เข้าสู่ระบบผ่าน

กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 1060

บทที่ 551 ผู้รับใช้ดาบอู๋หมิง

เฉินผิงอันถอนหายใจ สายตาบอกเป็ นนัยแก่เสี่ยวโม่ว่าไม่ต้อง ขัดขวาง หลี่ซีเซิ่งถึงได้ผลักประตูเปิด แล้วก็มองเห็น “เฉินผิงอัน” ที่ มีดวงตาเป็ นสีทอง ระหว่างมวยผมมีเจ้าตัวเล็กตัวหนึ่งนอนคว่าอยู่

เพียงแต่ว่าเขาร่ายเวทอาพรางตา หลี่เป่ าเจินกับหลิ่วซัวต่างก็ มองไม่เห็นคนจิ๋วดอกบัวที่ออกจากภูเขาลั่วพั่วติดตามเฉินผิงอันมา

เป็ นแค่ความตกใจไปเองครั้งหนึ่ง

เฉินผิงอันยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “วันหน้ารบกวนอาจารย์ช่วยควบคุมห ลี่จือจ้าวให้มากหน่อย มีเพียงหลักการที่ว่าเป็ นโจรพันวัน ไหนเลยจะ มีหลักการให้ป้ องกันโจรพันวัน เพราะถึงอย่างไรหากทาซ้าแล้วซ้า เล่า ก็จะต้องมีซ้าแล้วซ้าอีก”

หลี่ซีเซิ่งพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะเกลี้ยกล่อมเขาเอง”

หลี่เป่าเจินเหมือนได้รับอภัยโทษ เขาไม่อยากอยู่ในห้องนี้ต่ออีก แม้แต่นาทีเดียวแล้วจึงรีบลุกขึ้นยืนมาหยุดอยู่ข้างกายหลี่ซีเซิ่ง

หลี่ซีเซิ่งเอ่ย “เป่าเจิน จะทาอะไรต้องให้เริ่มต้นด้วยดีจบลงด้วยดี พรุ่งนี้เจ้าไปมอบหมายงานทั้งหมดที่กรมพิธีการแคว้นชิงหลวนแล้วก็ กลับไปที่สานักทอผ้าของต้าหลีเถอะ”

หลี่เป่าเจินพยักหน้า

อันที่จริงหลี่ซีเซิ่งรู ้สึกปวดหัวอยู่มาก สามารถจินตนาการได้เลย ว่าในอนาคตเมื่อหลี่เป่ าเจินต้องฝ่ าทะลุคอขวดขอบเขตก่อก าเนิด จะต้องนั่งลงตรงข้ามกับเฉินผิงอันที่จาแลงมาจากจิตมารตนหนึ่ง เหมือนนั่งเล่นหมากล้อมกัน แล้วก็คอยคาดเดาคาตอบกับทะเลาะ โต้เถียงกันไม่หยุดอยู่อย่างนั้น หากตนมาช ้ากว่านี้อีกสักหน่อย บาง ทีอาจจะยังมีปัญหาที่ยากจะคาดการณ์ตามความหมายที่แท้จริงอีก หลายเรื่องรอหลี่เป่ าเจินอยู่ ปัญหานี้เป็ นแค่กับแกล้มแกล้มสุราจาน หนึ่งเท่านั้น หากไม่ทันระหวัง หลี่เป่ าเจินจะสูญเสียการควบคุมจิต แห่งมหามรรคา มีจุดจบเหมือนผู้สันโดษยุคบรรพกาลที่แขวนหนัง จิ้งจอกป่ าไว้ข้างสายโซ่ยาวของแม่น้าแห่งกาลเวลา ต่อให้ภายนอก จะเข้าใจเรื่อง ‘การไม่หลงลืมกฎแห่งกรรม” ได้อย่างกระจ่างแจ้งก็ยัง ไม่มีประโยชน์ ไม่รู ้จัก “มองอย่างอิสระ” แล้วจะเอา “อิสระที่ยิ่งใหญ่” มาจากไหน

หลี่ซีเซิ่งใช ้เสียงในใจกล่าว “เจิ้งจวีจงกับอวี๋โต้วออกจากนคร จักรพรรดิขาวไปยังนอกฟ้ าแล้ว”

เฉินผิงอันถามอย่างสงสัย “ไปทาอะไรที่นอกฟ้ า?”

คนทั้งสองเดินออกจากห้องไปด้วยกัน หลี่ซีเซิ่งอธิบายให้เฉินผิง อันฟังคร่าวๆ ถึงสถานการณ์ของนครจักรพรรดิขาว

เฉินผิงอันถาม “การประลองครั้งนี้ ผลแพ้ชนะจะเป็ นเช่นไร?”

