกกระสา พูดเสียงอู้อี้ว่า “เจ้าจวนป๋ าย หากเป็ นข้าคงทนไม่ไหว แล้ว จะต้องประมือกับเจ้าคนต่างถิ่นผู้นี้ให้เห็นรู ้ดารู ้แดงกันให้จงได้ หากว่าเป็ นสกุลจางเทียนเฉาหรือเป็ นสายลับที่พรรคจินแชวส่งให้มา สืบข่าวที่นี่ เจ้าจวนป๋ ายก็แค่โยนศพไปที่ภูเขาเหอฮวาน ก็ถือว่าได้ สร ้างคุณความชอบครั้งใหญ่ นี่ก็เป็ นสินสอดอย่างหนึ่งไม่ใช่หรือ”
สตรีกางร่มหันตัวกลับมา ไม่คิดว่านางถึงกับเป็ นคนไร ้หัว
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วน้อยๆ กุมมือเอ่ย “แม่นาง ขอโทษด้วย เป็ น คาพูดที่ไร ้เจตนา”
สตรีไร ้หัวยกมือขึ้นทาท่าปิดปากหัวเราะ ไหล่สายไหวเบาๆ น่าจะ เป็ นการแสดงให้รู ้ว่านางไม่ถือสา
บุรุษผู้นั้นเคี้ยวไส้คาใหญ่ ถามว่า “เจ้าหนู ชื่อแซ่อะไร” “เดินไม่เปลี่ยนชื่อนั่งไม่เปลี่ยนแซ่ ชื่อเฉินเหริน” “ชื่อนี้ของจอมยุทธหนุ่มน้อยตั้งได้ค่อนข้าง อืม…”
พลีชีพเพื่อสัจธรรม “ข้ารู้สึกว่าดีมาก”
“ในเมื่อไม่ใช่ผู้ฝึกตนทาเนียบแล้วจะมาเยือนสถานที่ที่แม้แต่นก ก็ไม่มาชี้แห่งนี้ทาไม”
“มาท่องเที่ยวภูเขาสายน้า”
บุรุษอึ้งตะลึง
พ่อค้าหาบเร่นั่งอยู่ข้างหาบ สองมือกอดอก “ในเมื่อเป็ นผู้ฝึกตน อิสระ ก็เลยอยากจะมาหาที่พึ่งลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่?”
ปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสายิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ แต่กลับสะพายกระบี่หรือจะเป็ นนักต่อสู้?”
เด็กหนุ่มจ้องเจ้าจวนป่ายผู้นี้เขม็ง “เจ้าจวน? ศาลเถื่อนเล็กจาก แคว้นเล็กเท่าเม็ดยาแห่งใด ถึงกับกล้าเปิดจวนเป็ นของตัวเอง ไม่กลัว ถูกฟ้ าผ่าหรือ? เหอะ กันเล็กแต่ดันขี้กองโตระวังว่าพอก้นบานแล้ววัน หน้าแค่ตดกางเกงก็เปื้อน”
ไม่เพียงแต่ปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสาเท่านั้น แม้แต่คนอื่นๆ ที่ เหลือก็ยังอึ้งค้างไปกับคาพูดของเด็กหนุ่มคนนี้
ท่องอยู่ในยุทธภพ เป็ นแบบนี้ไม่ค่อยดีกระมัง?
คนขายของใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “ทุกท่านระวังกันหน่อย ก่อน หน้านี้ไม่นานข้าเพิ่งจะได้ยินข่าวเล็กๆ อย่างหนึ่งมา สกุลจางเทียน เฉามีเซียนกระบี่หญิงคนหนึ่งที่ปิ ดบังชื่อแซ่อย่างลึกล้า เมื่อไม่กี่ปี ก่อนเพิ่งจะปรากฏตัว นางยังมีผู้ติดตามคนหนึ่งที่คุณสมบัติน่าตะลึง
ไม่ทราบอายุขัยในการฝึกตนที่แน่ชัด ถึงอย่างไรก็มองดูแล้วอายุน้อย แต่กลับเป็ นเซียนกระบี่ห้าขอบเขตกลางคนหนึ่งแล้ว คราวก่อน ลูกหลานสกุลจางต้องเสียเปรียบครั้งใหญ่อยู่ที่นี่หากไม่ผิดไปจากที่ คาด ถ้าจะมาที่นี่อีก ไม่ร่วมมือกับพรรคจินแชวซึ่งเป็ นพรรคของ ราชครูแคว้นชิงซิ่งก็ต้องเป็ นเซียนกระบี่สองคนนั้นที่จับมือกันมา เยือน เด็กหนุ่มสะพายกระบี่ที่พูดจาเหมือนกินประทัดเข้าไปผู้นี้ ขอ อย่าให้เป็ นผู้ติดตามของสกุลจางคนนั้นเลย”
ผู้ฝึกตนบนโลกมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่กลัวผู้ฝึกกระบี่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกตนอิสระและพวกภูตผีที่ขอแค่เคยเจอกับ ผู้ฝึกกระบี่มาก่อนไม่ต้องสนว่าขอบเขตของอีกฝ่ ายสูงหรือต่า นั่นก็ เท่ากับวาพวกเขาดวงซวยอย่างมากแล้วขอแค่อีกฝ่ ายไม่ลงมือ สังหารอย่างเด็ดขาด หากหนีได้ก็ควรหนี หลบได้ก็ต้องหลบ
ในใจของปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสาเคร่งเครียด บ่นว่า “สือหู แล้วท าไมเจ้าไม่พูดให้เร็วกว่านี้เล่า!”
