ฉางมิ่งยิ่งรู ้สึกชอบกวอจู๋จิ่วที่เพิ่งมาอยู่ภูเขาลั่วพั่วได้ไม่นานผู้นี้ ยิ่งขึ้นแล้ว
ถึงขั้นที่ว่าส่วนลึกในใจของนางยังมีความคิดที่ใจกล้าอย่างหนึ่ง ผู้คุมกฎคนที่สองของภูเขาลั่วพั่ว ไม่สู้ให้เป็ น….?
เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าควรจะเป็ นผู้คุมกฏของภูเขาแห่งหนึ่งให้ดีได้ อย่างไร อันที่จริงแรกเริ่มฉางมิ่งไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย โชคดี ที่ทุกคนบนภูเขาลั่วพั่วมีความรู ้ใจกันอย่างหนึ่ง หากมีเรื่องอะไรที่ไม่รู ้ ก็ให้ไปถามพ่อครัว
จูเหลี่ยนมอบแผนการอันแยบยลมาให้ แค่ประโยคเดียว เหตุผล นั้นเรียบง่ายทั้งยังปฏิบัติได้ง่าย ทาให้ฉางมิ่งเหมือนได้เปิดสติปัญญา มีทิศทางในการลงมือท าในทันที
“เวลาปกติให้เป็ นคนพูดง่ายที่สุด ไม่ว่าเจอใครก็ให้ปรองดองเป็ น มิตร หากเจอเรื่องอะไรเข้าจริงๆ ก็ให้เป็ นคนที่พูดยากที่สุด นี่ก็คือ บรรพจารย์ผู้คุมกฏ
ดังนั้นฉางมิ่งจึงจงใจถามว่า “กวอจู๋จิ่ว ท าไมถึงได้มีความคิดใน แง่ร ้ายต่อแคว้นหูแบบนี้ล่ะ?”
กวอจู๋จิ่วตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้าไม่ได้มีความคิดในแง่ร ้ายต่อ แคว้นหูและเพ่ยเซียงข้าก็แค่ไม่เห็นดีใน….ใจคน ไม่เห็นดีต่อ ขนบธรรมเนียมประเพณีที่สะสมมาอย่างเข้มข้นจนยากจะปรับแก้ ของแคว้นหู”
คงเป็ นเพราะปีนั้นตอนที่อยู่ในคฤหาสน์หลบร ้อนได้รับอิทธิพล จากอาจารย์พ่อ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่ว่าหากใช ้เหตุผลแล้วไม่ ยกตัวอย่างก็คืออันธพาลที่มีแต่ฟันขาวเต็มปากกวอจู๋จิ่วจึงหยุดใช ้ ความคิดเล็กน้อยแล้วยกตัวอย่างให้ฉางมิ่งฟัง
ปีนั้นอยู่ในคฤหาสน์หลบร ้อน มีครั้งหนึ่งที่ทุกคนแอบปลีกตัวจาก งานที่ยุ่งอย่างที่หาได้ยาก อาจารย์พ่อที่พอเล่นหมากล้อมมักจะชิงลง มือก่อนจนเป็ นฝ่ ายได้เปรียบทุกครั้ง แค่วางหมากลงไปบนกระดาน สามสิบกว่าเม็ด พวกแม่ทัพใหญ่ใต้อาณัติอย่างเสวียนเซิน เฉากุ่นก็ มั่นใจแล้วว่าคนทรยศที่สวามิภักดิ์ต่อโฉวเหมียวอย่างหลินจวินปี้ต้อง แพ้แน่นอน ส่วนกู้เจี้ยนหลงและหวังซินสุยที่เฝ้ าสังเกตการณ์เพื่อ ประเมินสถานการณ์ เป็ นนกที่เลือกเกาะเฉพาะกิ่งไม้ดีๆ ก็เริ่มโวยวาย ว่าให้เล่นตาถัดไปได้แล้ว ให้หลินจวินปี้มียางอายหน่อย อย่าได้ สิ้นเปลืองเวลาอันล้าค่าของใต้เท้าอิ่นกวานของพวกเรา…