หลี่ซีเซิ่งกล่าว “ต่างคนต่างไม่ชนะแล้วก็ไม่ได้แพ้กระมัง”

เรื่องวงในบางอย่าง หลี่ซีเซิ่งไม่สะดวกจะเปิดเผยความลับสวรรค์ มากเกินไป

ยกตัวอย่างเช่นตอนที่อยู่ในนครจักรพรรดิขาว เจิ้งจวีจงได้ยิ้ม เอ่ยกับอวี่โตัวไปประโยคหนึ่งว่า มาก็มาแล้ว

อวี๋โต้วที่สวมชุดคลุมอาคมสะพายกระบี่ติดตามอาจารย์เดินทาง ข้ามทวีปมาด้วยกันเอ่ยตอบกลับไปว่า ตรงกับความต้องการของข้า พอดี

ถึงอย่างไรทั้งสองฝ่ ายก็ได้พบเจอกันแล้ว จึงไม่ยินดีจะพูดมาก แม้แต่ค าเดียว

ขอบเขตสิบสี่สองคน อีกทั้งยังเป็ นขอบเขตสิบสี่ที่ต่อสู้เก่งกันทั้ง คู่ ต่างก็มีไฟโทสะลุกแรงไม่น้อย

การนัดต่อสู้ที่คาพูดกระชับความหมายเรียบง่ายนี้ ปรมาจารย์ มหาปราชญ์ไม่ได้ขัดขวาง มรรคาจารย์เต๋าก็รู ้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไร

เฉินผิงอันกล่าว “นี่ก็จะหมายความว่าขอแค่อวี๋โต้วนั่งบัญชา การณ์ป๋ ายอวี้จิง อาจารย์เจิ้งก็ยังต้องแพ้หรือ?”

หลีซีเซิ่งพยักหน้า “อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ก็เป็ นเช่นนี้ วันหน้าจะ เป็ นอย่างไรมิอาจค านวณได้”

เฉินผิงอันมีสีหน้าปั้นยาก

หลี่ซีเซิ่งยิ้มเอ่ย “นี่เป็ นความจริง มีอะไรก็พูดอย่างนั้น ข้าไม่มี อะไรให้ต้องล าบากใจหรอก”

ดวงตาสีทองคู่นั้นหายไปแล้ว เฉินผิงอันยกสองมือนวดคลึงข้าง แก้ม เอ่ยอย่างอ่อนใจว่า “หลี่เป่ าเจินเป็ นมาอย่างไรกันแน่ ท าไมถึง มาเป็ นน้องชายให้อาจารย์หลี่ เป็ นพี่ชายให้เป่ าผิงน้อยได้ หาก

เปลี่ยนเป็ นคนอื่น วันนี้ข้าคงไม่ปล่อยเขาไว้แน่”

หากถูกเฉินผิงอันใส่เข้าไปในรายชื่อบางฉบับที่อยู่ในใจของเขา ก็จะเหมือนภูเขาตะวันเที่ยงในอดีต ถ้าอย่างนั้นตาแหน่งขุนนางทอผ้า ของหลี่เป่าเจินก็ถือว่าเดินมาสุดทางแล้ว

เห็นได้ชัดว่าหลี่ซีเซิ่งอ่อนใจมากยิ่งกว่า “ทุกบ้านล้วนมีคัมภีร ์ที่ อ่านยาก แต่เจ้าวางใจได้เลย ต้องไม่มีครั้งหน้าแน่”

เดิมทีเฉินผิงอันยังอยากจะพูดอีกหลายประโยค เพียงแต่พอคิด ว่าอีกฝ่ายคือหลี่ซีเซิ่งก็เลยไม่พูด

หลักการเหตุผลตื้นเขินบางอย่างที่คล้ายคลึงกับประโยคว่า “ความเย่อหยิ่งฟุ้ งเฟ้ อ ลุ่มหลงในกามและการเสพสุขคือจุดเริ่มแห่ง ความเสื่อมความชั่วร ้าย” “คนฉลาดมีแต่ยิ่งนานจะยิ่งสอนได้ยาก หากไม่ลงโทษรุนแรงเพราะความผิดเล็กน้อยแต่เนิ่นๆ วันใดวันหนึ่งก็ อาจจะใช ้หลักธรรมยิ่งใหญ่ทาลายญาติพี่น้อง

คงเป็ นเพราะหลี่ซีเซิ่งเดาความคิดในใจของเฉินผิงอันออก จึงยิ้ม เอ่ยว่า “วางใจเถอะ”

เฉินผิงอันพลันเงยหน้าขึ้น

หลี่ซีเซิ่งและเสี่ยวโม่ก็เงยหน้ามองไปบนม่านฟ้ าในทันที

ศึกของนอกฟ้ าถึงกับชักน้าให้ม่านฟ้ าของไพศาลเกิดริ้ว กระเพื่อมเป็ นระลอก วงแสงเป็ นชั้นๆ ใหญ่เหมือนทะเลสาบยักษ์แผ่ ไหวตามมา

เฉินผิงอันพึมพาว่า “ข้ายังนึกว่าเป็ น “การประลองทางปุ่ น” ที่ ค่อนข้างปรองดองกันเสียอีก”

