ครั้งแรกที่มาเป็ นแขกเยี่ยมพบเกาจวิน ซานจวินผู้เฒ่าที่ขี่กวาง ถือแส้ก็เรียกตัวเองด้วยความภาคภูมิใจว่าเป็ นเทพแห่งดินแดนเบื้อง บน ตอนนั้นเกาจวินเข้าใจผิดคิดว่าเทพภูเขาที่มีนิสัยสูงส่งเย็นชาผู้นี้ ดูแคลนสรรพชีวิตของดินแดนเบื้องล่าง การประชุมลับสองครั้งใน เรือนลั่วฮวาก่อนหน้านี้ เพียงแค่เพราะฝีมือการแสดงของจางเซี่ยน ซานเข้าขั้นชานาญเกินไป เจ้าอารามกงฮวาและพวกถังเถี่ยอี้จึงคิด ว่าซานจวินขุนเขาเหนือผู้นี้เป็ นหญ้ายอดกาแพงที่ขับเรือตามกระแส ลม ตอนนี้ถึงเพิ่งรู ้ว่าอวี้เตี๋ยซ่างเหรินคือคนจริงที่ไม่เปิดเผยตัวตนอ า พรางตนไว้ได้อย่างลึกล้า
ซานจวินผู้เฒ่ายื่นมือไปลูบแส้ปัดฝุ่ น ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “พื้นที่ มงคล พื้นที่มงคลแน่นอนว่าไม่อาจตั้งชื่อได้อย่างส่งเดช หลีกเลี่ยง ไม่ให้ตัวอยู่ท่ามกลางความสุขแล้วยังไม่รู ้ตัว ตามค ากล่าวของสหาย ลู่แห่งลัทธิมารในปีนั้น พื้นที่มงคลแห่งหนึ่งที่ตั้งชื่อว่าดอกบัวได้ถูก เจ้าแห่งถ้าปี้เซียวที่สูงศักดิ์เป็ นถึงท่าน “เทพเทวดา” จงใจกดข่มไว้ให้ อยู่ในระดับล่าง กักปราณวิญญาณเอาไว้ถึงได้ท าให้ใต้หล้าแร ้นแค้น เป็ น “ดินแดนไร ้อาคม” ดี คาเปรียบเปรยที่ว่า “ดินแดนไร ้อาคม” นี้ กล่าวได้ดีจริงๆ สหายลู่เคยเปิดเผยความลับสวรรค์กับข้าบอกว่าโลก ภายนอกที่เป็ นบ้านเกิดของเขากับเซียนกระบี่เฉินอยู่ควบระหว่าง
่
พื้นที่มงคลระดับกลางกับระดับล่าง ขอถามเซียนกระบี่เฉิน ทุกวันนี้ สถานที่แห่งนี้คือระดับใด?”
เฉินผิงอันตอบ “คือพื้นที่มงคลระดับสูง สูงถึงคอขวดแล้ว”
จางซานจวินถอนหายใจ “ที่แท้ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงของ สภาพอากาศก็ล้วนเป็ นการทุ่มเงินของภูเขาลั่วพั่วนี่เอง ไม่ทราบว่า หากเอามาคานวณเป็ นเงินเทพเซียนที่ขาวราวกับหิมะของทุกวันนี้ จ านวนจะมีมากแค่ไหน?”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ยากเกินกว่าจะคานวณได้ อย่าพูดถึงเลย ดีกว่า”
หาเงินเหมือนย้ายภูเขา ใช ้จ่ายเงินเหมือนสายน้าไหล
เกาจวินตกตะลึงอย่างหนัก อารมณ์ซับซ ้อนสุดขีด “ท าไมก่อน การประชุม เจ้าขุนเขาเฉินถึงไม่บอกความจริงข้อนี้กับพวกเรา?”
เฉินผิงอันยิ้มย้อนถาม “พูดเรื่องนี้ทาไม เพื่อที่จะให้มีคนรู ้สึก ซาบซึ้งในพระคุณของภูเขาลั่วพั่วมากกว่าเดิมหรือ?”