พ่อค้าหาบเร่ยิ้มเอ่ย “ป๋ ายเหมา แล้วเจ้าไม่ถามให้เร็วกว่านี้ล่ะ”
ปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสาถามว่า “สือหู ข่าวสารของเจ้า ว่องไว ครั้งนี้ข้าขึ้นเขามาก็เพราะอยากถามเจ้าเรื่องหนึ่ง ได้ยินมาว่า หนึ่งในสินเจ้าสาวของบุตรสาวที่กาลังจะออกเรือนของเทพภูเขา เหอฮวานมีตาราพิชัยสงครามเล่มหนึ่ง ข่าวนี้ไม่ผิดแน่หรือ?”
พ่อค้าหาบเร่ยื่นมือมา “กฎเดิม”
ปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสาหยิบเงินเกล็ดหิมะสองเหรียญ ออกมาจากชายแขนเสื้อโยนให้คนขายของ
คนขายของโยนเงินเกล็ดหิมะใส่ปากโดยตรงแล้วเคี้ยวกร ้วมๆ ปราณวิญญาณสีขาวหิมะหลายกลุ่มแผ่ออกมาจากมุมปาก ถูกเขา ยื่นมือไปรวบไว้แล้วยัดใส่ปากอีกครั้ง คล้ายกับว่ายังเหลือเศษอยู่บ้าง พ่อค้าหาบเร่จึงเงยหน้าสูดดังซัดเข้าปากไปทั้งหมด ใบหน้า เคลิบเคลิ้ม ชายฉกรรจ์ที่เดิมทีเหมือนคนขี้โรค สีหน้าที่ซีดขาว เปลี่ยนมาเป็ นแดงก่าอย่าง รวดเร็วโดยที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ป๋ ายเหมาเอ่ยเสียงหนัก “กินดื่มอิ่มหนาแล้ว ตอนนี้คงพูดได้แล้ว กระมัง?”
สือหูใช ้เสียงในใจพูดกลั้วหัวเราะ “สามารถแน่ใจได้ว่ามีต ารา พิชัยสงครามอยู่เล่มหนึ่งจริงๆ เพียงแต่ระดับขั้นสูงหรือต่ากลับบอก ได้ยากแล้ว บ้างก็เดาว่าเป็ นสมบัติอาคม ป๋ ายเหมา เจ้าว่าเจ้าที่เป็ น โครงกระดูกอยู่ในหลุมศพ ตอนมีชีวิตอยู่ก็ไม่ใช่แม่ทัพบู๊ที่นาทัพทา สงคราม ก็แค่แมลงน่ าสงสารที่บกพร่องในหน้าที่การเฝ้ าพิทักษ์ ดินแดนจึงถูกหัวหน้าตัดหัวต่อหน้าทุกคน ก็แค่นายอ าเภอตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น จะเอาตาราพิชัยสงครามเล่มนี้ไปท าอะไร? เอาไปเช็ด กันหรือ?”