ยกตัวอย่างเช่นเลือกสนามรบอยู่ในสถานที่อย่างพื้นที่ประกอบ พิธีกรรมของปรมาจารย์มหาปราชญ์หรือมรรคาจารย์เต๋า

หลี่ซีเซิ่งกล่าว “สนามรบอยู่ในพื้นที่ลับแห่งหนึ่งจริงๆ เป็ นมรรคา จารย์เต๋าที่โยนออกไปให้ เพียงแต่ว่าค่อนข้างอยู่ใกล้กับใต้หล้า ไพศาล แต่อวี๋โต้วและเจิ้งจวีจงต่างก็ไม่มีอะไรให้ต้องเก็บง า”

เจ้าลัทธิรองแห่งป๋ ายอวี้จิง ผู้ไร ้เทียมทานที่แท้จริงเคยเอ่ยว่า คา วิจารณ์อย่างเสียดสีเพียงหนึ่งเดียวที่พอจะเอามาพูดได้ บางทีอาจมี แค่เขาไม่เคยต่อสู้กับคนสองคนมาก่อน ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเป็ นผู้ไร ้ เทียมทานที่แท้จริง

หลี่เซิ่ง จอมปราชญ์น้อยแห่งใต้หล้าไพศาล และเฉินชิงดูเซียน กระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสแห่งกาแพงเมืองปราณกระบี่

ส่วนเจิ้งจวีจงแห่งนครจักรพรรดิขาว ทั้งร่างจริง จิตหยิน จิตห ยางกายนอกกายก็ล้วนได้ครอบครองขอบเขตสิบสี่พร ้อมกันทั้งสาม ร่างแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เจิ้งจวีจง” คนหลังสุดที่ยิ่งคัดลอกมาจาก “มรรคาจารย์เต๋า” โดยตรง

จิตใจ เวทคาถาและมรรคาของเจิ้งจวีจง ทั้งสามร่างล้วนมีครบถ้วน
ไม่ช ้าก็เร็วทั้งบนฟ้ าและล่างฟ้ าจะต้องรู ้เรื่องนี้ เมื่อมีเค้าโครงแห่ง มหามรรคาในใจของเจิ้งจวีจงส่วนนี้แล้วก็ไม่ต้องสนใจแล้วว่า “ฟ้ า อ านวย” ของภายนอกจะเป็ นอย่างไร

ทว่าต่อให้ผู้ฝึกตนบนยอดเขาจะทยอยกันรู ้ข่าวที่ชวนให้ตะลึง พรึงเพริดนี้ ตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่รู ้ความจริงข้อหนึ่งที่อยู่ในชั้นที่ลึก ยิ่งกว่าอยู่ดี

นอกจากคนสามัคคีที่เรียกได้ว่าสุดยอดอย่างยิ่งแล้ว เจิ้งจวีจงยัง มีดินอวยพรที่อาพรางซ่อนแฝงอยู่อีกส่วนหนึ่ง เนื่องจากพื้นที่ ประกอบพิธีกรรมของเจิ้งจวีจงเท่ากับว่าอยู่ในใต้หล้าไพศาลซึ่งเป็ น ที่ตั้งของนครจักรพรรดิขาว ขณะเดียวกันก็หนึ่งในขอบเขตสิบสี่ก็ ผสานมรรคาอยู่ในใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง แล้วก็อยู่ในใต้หล้ามืดสลัว หลังจากที่มรรคาจารย์เต๋าจากไปด้วย

ประเด็นสาคัญคือตอนที่บรรพจารย์สามลัทธิยังอยู่ เจิ้งจวีจงก็ทา ได้ถึงขั้นนี้แล้ว รอกระทั่งบรรพจารย์สามลัทธิสลายมรรคา เจิ้งจวีจง จะท าอะไรได้อีก?

ยกตัวอย่างให้ฟัง

ขอบเขตสูงต่าของผู้ฝึ กตนบนยอดเขาก็เหมือนกายธรรม ยิ่งใหญ่โอฬารซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นดิน แน่นอนว่าขอบเขตบิน ทะยานและขอบเขตสิบสี่ทุกคนในโลกมนุษย์แต่ละคนต่างก็มีความ ร ้ายกาจเป็ นของตัวเอง ทว่าผู้ฝึกตนบนยอดเขาแทบทุกคนต่างก็เดิน ไปบนเส้นทางของตัวเองถึงได้มีขอบเขตของตัวเอง ระดับความสูง ของกายธรรมพวกเขา ถึงอย่างไรก็ไม่เคยเอื้อมไปแตะโดนคอขวด ของม่านฟ้ า

ทว่าระดับความสูงของกายธรรมเจิ้งจวีจงกลับเหมือนเพียงแค่ เพราะมีบรรพจารย์สามลัทธิขวางอยู่ ถึงได้ “ทาได้เพียง” สูงแค่นั้น

บทที่ 1060.4 จุดที่จ้องมองคือจุดที่หลงใหลที่สุด 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!