ในระหว่างที่เก็บเม็ดหมากกลับลงโถ อาจารย์พ่อก็ได้ถามคาถาม เล็กๆ กับพวกเขาข้อหนึ่ง “สมมติว่ามีหนึ่ง สองสาม อยู่สามคน ไล่ จากสูงมาต่า ระดับขั้นเข้มงวด ในฐานะคนที่สอง จะหวังให้คนที่หนึ่ง “มอบความเสมอภาค’ ให้กับตัวเอง ราคาที่ต้องจ่ายก็คือคนที่สองก็
ต้องมี “ความเสมอภาค” ต่อคนที่สามเช่นกัน หรือจะหวังให้คนที่หนึ่ง วางตัวมากอ านาจบารมี อารมณ์แปรปรวนไม่แน่นอนใส่ตน แต่สอง เองก็สามารถก่อความวุ่นวายให้กับสามโดยที่หนึ่งจะไม่เข้ามายุ่ง เกี่ยว
หลินจวินปี้เป็ นผู้ให้คาตอบก่อน “แน่นอนว่าต้องเป็ นอย่างหลัง เพราะนี่ก็คือสันดานของมนุษย์
เมื่อมาเป็ นเรื่องนี้ ภูเขาลั่วพั่วก็คือหนึ่ง แคว้นหูก็คือสอง ใต้หล้า ของพื้นที่มงคลก็คือสาม
กวอจู๋จิ่วเอ่ยอย่างเฉยเมย “อาจารย์พ่อของข้ามองแคว้นหูอย่าง เท่าเทียม ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างมีมารยาท ทุกวันนี้แคว้นหูทาตรง นั้นผิดตรงนี้พลาด วันหน้าก็ต้องใช ้หนี้”
เซี่ยโก่วลูบหมวกขนเตียว เอ่ยชื่นชมว่า “มีทั้งพระเดชและ พระคุณ ครบทั้งสั่งสอนและทุบตี คือวิถีแห่งผู้พิชิตจริงๆ!”
กวอจู๋จิ่วฟุบตัวอยู่บนราวรั้ว คร ้านจะมองความเคลื่อนไหวใน อารามต้ามู่ด้วยซ้า เพียงแค่ทอดสายตามองไปยังทิศไกล ในดวงตา ซุกซ่อนความคิดเล็กๆ น้อยๆ เอาไว้ นางเอ่ยโน้มน้าวด้วยน้าเสียง อ่อนโยนว่า “พูดประจบไม่ใช่เรื่องที่เจ้าถนัด นี่คือข้อดีของคงโหว นี่ เรียกว่าทุกคนต่างก็มีชะตากรรมเป็ นของตัวเอง เจ้าแค่ตั้งใจฝึกกระบี่ ไปให้ดีก็พอ ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตสิบสี่ที่แค่เอื้อมมือคว้าก็ได้มาเชียวนะ หมื่นปีที่ผ่านมามีสักกี่คนที่กล้าพูดว่าจะต้องทาได้ “แน่นอน”
เซี่ยโก่วยืดคอมองไปทางอารามพลางเงี่ยหูตั้งใจฟังคาสั่งสอน ของเจ้าประมุขกวอไปด้วย นางพยักหน้า อืมๆๆ ตอบรับ
ฉางมิ่งถามต่อว่า “เจ้าคิดว่าเว่ยเหลียงกับ “เจี่ยเจี่ยว” คู่บาเพ็ญ เพียรของเขา ก่อนจะมีการประชุมได้เป็ นฝ่ ายเดินไปหาเจ้าขุนเขา ก่อน เป็ นเพราะเรื่องมารยาทหรือไม่?”
