เข้าสู่ระบบผ่าน

กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 1077

“เคยมีผู้ฝึ กยุทธที่เป็ นผู้อาวุโสแซ่จูคนหนึ่ง ปี นั้นเขาเคย ยกตัวอย่างให้ข้าฟังสองข้อบอกว่าชีพจรก็เหมือนเส้นทาง ลมปราณ แท้จริงที่บริสุทธิ์ที่ไหลรินผ่านก็เหมือนรถม้าที่เคลื่อนผ่าน เป็ นเหตุให้ เมื่อเจอภูเขาก็ต้องเปิดเส้นทาง เจอน้าก็ต้องสร ้างสะพาน หากแอบอู้ ในขอบเขตนี้ก็มีทางลัดให้เดินอยู่เหมือนกัน ปูเส้นทางให้น้อย ขยับ เลื่อนไปยังขอบเขตถัดไปให้ได้โดยเร็ว ทว่าการจับคู่เข่นฆ่ากับผู้ฝึก ยุทธขอบเขตเดียวกันก็จะเหมือนกองก าลังของสองแคว้นที่ ประจัญบานกันในสนามรบ แน่นอนว่าใครที่โยกย้ายกาลังพลได้เร็ว กว่าคนนั้นก็สามารถเอาชนะได้ แล้วก็เหมือนชาวไร่ชาวนาที่คิด อยากจะให้ผลเก็บเกี่ยวประจาปี ดีก็ต้องลงแรงเหน็ ดเหนื่อยมาก กว่าเดิม ปลูกพืชพรรณในไร่นาไว้ให้มากกว่าเดิม คากล่าวนี้ ค่อนข้างจะตื้นเขินเข้าใจได้ง่ายแล้ว”

จากนั้นเฉินผิงอันก็อธิบายถึงกุญแจสาคัญของขอบเขตน้าเงิน บนเส้นทางวรยุทธให้ฟังอีกคร่าวๆ ว่าท าไมถึงเป็ น “พระโพธิสัตว์ดิน ปั้นข้ามแม่น้า” ความอันตรายและผลประโยชน์ของมันอยู่ตรงไหน

“เกี่ยวกับความกล้าแห่งนักสู้ ข้าจะอธิบายถึงสัจธรรมแห่งหมัดที่ คนรุ่นก่อนถ่ายทอดให้ฟังอีกสักสองสามประโยค เป็ นทั้งทางลัดแล้วก็ ไม่ใช่ทางลัด พูดถึงแค่ผู้ฝึกยุทธขอบเขตสามหลอมลมปราณ เมื่อ

ก่อนอวี่เจินอี้และจังชิวพวกเขาต่างก็เคยได้ยินแต่ไม่เคยเอามาใช ้ ทว่าวันนี้มีโอกาสแล้วพวกเจ้าก็สามารถลองดูได้ ทางที่ดีที่สุดควรจะ เลือกซากปรักสนามรบที่มีผีร ้ายมีกองทัพหยินออกอาละวาด เลือก สถานที่ที่มีกลิ่นอายชั่วร ้ายของปราณหยินที่สกปรกและมีพายุ ลมกรดของปราณหยางปะปนกัน เผชิญหน้ากับผีที่ดุร ้ายประหนึ่ง กองทัพม้าหนึ่งพันหนึ่งหมื่นนาย เมื่อผู้ฝึกยุทธพาตัวเข้าไปอยู่ในนั้น บุกเดี่ยวออกไปต่อสู้ก็เหมือนการถามหมัดกับฟ้ าดิน แน่นอนว่าหาก สามารถเพิ่มปณิธานหมัดได้ กระบวนท่าหมัดก็จะมีการพัฒนา หรือ จะถามหมัดกับวิญญาณวีรบุรุษที่เป็ นแม่ทัพผู้บัญชาการณ์ซากปรัก สนามรบพวกนั้นอย่างเปิดเผยก็ได้”