ป๋ ายเหมารวบกระชับเสื้อคลุม เอ่ยเสียงเย็น “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสน หรอก นกมีเส้นทางของนก งูมีเส้นทางของงู เจ้ากับข้าไร ้ความแค้น ใดๆ ต่อกัน แค่เดินไปบนทางของใครของมันก็พอ”
สือหูพยักหน้า “ต่างคนต่างเดินไปบนทางของตัวเอง มีโอกาสก็ มาร่วมมือกัน”
บนยอดเขามีลมกระโชกพัดผ่านมา ชายแขนเสื้อของเด็กหนุ่ม สะบัดดังพึ่บพั่บ กระบี่ยาวที่สะพายไว้ ด้ามกระบี่ที่โผล่ออกมานอกฝัก ส่ายไหวเล็กน้อย ส่งเสียงแผ่วเบา
เด็กหนุ่มรีบขยับเท้าเบี่ยงตัวยืนรับลม
สตรีกางร่มยกแขนท าท่าจับประคองหน้าผาก
เจ้าที่เป็ นแค่ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวขอบเขตสี่คนหนึ่งขึ้นมาทาอะไรบน ยอดเขาแห่งนี้
มาก็มาแล้ว ชมทัศนียภาพเสร็จก็จากไปซะสิ
พวกคนขี้ระแวงกลุ่มนี้ยุ่งอยู่กับการเข้าร่วมงานเลี้ยงของภูเขา เหอฮวาน เข้าใจผิดคิดว่าเจ้าคือคนที่รับมือได้ยาก เกินครึ่งคงไม่ ขัดขวางการลงจากภูเขาของเจ้า
แล้วนับประสาอะไรกับที่เมื่อครู่นี้ป่ายเหมาก็จงใจเปิดปากพูดท้า ทายเจ้า แล้วค่อยแสร ้งท าเป็ นหวาดเกรงเจ้า ไม่ยินดีลงมือ อันที่จริงก็ ได้ช่วยต้านหายนะให้เจ้าแล้ว
เด็กหนุ่มสะพายกระบี่ที่ยังไม่รู ้หนักเบายังคงพูดพึมพากับตัวเอง ว่า “ลูกหลานสกุลจางเทียนเฉาและยังมีเซียนซือพรรคจินแชว เวท
คาถาล้วนร ้ายกาจมากนักหรือ? สูงแค่ไหนพวกเจ้าใครเคยเจอกับตัว มาบ้าง? ไหนลองเล่าให้ฟังหน่อยสิ”
คงเป็ นเพราะมอบเงินเกล็ดหิมะออกไปสองเหรียญ อารมณ์ของ เจ้าจวนป๋ ายจึงไม่เลวเท่าไร หลุดหัวเราะพรืด “ต้นตระกูลและสายตรง สองบ้านต่างก็เป็ นบุคคลบนฟ้ าที่อยู่สูงเกินกว่าจะปืนป่ายได้ถึง เจ้าที่ เป็ นผู้ฝึกกระบี่ตัวปลอมอย่ามาทาตัวขายหน้าที่นี่เลย รีบไสหัวไปซะ เดินช ้าไป ข้าผู้เป็ นเจ้าจวนจะจับเจ้าหลอมเป็ นคนแบกหามแทน…”
ขณะเดียวกันป๋ ายเหมาก็ใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “เฉินเหริน เจ้าจง รีบไปจากที่นี่ซะ”
เห็นว่าเด็กหนุ่มมีสีหน้าคลางแคลง ปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสา ก็รีบใช ้เสียงในใจเอ่ยอย่างรีบร ้อนว่า “เจ้าหนุ่ม พ่อค้าหาบเร่กับชาย ฉกรรจ์ที่อยู่ตรงหม้อเป็ นพวกเดียวกัน เนื้อที่อยู่ในหม้อ เจ้าคิดว่าเป็ น เครื่องในสัตว์จริงๆ หรือ? รีบไปเร็วเข้า! เจ้าโง่นี่ คิดจริงๆ หรือว่าใน อาณาเขตของผีที่ไร ้ชื่อไร ้แปแห่งนี้ คนจะดีกว่าผี? เงินเกล็ดหิมะสอง เหรียญนั่น….ช่างเถอะเจ้าหนีไม่รอดแล้ว ชาติหน้าค่อยมาใช ้คืนข้าก็ แล้วกัน ขอแค่พวกเขาร่วมมือกัน ข้าก็ไม่มีทางสู้ได้แน่นอน ไม่มี เหตุผลที่จะต้องเอาชีวิตมาทิ้งให้กับคนโง่อย่างเจ้า”
พ่อค้าหาบเร่ลุกขึ้นยืน “เฉินเหริน แม้ว่าก่อนคืนนี้พวกเราสอง คนจะไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน แต่ข้าที่เป็ นผู้อาวุโสในยุทธภพก็คง ต้องเอ่ยถ้อยคาที่ควักใจมาพูดกับเจ้าแล้ว”
ปัญญาชนเสื้อคลุมนกกระสาถอนหายใจ สองจิตสองใจอยู่พัก ใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่คิดจะลงมือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!