กวอจู๋จิ่วหัวเราะร่า “มารยาทส่วนมารยาท คลื่นมรสุมก็ส่วนคลื่น มรสุม ล้วนเป็ นสิ่งที่เว่ยเหลียงตั้งใจ เพราะถึงอย่างไรก็เป็ นคนที่เคย เป็ นฮ่องเต้มาแล้ว มีแผนการและกลอุบายลึกล้า คิดคานวณถึงนิสัย ของอาจารย์พ่อข้าได้อย่างแม่นย า รวมไปถึงนิสัยของเจียวทะเลสาบ ตัวนั้น ส่วนอาจารย์พ่อน่ะหรือ เขาเองก็เป็ นคนพูดง่ายจึงผลักเรือไป ตามน้า ครึ่งหนึ่งคือช่วยเว่ยเหลียงสั่งสอนเจียวทะเลาบที่วันหน้าต้อง ก่อเรื่องวุ่นวายแน่นอน ไม่ปล่อยให้นางท าตัวไม่รู ้ฟ้ าสูงแผ่นดินกว้าง มากเกินไป อีกครึ่งหนึ่งคือยอมรับปากให้เว่ยเหลียงเอาตัวออกไปอยู่ นอกสถานการณ์เมื่อเห็นว่าท่าไม่ดีได้ เพราะเว่ยเหลียงต้องคานวณ ได้อย่างแน่นอนว่าการประชุมครั้งนี้ ฝ่ ายของพวกเขาต้องไม่มีทางได้ ผลประโยชน์ใดๆ”
ฉางมิ่งยิ้มเอ่ย “ทาไมถึงแน่ใจว่าจะไม่ได้ผลประโยชน์ เจ้าขุนเขา ของพวกเราตั้งใจจะไปประชุมดีๆ เปิดโอกาสให้ทุกคนปรึกษาพูดคุย กันได้นะ”
กวอจู๋จิ่วกล่าว “เว่ยเหลียงรู ้นิสัยของอาจารย์พ่อข้า และยิ่งรู ้นิสัย ของคนในบ้านเกิดของเขา”
ฉางมิ่งถาม “ถ้าอย่างนั้นเจ้าคิดว่าเจ้าขุนเขาจะ…ลงมือไหม?”
กวอจู๋จิ่วยิ้มกว้าง “คาถามนี้น่าเบื่อมาก อาจารย์พ่อได้ให้ค าตอบ มาตั้งนานแล้ว อะไรคือคาว่าตัวร ้ายที่ใหญ่ที่สุดกันล่ะ?!”
เซี่ยโก่วถามเสียงเบา “กวอจู๋จิ่ว ผู้ฝึ กกระบี่ที่เดินออกมาจาก คฤหาสน์หลบร ้อนล้วนเป็ นแบบเจ้าหรือ?”
“เจ้าไม่มีทางเข้าไปอยู่คฤหาสน์หลบร ้อนได้หรอก”
กวอจู๋จิ่วตบแขนของเซี่ยโก่ว ปลายคางแหลมของเด็กสาววาง พาดอยู่บนราวรั้ว “แต่เจ้าก็ไม่จ าเป็ นต้องไปเสียเวลาอยู่ในคฤหาสน์ หลบร ้อนเลยสักนิด หากเจ้าเป็ นผู้ฝึกกระบี่ในท้องถิ่นของบ้านเกิดข้า ข้ากลับรับรองเลยว่าไม่ว่าจะเป็ นป๋ ายจิ่งหรือเซี่ยโก่วจะต้องได้รับการ ต้อนรับอย่างมากแน่ ได้รับการต้อนรับยิ่งกว่าลู่จือขายาวนั่นอีก ไม่ เพียงแค่เพราะเวทกระบี่ของเจ้าสูง สามารถเป็ นหนึ่งในสิบเซียนกระบี่ บนยอดเขาของหัวก าแพงเมืองได้ ยังเป็ นแพราะนิสัยของเจ้าจะต้อง เป็ นที่ชื่นชอบอย่างมาก คือผู้ฝึกกระบี่บริสุทธิ์ที่ไม่กลัวฟ้ าไม่เกรงดิน ที่พวกเราให้การยอมรับมากที่สุด ไม่แน่ว่าบนหัวก าแพงเมืองของ บ้านเกิดข้าอาจมีตัวอักษรที่เซียนกระบี่หญิงคนหนึ่งแกะสลักเอาไว้ก็ ได้”
เซียโก๋วยกสองมือกอดอก หัวเราะฮ่าๆ “แบบนี้เองหรือ น่า เสียดายจัง”
ลาพังแค่คาพูดประโยคนี้ของกวอจู๋จิ่ว หากวันนี้กาแพงเมือง ปราณกระบี่ยังคงอยู่ พวกผู้ฝึกกระบี่ต่างก็ยังอยู่ ไม่แน่ว่านางอาจขี่ กระบี่เดินทางไกลไปเป็ นผู้ฝึกกระบี่ต่างถิ่นที่เฝ้ าหัวก าแพงเมืองของ กาแพงเมืองปราณกระบี่แล้วก็เป็ นได้
ต้องแกะสลักตัวอักษร และนางก็ต้องสามารถจัดการปีศาจใหญ่ ขอบเขตบินทะยานสองตนของเปลี่ยวร ้างได้แน่นอน ไม่เขียนคา ว่าป๋ ายจิ่งก็เขียนคาว่าเสี่ยวโม่! ว้าว ฮาๆ ใต้หล้าจะมีจดหมายรักฉบับ ไหนดีกว่านี้อีกหรือ?!