“เมื่อผู้ฝึกยุทธอยู่ในสถานการณ์จนตรอกต้องตายอย่างแน่นอน แต่กลับไม่มีความคิดอยากจะถอยหนี ก็คือความหมายและเจตจ านง ที่แท้จริงของคาว่า “พุ่งเข้าหาความตายความกล้าของนักสู้พลัน บังเกิด” อย่างที่กล่าวถึงในตาราหมัดแล้ว ในซากปรักสนามรบที่อืมค รีมน่าสะพรึงกลัวไร ้แสงตะวัน จิตวิญญาณและพายุหมัดของผู้ฝึ ก ยุทธสามารถร ้อนแรงดุจดวงตะวันแรงกล้าที่แผดเผาฟ้ าดิน สิ่งชั่วร ้าย เสนียดจัญไรทั้งหลายล้วนพากันหลบหนี รองลงมาก็คือไปเปิดฉาก เข่นฆ่าที่สนามรบ พาตัวไปอยู่ในสงครามเลือด ท้ายที่สุดก็เข้าใจคา ว่า “คนทั้งโลกล้วนเป็ นศัตรู” ได้อย่างกระจ่างแจ้ง สุดท้ายจึงจะเป็ น การประลองหมัดกันระหว่างผู้ฝึกยุทธ แน่นอนว่าระดับความอันตราย ของสองอย่างแรกมีมากแค่ไหน แค่คิดก็พอจะรู ้ได้”

“ปณิธานหมัดที่ไหลรินอยู่บนร่างของผู้ฝึ กยุทธประหนึ่งมีองค์ เทพคอยให้การปกป้ อง รอกระทั่งความกล้าแห่งนักสู้ของขอบเขตหก บังเกิดขึ้น ภาพบรรยากาศมีมากมายสารพัดอย่าง เป็ นเหตุให้เมื่อผู้ ฝึกยุทธเลื่อนมาสู่ขอบเขตนี้ก็สามารถเรียกขานว่าปรมาจารย์น้อยได้ แล้ว”

ตอนที่เริ่มบรรยายถึงสามขอบเขตของจิตวิญญาณและความ กล้าแห่งการเรียนวรยุทธเฉินผิงอันก็ยกมือขึ้นโบกชายแขนเสื้ออีก ครั้ง ด้านข้าง “ภาพแผนที่ เรือนกายของผู้ฝึกยุทธก็มีฟ้ าดินร่างกาย มนุษย์ที่เป็ นราวกับ “กลุ่มดวงดาวบนฟากฟ้ า’ ปรากฏเพิ่มขึ้นมา ช่อง โพรงและช่องลมปราณแต่ละช่องรวมตัวกันหนาแน่นดุจดวงดาวที่ ลอยอยู่กลางนภา

เกาจวินพลันเบิกตากว้างประหนึ่งได้เห็นสมบัติล้าค่า! นางกลั้น หายใจเพ่งสมาธิจ้องมองไป พยายามให้ตัวเองจดจ าทุกรายละเอียด บนภาพนี้ให้ได้มากที่สุดด้วยความเร็วที่มากที่สุด

ซุนหว่านแย่นที่ไร ้ชีวิตชีวาหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ในที่สุดนาง ก็อดไม่ไหวส่งเสียงอุทานออกมาว่า “ไม่มีทาง! ต่างก็เดากันว่าจ านวน รวมของช่องโพรงลมปราณในร่างมนุษย์มีแค่สามสี่ร ้อยแห่งเท่านั้น ไม่ใช่หรือ? จะมีเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร?!”

กระทั่งบัดนี้ ซุนหว่านแย่นถึงเพิ่งจะรู ้ว่าอะไรคือกบใต้บ่อ อะไรคือ แตกต่างกันราวฟ้ ากับเหว นางสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเริ่มท่องจาเอา อย่างเกาจวิน

สีหน้าของโจวซูเจินซับซ ้อนอย่างถึงที่สุด บางทีนางอาจจะเป็ นผู้ หลอมลมปราณเพียงคนเดียวในที่นี้ที่มีช่องโพรงลมปราณมากกว่า เกาจวิน แต่กลับยังไม่สามารถบุกเบิกได้ส าเร็จ

ดังนั้นโจวซูเจินจึงรู ้ดีถึงมูลค่าที่แท้จริงของภาพนี้ ลาพังแค่ “ภาพดวงดาวตระกูลเซียน” ที่ลี้ลับมหัศจรรย์อย่างถึงที่สุดภาพนี้ แค่ ค าว่ามูลค่าควรเมืองจะพอให้เอามาบรรยายได้อย่างไร?

