ส่วนการคาดเดาที่กู้ช่านพูดให้หลิวเสี้ยนหยางฟัง มิอาจพูดได้ ว่าอยู่ห่างจากความจริงไปหมื่นลี้ อันที่จริงเขาเดาความจริงส่วนหนึ่ง ถูกจริงๆ มีความเกี่ยวข้องกับเชียงจวินเจ้าตาหนักหลิงเฟยที่มีฉายา ว่าตั้งหลิงและภูเขาฉือวิ๋นภูเขาป๋ ายเยว่เก่า
เพียงแต่ว่าโอกาสในการผสานมรรคาที่สาคัญที่สุดของเซอเยว่ วกวนอ้อมค้อมไปมากมาย สุดท้ายก็ยังย้อนกลับไปที่ดวงจันทร ์เฮ่า ไฉ่อยู่ดี ราวกับว่าของได้กลับคืนสู่ต าแหน่งเดิม ขาดก็แค่ของไม่ได้ กลับคืนสู่เจ้าของก็เท่านั้น
คราวก่อนที่เจ้าอารามผู้เฒ่าใช ้เงินก้อนใหญ่ซื้อหินดาก้อนนั้น ไป เฉินผิงอันก็อยากจะซื้อมันกลับมาใหม่อีกครั้ง ก่อนหน้านี้ชุยตง ซานเคยเป็ นคนเสนอราคา คราวนี้ลองเปลี่ยนมาเป็ นเสี่ยวโม่ดูบ้าง
หากไม่มีเสี่ยวโม่ คาดว่าคงไม่มีอะไรให้ต้องคุยกันแล้ว
ส่วนเรื่องที่สองมีความเกี่ยวข้องกับผู้ฝึกยุทธหญิงเฉินยวนจี
เพราะตอนนั้นสหายปี้เซียวที่อยู่หน้าประตูภูเขาได้พูดกับเฉิน ยวนจีที่ทุกวันจะต้องฝึกท่าเดินนิ่งบนเส้นทางเทพที่มุ่งสู่ยอดเขาจี้หลง เขาถามว่านางชื่อเฉินยวนจีใช่หรือไม่
แซ่ “เฉิน” ของนาง สามารถอธิบายได้ว่า “ภูเขาเล็กแต่สูง สูงชัน สง่างาม” ยวนจีก็ยิ่งเข้าใจได้ง่ายแล้ว ก็คือเครื่องทอผ้าของชาวบ้าน ซึ่งนักกวีได้ให้ความหมายที่งดงามไว้ว่าเงาของดอกไม้ที่เคลื่อนไหว
ก่อนหน้านั้นเฉินผิงอันไปเยือนหอกั้วอวิ๋น ได้ถามลู่เฉินว่าเฉิน ยวนจีและตระกูลของนาง เป็ นเพราะเขาสู่เฉินที่ช่วยสานสะพาน ความสัมพันธ ์ถึงได้ย้ายมาอยู่ที่หลงโจว จากนั้นก็มาอยู่ที่ภูเขาลั่วพั่ว ใช่หรือไม่
ลู่เฉินท าเป็ นไขสือ
ก่อนที่เสี่ยวโม่จะออกเดินทางไกลได้เอ่ยเตือนเซี่ยโก่วอีกครั้ง
ป๋ ายจิ่งเพียงแค่โบกมือบอกเป็ นนัยว่ามีนางอยู่ที่ภูเขาลั่วพั่ว การ ปิดด่านของเจ้าขุนเขาเฉินไม่มีทางเกิดเรื่องไม่คาดฝันแน่
รอกระทั่งเสี่ยวโม่เดินเข้าไปในเรือนก็กลายร่างเป็ นสายรุ ้งที่ ทะยานสู่ม่านฟ้ า
ป๋ ายจิ่งยังคงนั่งอยู่ข้างโต๊ะ นางขมวดคิ้ว ดื่มเหล้าเงียบๆ ไปอีก ใหญ่
จวินเชี่ยนหัวเราะฮ่าๆ “ข้าก็ว่าแล้วเชียว เขาไม่มีทางหึงหรอก”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “นั่นก็ไม่แน่เสมอไป”
ดวงตาป๋ ายจิ่งเป็ นประกายวาววับ กลับคืนมามีรูปลักษณ์เป็ นเด็ก สาวสวมหมวกขนเตียวอีกครั้ง “จริงหรือ?”