ซ่งไหวเป้ าใช ้พัดพับตีฝ่ ามือ ทอดถอนใจด้วยความชื่นชมไม่ หยุด ยิ้มเอ่ยว่า “อาจารย์เฉินทาแบบนี้จึงจะถูกต้อง วันหน้าความจริง ที่ควรรู ้ ไม่ช ้าก็เร็วต้องได้รู ้เมื่อถึงวันนั้นภูเขาลั่วพั่วก็จะได้รับค าชม ว่าทาดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ชื่นชมอาจารย์เฉินว่าเป็ นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา ดุจแสงจันทร ์ดุจลมเย็น หากไม่รู ้ก็ให้ไม่รู ้ต่อไปนั่น แหละ ก็เหมือนอย่างที่อาจารย์เฉินพูดตอนถ่ายทอดมรรคาก่อนหน้า
่
นี้ว่า “สรรพสิ่งได้รับความสมดุลจึงเติบโต ถูกหล่อเลี้ยงจนอุดม สมบูรณ์ ไม่เห็นกระบวนการแต่เห็นผลลัพธ ์ นี่แหละที่เรียกว่าความ ศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนรู ้ถึงผลสาเร็จ แต่ไม่เคยมีใครมองเห็นรูปร่าง นี่แหละ ที่เรียกว่าธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็สามารถป้ องกันใจคนที่ไม่ เพียงพอเห็นข้าวหนึ่งโต่วเป็ นบุญคุณ เห็นข้าวหนึ่งเซิงเป็ นความแค้น สภาพการณ์ของภูเขาลั่วพั่วและพื้นที่มงคลก็เหมือนคนสองคนที่ใช ้ ชีวิตอยู่ร่วมกัน หากมีความสัมพันธ ์ที่ผสมผสานกลมเกลียวราวกับ กาวติดแน่นราวกับน้ามันเคลือบมาตั้งแต่ต้น ใครบางคนมีความ ประทับใจที่ดีต่อใครบางคนอย่างถึงที่สุด วันหน้าจะท าอย่างไร คอย ลดคะแนนไปเรื่อยๆ อย่างนั้นหรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ซ่งซานจวินมีความคิดปราดเปรื่อง มองใจ คนได้อย่างกระจ่าง”
ซ่งไหวเป้ ายิ้มเอ่ย “ในเมื่ออาจารย์เฉินเชื่อใจให้ขุนเขาตะวันตก ของข้าดูแลเรื่องบุพเพชีวิตคู่ แม้ว่าเทพน้อยจะหลงใหลในกามารมณ์ พอๆ กับใฝ่ หาคุณธรรม อีกทั้งยังไม่เคยปิดบังความคิดทุกอย่างล้วน ปรากฏบนใบหน้าหมดแล้ว แต่ก็สามารถรับรองกับภูเขาลั่วพั่วและ อาจารย์เฉินได้ตรงนี้เลยว่า เทพน้อยจะไม่มีทางทาหน้าที่เป็ นคนเฝ้ า เองแล้วขโมยเองเด็ดขาด”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “จะคิดว่าเป็ นคาสัญญาของวิญญูชนก็แล้วกัน ซ่งซานจวินไม่ต้องเอ่ยค าสาบานหรือลงนามในสัญญาอะไรแล้ว”
่
ซ่งไหวเป้ ามีท่าทีอ่อนลงทันใด ถามหยั่งเชิงว่า “หากมีแม่สื่อแม่ ชักและท าตามประเพณีอย่างถูกต้อง เทพน้อยจะมีหนึ่งภรรยากับ หลายอนุ ก็คงไม่เกินกว่าเหตุกระมัง?”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ขอแค่สองฝ่ ายต่างก็เป็ นเจ้ายินยอมข้า พร ้อมใจ และซ่งซานจวิน ก็ไม่ได้ใช ้วิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิต แน่นอนว่าไม่มีปัญหาใดๆ ต่อให้จานวนของคนที่ “เหมือนฮูหยิน” (หมายถึงอนุภรรยา) ในจวนจะมีมากหน่อย เรื่องอย่างการปิดประตู วาดขนคิ้วให้กัน คิดดูแล้วคนนอกก็ไม่อาจพูดอะไรได้”