“ผู้ฝึกยุทธเลื่อนจากหกไปเจ็ดก็คือร่างทอง เมื่อฝ่ าทะลุขอบเขต ของร่างทองก็จะกลายเป็ นขอบเขตเดินทางไกลที่สามารถทะยานลม ได้เหมือนกับผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตกลาง ดังนั้นถึงได้ถูกเรียกว่า ขอบเขตจ าแลงขนนก”

“สามขอบเขตของการหลอมจิตวิญญาณ โดยเฉพาะขอบเขต ร่างทอง เล่าลือกันว่าจะมีฟ้ าดินแห่งใหม่ บ้างก็อาศัยโชควาสนาส่วน บุคคล บ้างก็อาศัยการสืบทอดจากส านักและอาจารย์มาบุกเบิก เส้นทางสายใหม่ ผู้ที่ทาเช่นนี้จะสามารถอาศัยสามวิธีอย่างการบังคับ อัญเชิญและขอร ้อง ก็เหมือนการอัญเชิญเทพเข้าร่าง น ามา เสริมสร ้างความแข็งแกร่งให้ร่างกาย เหมือนทหารที่อยู่บนสนามรบ สวมเสื้อเกราะ เหมือนผู้หลอมลมปราณที่สวมชุดคลุมอาคม เพียงแต่ ว่าวิชาหมัดที่ข้าเล่าเรียนมาไม่ได้เดินไปบนทางเส้นนี้”

“ส่วนขอบเขตยอดเขาขอบเขตเก้า รวมไปถึงขอบเขตปลายทาง ที่อยู่เหนือขอบเขตนี้ขึ้นไป ระหว่างนี้ข้าจะพูดถึงด่านด่านหนึ่งที่มีชื่อ ว่า “ประตูชนสวรรค์

เฉินผิงอันยิ้มบางๆ “วันนี้พวกเจ้าฟังไปแล้ว มีความเข้าใจก็ พอแล้ว การเรียนวรยุทธสอนหมัดนั้นมีอยู่ แต่การป้ อนหมัดไม่ใช่การ ป้ อนข้าว ต้องอาศัยให้พวกเจ้าขัดเกลากันเอาเอง”

และเวลานี้เองท่าป๋ าต้าเจ๋อเจ้าแห่งทุ่งหญ้ากว้างก็กุมหมัด สายตา จริงใจ ใช ้ภาษากลางของจงหยวนที่สาเนียงแปลกแปร่งพูดขึ้นว่า “ขอเซียนกระบี่เฉินอย่าได้เก็บงาฝี มือไว้อีกเลย ช่วยแสดงสุดยอด เคล็ดวิชาอย่างเต็มที่ให้พวกเราได้ดูด้วยเถอะ ถึงอย่างไรชีวิตนี้ข้าก็ ไม่กล้าวาดหวังถึงขอบเขตยอดเขาอะไรแล้ว ขอบเขตปลายทางก็ยิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะคิด ก็แค่อยากจะเห็นภาพบรรยากาศของปรมาจารย์ ใหญ่ที่เป็ นผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางกับตาตัวเองสักครั้งว่าจะเป็ น เช่นไรกันแน่!”

“ในเมื่อเจ้าก็พูดเองแล้ว ยังคิดว่าข้าจะทาให้เจ้าเห็นอีกหรือ?”

เฉินผิงอันย้อนถาม “เจ้าคิดว่าเป็ นการจ่ายเงินดูงิ้วหรือไร? หืม?”