เฉินผิงอันเอ่ย “แค่เดาเอาเท่านั้น อาจไม่ถูกต้อง”
เซี่ยโก่วลูบหมวกขนเตียว เบ้ปากพูด “ถามอาจารย์ผู้เฒ่าจูก็จะรู ้ แล้วว่าจริงไม่จริง”
ใต้หล้ามืดสลัว ดวงจันทร ์สองดวงลอยอยู่เคียงคู่กัน
ดุจดวงตาสองดวงของสาวงาม จุดที่จ้องมองไปก็คือโลกมนุษย์
เจ้าอารามผู้เฒ่าเรือนกายสูงใหญ่เดินออกมาจากกระท่อม
นักพรตน้อยที่นั่งยองอยู่บนพื้นประหลาดใจอยู่บ้าง ยังมีบุคคลใด ที่ต้องให้อาจารย์ของตนออกมาต้อนรับด้วยตัวเองอีกหรือ?
นอกห้องมีนักพรตร่างผอมแห้งทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายความ ยากจนคนหนึ่ง เขาเลิกเปลือกตาขึ้น เห็นเพียงแสงกระบี่พร่างพราว เส้นหนึ่งที่แหวกผ่าม่านฟ้ ามา พริบตาเดียวก็มาถึงในดวงจันทร ์
คือใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย อีกฝ่ ายเก็บปราณกระบี่ สวมหมวกเหลือง รองเท้าเขียวถือไม้เท้าไผ่เขียว รูปโฉมคือคนหนุ่ม มองดูแล้วเป็ นคน ชื่อไม่มีพิษไม่มีภัย
เจ้าอารามผู้เฒ่าเห็นหน้าอีกฝ่ ายก็ยิ้มถามทันที “ถูกนางจับไป นอนด้วยหรือยัง?”
เสี่ยวโม่เอ่ยอย่างอ่อนใจ “ไม่คุยเรื่องนี้”
เจ้าอารามผู้เฒ่ากลับไม่ยอมปล่อยสหายรักคนนี้ไป “บอกเจ้าแต่ แรกแล้วว่าให้เปิดใจหน่อย เจ้านอนกับนาง นางนอนกับเจ้า ไม่ได้มี อะไรแตกต่าง ใครนอนกับใครก็คือนอนเหมือนกันไม่ใช่หรือ”
เสี่ยวโม่กล่าว “สหายปี้เซียว หากเจ้ายังคุยเรื่องนี้ต่อ ข้าจะกลับ แล้วนะ”
ลูกศิษย์สองคนที่อยู่ในและนอกห้องต่างก็ประหลาดใจกันมาก ไม่รู ้ว่าอีกฝ่ ายคือเทพเซียนจากที่ใดถึงได้ท าให้อาจารย์ของตัวเองมี ท่าทีสนิทสนมไม่ห่างเหินเช่นนี้
อาจารย์ของพวกเขาไม่ใช่นักพรตที่จะล้อเล่นกับใครได้ง่ายๆ ประเด็นส าคัญคืออีกฝ่ายยังกล้าพูดว่าจะกลับด้วย
เจ้าอารามผู้เฒ่าหัวเราะลั่นคว้าแขนของเสี่ยวโม่เอาไว้ “ไป ไป ดื่มเหล้ากัน ยังคงเป็ นเหล้าที่หมักเอง ดูสิว่าเมื่อเทียบกับในปีนั้น ฝีมือ มีการพัฒนาไปสักกี่ส่วน”
เสี่ยวโม่ใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “มีอยู่สองเรื่องที่อยากจะปรึกษากับ สหายปี้เซียว”
“ก็ไม่ใช่เรื่องที่ว่าคันฉ่องโบราณบานนั้นจะเป็ นของใครและ รากฐานของแม่นางน้อยคนหนึ่งหรอกหรือ”
เจ้าอารามเฒ่าบ่น “สหาย ไม่ได้เจอกันหมื่นปี ได้กลับมาพบกัน อีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายทาไมพอเจอหน้าถึงได้พูดเรื่องเล็กน้อยพวกนี้
น่าเบื่อยิ่งนัก หากเจ้าอยากจะคุยเล่นจริงๆ ต่อให้คุยเล่นถึงศิษย์หลาน ที่ได้มาเปล่าๆ ของผินเต้าคนนั้นก็ยังดีนะ”