……
ริมตลิ่งของทะเลสาบชิวชี่ มือดาบอูเจียง หยวนหวงที่ยังคงตั้งใจ ตกปลาอยู่เหมือนเดิมและยังมีหยวนเจียฉ่าวเหนียงเนียงเทพภูเขา จากลานฉี่ฮวาฉายาว่าลวี่เยา
เมื่อเทียบกับผู้ฝึกยุทธในยุทธภพรุ่นหลังแล้ว พวกเขาถือว่าเป็ น “คนสนิทคุ้นเคย” กันแล้ว
ดวงตาอูเจียงเป็ นประกายวาบ รีบหยิบฝักดาบแล้วลุกขึ้นยืน ทันใด
หยวนเจียฉ่าวก็ทาท่ากระเหี้ยนกระหือรือ ท่าทางสนอกสนใจ หยวนหวงกลับเอ่ยว่า “เหนียงเนียงเทพภูเขาอย่างเจ้าอย่าไปเลย มี พื้นที่ประกอบพิธีกรรมเป็ นศาลเทพภูเขา ไม่สะดวกจะละเมิดกฎ หาก ผูกปมแค้นกับพวกผู้หลอมลมปราณแล้วก็ไม่มีที่ให้หลบเลี่ยงได้อีก คนบุ่มบ่ามในยุทธภพที่อยู่ไม่เป็ นที่เป็ นทางอย่างพวกเรากลับไม่ เป็ นไร”
อูเจียงยกนิ้วโป้ งให้ “หยวนหวง สหายอย่างเจ้า ข้าคบหาด้วยแน่ แล้ว”
แค่มองก็รู ้แล้วว่าหยวนหวงเป็ นคนประเภทที่ว่าไม่ว่าจะไปอยู่ที่ ไหนก็ได้กินอิ่มนอนอุ่นเฉลียวฉลาดรู ้จักพลิกแพลงสถานการณ์ ไม่ เหมือนกับตนที่หยิ่งทระนงเกินไป ทาอะไรคร่าครึ ยากจนจนไม่ได้ยิน เสียงเงินกระทบกัน ใช ้ชีวิตอยู่ไปอยู่มาก็มีแต่ความยากจนข้นแค้น
หยวนหวงยิ้มเอ่ย “ได้สิ เส้นทางภูเขาสายน้าในยุทธภพยาวไกล เวลานานวันเข้าย่อมรู ้ใจคน จะใช่สหายกันหรือไม่แค่รู ้อยู่ในใจก็ พอแล้ว ไม่ต้องตัดหัวไก่เผากระดาษเหลืองหรอกนะ”
อูเจียงกล่าว “ได้เลยๆ คราวหน้าข้าจะขอเหล้าหมักตระกูลเซียน จากเซียนกระบี่เฉินมาหลายๆ กาหน่อย เรื่องนี้ข้าไม่ได้คุยโวโดยไม่ ร่างค าพูดจริงๆ นะ!”
หยวนหวงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม สายตามองไปยังเบื้องหน้า “จ าไว้ว่าขอเหล้าจากเซียนกระบี่เฉินมาหลายๆ กา ข้าค่อนข้างคอ แข็ง หากไม่ดื่มเหล้าเลยก็คือไม่ดื่ม แต่ถ้าดื่มแล้วต้องดื่มจนเมา ต้น หลิวต้นหยางเคียงคู่ วสันต์เข้มข้นสุรากลมกล่อม โชคดีได้พบเจอกัน จึงเดินร่วมทาง ก็ไม่ควรดื่มให้เมาเละไปเลยหรอกหรือ!”