เฉิงหยวนชานเริ่มเป็ นกังวลแล้วว่าเจ้าเด็กท่าป๋ าต้าเจ๋อผู้นี้จะไป นอนหลับอยู่บนพื้นหรือไม่

ท่าป๋ าต้าเจ๋อหน้าไม่เปลี่ยนสี กลับกันยังหัวเราะดังลั่น เอ่ยเสียง ดังว่า “เมื่อครู่พูดจาไร ้เหตุผลไปสักหน่อย อาจารย์เฉินโปรดให้ข้าได้ แก้ไขคาพูดเสียใหม่ ชั่วชีวิตนี้ข้าผู้อาวุโสจะขึ้นไปดูบนยอดเขา สัมผัสกับตัวเองว่าอะไรที่เรียกว่า “ประตูชนสวรรค์! ส่วนจะสาเร็จ หรือไม่ตายไปแล้วถึงจะรู ้ค าตอบ!”

ก็ไม่เห็นว่าเฉินผิงอันตั้งกระบวนท่าหมัดอย่างไร คนชุดเขียว ยังคงทาแค่ยกเท้าขึ้นแล้วกระทืบเท้าลงเท่านั้น

พริบตานั้นรอบด้านที่มีอารามต้ามู่และภูเขาบรรพบุรุษของ ทะเลสาบชิวชี่เป็ นจุดศูนย์กลางก็มีกาแพงสูงสี่ด้านผุดขึ้นมา น้าโถม ตัวลอยค้างอยู่กลางอากาศ สะกดวิญญาณผู้คน

กาแพงสูงสี่ด้านถอยกลับเข้าไปในทะเลสาบอย่างเงียบเชียบ นี่ แสดงให้เห็นว่าเซียนกระบี่ชุดเขียวท่านนี้ได้แสดงให้เห็นถึงตบะของ ปรมาจารย์ใหญ่สองรอบแล้ว?

ท่าป๋ าต้าเจ๋ออ้าปากค้าง เงียบไปพักหนึ่งก็หัวเราะหึหึ “อาจารย์ เฉิน พูดตามตรงนะสองขาของข้าอ่อนยวบไปหมดแล้ว ขอนั่งพัก สักครู่ให้หายใจหายคอคล่องหน่อยได้ไหม?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ลูกผู้ชายยืดได้หดได้”

“การหลอมลมปราณมีจิต วิญญาณและความกล้าของผู้ฝึกยุทธ ถ้าอย่างนั้นการศึกษาในเรื่องของสามจิตเจ็ดวิญญาณของผู้หลอม ลมปราณก็มีแต่จะลึกซึ้งยาวไกลยิ่งกว่าสามจิตในนั้นก็มีไทกวง (แสง สว่างแห่งทารกในครรภ์) ซวงหลิง (จิตวิญญาณที่ใสสะอาด) โยวจิง (วิญญาณลับ)”

“ขอบเขตของผู้หลอมลมปราณมีการแบ่งมากกว่า รวมแล้วมีสิบ ห้าขอบเขต…”

เฉินผิงอันสะบัดชายแขนเสื้อ ภาพขุนเขาสายน้าในเรือนกาย มนุษย์ก็หายวับไป

เมื่อเฉินผิงอันพูดมาถึงตรงนี้ ไหวเซี่ยพลันเปิดปากเอ่ยว่า “ก่อน หน้านี้อาจารย์เฉินเอ่ยประโยคหนึ่งบอกว่า “เชื่อมโยงกับเทพ ร่วมกับ ฟ้ าดิน” แต่ก็พูดอีกว่าไม่เห็นการกระท า แต่เห็นผลลัพธ ์ นั่นก็คือสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์”

ผู้คนพากันส่งเสียงดังขรม สมาชิกที่เข้าร่วมการประชุมที่แม้จะ ส่งเสียงไม่ดัง แต่พอสวมกันแล้วก็เป็ นเสียงที่ไม่เบา ต่างก็รู ้สึกว่าใน ช่วงเวลาสาคัญอย่างนี้ ซานจวินอย่างเจ้าจะถามโน่นถามนี่ทาไม?!