ศิษย์หลานที่ได้มาเปล่าๆ ที่เจ้าอารมผู้เฒ่าพูดถึง แน่นอนว่าต้อง เป็ นเจ้าลัทธิลู่แห่งป๋ ายอวี้จิงที่พาตัวมาส่งถึงที่เรียกขานเขาว่าอาจารย์ อา
ลู่เฉินมีห้าฝันเจ็ดจิตธรรม หนึ่งฝันหนึ่งจิตธรรมในนั้นยากจะ แบ่งแยกว่าเป็ นหนึ่งหรือเป็ นสอง
นอกจากนี้เจินเหรินกระดูกขาวที่ไปหลบซ่อนตัวเหมือนปลาที่ หลุดรอดหว่างแห รวมไปถึงเจิ้งฮ่วนลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อที่ถูกลู่เฉินเก็บ กลับมาแล้วก็คือสองในห้าฝัน
ในพื้นที่มงคลดอกบัว อวี๋เจินอี้ที่ “อึ้งงันเป็ นไก่ไม้” ซึ่งเคยได้ กวานเต๋าดอกบัวสีเงินชิ้นนั้นไปครอง และยังมีนกขมิ้นที่สามารถ ตรวจสอบชะตาบุ๋นได้ คือสองในเจ็ดจิตธรรมที่จ าแลงมาจากมหา มรรคาบนเส้นทางการฝึกตนของลู่เฉิน
เสี่ยวโม่ถูกดึงให้ไปนั่งข้างโต๊ะไม้ตัวหนึ่ง ผิวโต๊ะเหมือนลายน้าที่ กระเพื่อมเป็ นระลอกหากมองอย่างละเอียดจะเห็นว่าเป็ นพื้นที่มงคล ดอกบัวอีกแห่งหนึ่งที่มีความแตกต่างจากพื้นที่มงคลรากบัว
ก่อนจะนั่งลง เสี่ยวโม่ไม่ลืมยิ้มเอ่ยแนะนาตัวเองกับนักพรตหนุ่ม คนนั้น
หวังหยวนลู่ที่เพิ่งเป็ นลูกศิษย์ใหญ่ของเจ้าอารามผู้เฒ่าได้แค่ ไม่กี่วันทาหน้าตกตะลึงที่ได้รับความเมตตาโดยไม่คาดฝัน ได้ยิน คาแนะนาตัวเองของผู้อาวุโสคนนั้น หวังหยวนลู่ก็รีบก้มหัวลงค านับ ขาดก็แค่ไม่ได้เอาหัวโขกพื้นเท่านั้น
เจ้าอารามผู้เฒ่ายิ้มพูดวิจารณ์ลูกศิษย์ใหญ่เปิ ดขุนเขาของ
ตัวเองคนนี้ว่า “เจ้าตัวแสบต้นกล้าที่ดี”
หวังหยวนลู่รู ้สึกว่าค ากล่าวสองอย่างนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตน เพียงแต่ว่าไม่กล้าพอจะเถียง
เสี่ยวโม่พยักหนา “คุณสมบัติในการฝึกตนดี หาได้ยากจริงๆ”
“ส่วนคนที่ช่วยหลอมโอสถอยู่ในห้องคนนั้น ไม่พูดถึงดีกว่า แต่ สิ่งเดียวที่พอจะใช ้ได้ก็คือขยันหมั่นเพียรในการฝึกตน”
“ประสบความสาเร็จในตอนที่อายุมากแล้ว ไม่ถ่วงรั้งต่อการที่เขา จะโดดเด่นขึ้นมาในภายหลัง เรื่องของการฝึกตนขอแค่ไปถึงธรณี ประตูของคุณสมบัติในข้อนี้ได้ก็ต้องแข่งกันในเรื่องความขยันและ ความโชคดีในช่วงหลัง ในเมื่อมีจิตแห่งมรรคาที่ขยันหมั่นเพียรใน การฝึ กตน อีกทั้งยังเป็ นลูกศิษย์ที่ได้รับการบันทึกชื่อของสหายปี้ เซียว จะโชคร ้ายได้อย่างไรกัน คิดดูแล้วบนยอดเขาในอนาคตจะต้อง มีพื้นที่สาหรับเขาแน่นอน”
นักพรตน้อยที่ช่วยหลอมยาอยู่ในห้องในยินคาพูดอบอุ่นประโยค นี้ก็ซาบซึ้งใจจนเกือบจะหลั่งน้าตาอยู่รอมร่อ
เจ้าอารามผู้เฒ่าร ้องเอ๊ะ “ดูเหมือนสหายจะยังไม่ได้ดื่มเหล้าเลย นะ”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!