อูเจียงนวดคลึงปลายคาง “เจ้าแย่งค าพูดข้าแล้วนะ”
หยวนหวงดีดปลายเท้า ร่างทะยานเป็ นเส้นยาวประหนึ่งนกที่บิน โผเหนือน้า พูดกลั้วหัวเราะเสียงดังว่า “ขี้โม้อีกแล้ว คาว่า “กลม กล่อม” เขียนอย่างไร เจ้าก็ไม่น่าจะรู ้กระมังเหนียงเนียงเทพภูเขา จ า ไว้ว่าช่วยดูข้องใส่ปลาให้ข้าด้วย!”
อูเจียงกอดฝักดาบ หัวเราะหึหึ ทะยานร่างตรงที่ไปเกาะอวี้จาน ตามหยวนหวงไป
หยวนเจียฉ่าวนั่งอยู่ที่เดิม ยิ้มรับปาก บอกให้หยวนหวงไปเป็ น โจรปืนข้ามก าแพงได้อย่างสบายใจ เพียงแต่ว่าพอถึงเวลาถูกเซียน ซือของอารามต้ามู่ขับไล่ออกมาก็อย่าได้กลับมาทางเดิมให้ตนต้อง เดือดร ้อนไปด้วยเป็ นอันขาด
แม้จะไม่รู ้ว่าเซียนกระบี่เฉินที่เป็ นเจ๋อเซียนจากต่างถิ่นผู้นั้นไปทา อะไรที่อารามต้ามู่ แต่ดูจากท่าทางแล้วก็ไม่เหมือนว่าจะไปนั่งลงดื่ม เหล้าเล็กน้อยแล้วกลับออกมา
ทว่าส่วนลึกในหัวใจของเหนียงเนียงเทพภูเขาท่านนี้มีความคิด อยู่อย่างหนึ่ง เชื่อว่าเมื่อเขาได้เจอกับคนในยุทธภพรุ่นเยาว์อย่าง หยวนหวงและอูเจียงแล้วก็คงไม่ถึงกับผิดหวังเกินไปกระมัง?
ถึงอย่างไรนางก็รู ้สึกว่าในยุทธภพมีคนหนุ่มอย่างหยวนหวง อู เจียง คือเรื่องที่งดงามอย่างมากอีกทั้งยังน่าสนใจอย่างมากด้วย
เว่ยเหลียงมาชนตอที่ทะเลสาบ หลังจากที่เจ้าขุนเขาเฉินมุ่งหน้า ไปยังอารามต้ามู่แล้วเขาก็ช่วย “เจี่ยเจี่ยว” คู่บาเพ็ญเพียรของตัวเอง ที่ตกน้าขึ้นมาก่อน อุ้มนางทะยานลมออกห่างไปจากทะเลสาบชิวชี่ ด้วยกัน สุดท้ายไปหยุดอยู่บนยอดเขาเขียวแห่งหนึ่งของแคว้นเป่ยจิ้น ที่ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบชิวชี่ เขาพลิ้วกายลง ในภูเขามีอารามเต๋า และวัดพุทธที่ตั้งลดหลั่นสูงต่าต่างกันไป แต่กลับไม่มีผู้ฝึกลมปราณ
ล้วนเป็ นเพียงมนุษย์ธรรมดา อันที่จริงตอนแรกที่เขาได้รับเทียบเชิญ ก็ได้พาเด็กสาวสวมชุดคลุมมังกรแฝงตัวมาถึงที่นี่อย่างลับๆ ทันที สร ้างกระท่อมไว้อย่างเร ้นลับอยู่ในภูเขาลูกนี้ เพราะอยู่ห่างไกลไร ้เงา ผู้คน ลมภูเขาพัดกระโชกแรงเยียบเย็น มักจะมีเสือและเสือดาวเข้า ออกเป็ นประจา เว่ยเหลียงยังต้องกาชับนางซ้าไปซ้ามาว่าอย่าเปิดเผย ร่องรอยง่ายๆ หลีกเลี่ยงไม่ให้ราชสานักของทั้งสองแคว้นติดต่อกันเร็ว เกินไปจนทาลายแผนการบางอย่างที่เขาวางไว้

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!