เพราะถึงอย่างไรผู้หลอมลมปราณอาจจะไม่รู ้สึกสนใจใน ขอบเขตของผู้ฝึกยุทธเท่าใดนัก แต่ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวกลับไม่กล้าเกิด ความประมาทใดๆ ต่อขอบเขตของผู้หลอมลมปราณอย่างแน่นอน

ซานจวินไหวเซี่ยที่มีรูปโฉมเป็ นเด็กน้อยแสร ้งท าเป็ นไม่ได้ยิน เพียงแค่จับจ้องเซียนกระบี่ชุดเขียว ยังคงพูดเรื่องของตัวเองต่อไปว่า “ข้าไม่อยากสืบเสาะไปถึงต้นก าเนิดว่าทาไมตนเองถึงกลายมาเป็ นสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าได้ แต่ในใจกลับมีข้อสงสัยที่หลายปีมานี้ คิดไปหลายร ้อยตลบก็ยังไม่เข้าใจ จึงอยากจะขอความกระจ่างจาก ท่านอาจารย์ หากจะบอกว่าร่างกายมนุษย์นั้นได้มายากยิ่ง ถ้าอย่าง นั้นตายไปกลายเป็ นผี ในบรรดานี้ก็มีวิญญาณวีรบุรุษบุ๋นบู๊ การที่มี ความแตกต่างไปจากวิญญาณเร่ร่อนที่จิตสานึกพร่าเลือนจึงค่อยๆ ดับสูญไปจากฟ้ าดิน เป็ นเพราะว่าจิตวิญญาณที่แท้จริงของความ

เป็ นมนุษย์ยังไม่สลายหายไปหรือ? หรือเป็ นเพราะตอนมีชีวิตอยู่ท า ความดีสั่งสมบุญกุศลเอาไว้? แต่หากเป็ นเช่นนี้จริง ทาไมคนตายไป แล้วถึงกลายไปเป็ นผีร ้ายได้ แล้วทาไมเมื่อข้าเฝ้ ามองการกระทาของ ผีบางตน ทั้งๆ ที่ตอนมีชีวิตเป็ นพวกชั่วช ้าก่อกรรมทาเข็ญไม่เว้นวาง แต่กลับสามารถมีชีวิตดารงอยู่บนโลกได้อย่างยาวนาน ถึงขั้นที่ว่ายัง แอบยึดครองภูเขาสายน้า สร ้างศาลก่อตั้งเทวรูป ได้เสวยสุขจากควัน ธูปที่ชาวบ้านมากราบไหว้? หรือว่ายังต้องตามหาเส้นสายก่อนหน้านี้ สืบย้อนไปถึงวัฏจักรแห่งแรงกรรมของสามชาติก่อนหรืออาจจะ มากกว่านี้?”

เฉินผิงอันลังเลเล็กน้อย ก่อนเอ่ยว่า “ข้ารู ้แค่ว่าการปรากฏของ วิญญาณวีรบุรุษสามารถเดินท่องอยู่ในโลกมืดและโลกสว่างได้อย่าง ยาวนานไร ้อุปสรรคนั้นเป็ นเพราะจิตวิญญาณที่แท้จริงส่วนหนึ่ง ผลักดันจริงๆ เรื่องอื่นๆ ข้ากลับไม่รู ้แล้ว”

ไหวเซี่ยพยักหน้า “ในอนาคตข้าจะต้องหาค าตอบด้วยตัวเอง”

แล้วก็ไม่ต้องให้เฉินผิงอันเปิดปากพูดอะไร ตัวเขาเองก็นั่งแปะลง ไปบนเก้าอี้แล้ว

ความบริสุทธิ์ อีกทั้งต้องมีโชควาสนา” ซุนหว่านแย่นท าท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด
เฉินผิงอันยิ้มบาง “ดังนั้นถึงต้องให้ใครบางคนมายืนอยู่ที่นี่ เหมือนกัน อย่าได้ยกที่นั่งและเปิดทางให้ใครบางคน สหายซุน เจ้าคิด ว่าอย่างไรล่ะ?”

บทที่ 1077.4 ท่านอาจารย์ถามใจตัวเองแล้วไม่ละอาย 1

บทที่ 1077.4 ท่านอาจารย์ถามใจตัวเองแล้วไม่ละอาย 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!