ซ่งไหวเป้ าโล่งอก คลี่ยิ้มสดใส “เดินผ่านเส้นทางคดเคี้ยวลาบาก ตรากตร ามาหลายปีดอกบัวใบบัวอยู่ร่วมเคียงคู่ ใช ้ชีวิตบ้านป่าเรียบ ง่าย วาดลงดินให้กลายเป็ นลาน้า เสียงสกุณาขับขานอยู่ร่วมกัน อย่างกลมเกลียว”
เฉินผิงอันพูดโน้มน้าวว่า “การละเล่นแห่งสายลม ดอกไม้ หิมะ และจันทรา ครั้นชราแล้วจึงทอดถอนใจว่าก าลังกายใจมิเหมือนเคย สิ่งเหล่านั้น….หาใช่เรื่องของคนแก่ไม่”
ซ่งไหวเป้ ายิ้มอย่างชอบใจ
คิดไม่ถึงเลยว่าเซียนกระบี่เฉินจะเป็ นคนที่เคยเดินผ่านพุ่มร ้อย บุปผามาก่อน หากขนาดนี้แล้วยังไม่ถือเป็ นคนบนเส้นทางเดียวกัน แบบไหนถึงจะถือว่าใช ้ได้อีก? หากไม่เคยมีสาวงามคนรู ้ใจจ านวน
่
สองมือนับมาก่อนก็ไม่มีทางเอ่ยถ้อยคาของผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ออกมา ได้
ดี ขอแค่ไม่ใช่บัณฑิตคร่าครึ จวนซานจวินขุนเขาตะวันตกก็ ย่อมยินดีต้อนรับการมาเยือนของอาจารย์เฉิน
ตรงหน้าประตูมีบัณฑิตลัทธิขงจื๊อวัยกลางคนที่จอนผมสองข้าง แซมสีขาวปรากฏตัวและยังมีเด็กสาวสวมหมวกขนเตียวที่สอง แก้มแดงเป็ นปั้นอีกคนหนึ่ง
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ยแนะนาว่า “เจียงซ่างเจิน อดีตโจวเฝยแห่ง ตาหนักคลื่นวสันต์ของพื้นที่มงคลแห่งนี้ ทุกวันนี้เป็ นผู้ถวายงาน อันดับหนึ่งของภูเขาลั่วพั่วพวกเรา เซี่ยโก่ว นางคือผู้ถวายงานอันดับ รองของพวกเรา”
เซี่ยโก่วนั่งลงบนธรณีประตู เจียงซ่างเจินยืนอยู่นอกประตู โบก มือเอ่ย “เจ้าหอโจว ยังจ าข้าได้ไหม?”
โจวซูเจินหน้ายิ้มใจไม่ยิ้ม “จดจาได้อย่างลึกซึ้ง ตราตรึงอยู่ใน หัวใจ”
เจียงซ่างเจินเอ่ยด้วยสีหน้าจริงใจว่า “เจ้าหอโจวอย่าได้เข้าใจผิด ภูเขาลัวทั่วเพราะข้าเด็ดขาดเชียว ข้าที่อยู่บนภูเขาลั่วพั่วชื่อเสียง ฉาวโฉ่ยิ่งนัก เดินอยู่บนถนนทุกคนร ้องอยากจะทุบตี…”
เฉินผิงอันเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “โจวอันดับหนึ่งเลิกแก้ตัวได้ แล้ว”
่
เจียงซ่างเจินเอนกายพิงกรอบประตู หัวเราะร่าเอ่ยว่า “เจ้าขุนเขา ให้ข้าได้พูดประโยคสุดท้ายสักหน่อยเถอะ เจียงซ่างเจินเป็ นคนชื่อ เฉพาะอยู่บนภูเขาลั่วพั่วเท่านั้น อยู่ในถิ่นของบ้านเกิดตัวเองอย่าง พื้นที่มงคลถ้าเมฆาสกุลเจียงแห่งใบถงทวีปกลับไม่ใช่คนพูดง่ายแล้ว ใช ้แล้ว นอกจากข้าจะเคยเป็ นเจ้าส านักของส านักกุยหยกแล้วยังเป็ น ผู้ฝึ กกระบี่คนหนึ่งด้วยเป็ นขอบเขตเซียนเหรินอย่างครึ่งๆ กลางๆ เซี่ยโก่วแม่นางเซี่ยผู้ถวายงานอันดับรองกลับเป็ นขอบเขตบินทะยาน ตัวจริงเสียงจริง เป็ นผู้ฝึกกระบี่เต็มตัว เรื่องนี้ค่อนข้างยาว ก็ขอพูดแค่ นี้ก่อนแล้วกัน ทุกท่านที่นั่งอยู่โปรดชั่งน้าหนักกันเอาเอง”
บรรยากาศในห้องพลันชะงักค้างทันใด
เจียงซ่างเจินยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “กังวลว่าพวกเจ้าจะคิดมากแล้ว เข้าใจผิด ข้าจะเอ่ยเสริมอีกหน่อยก็แล้วกัน ข้าแค่มาร่วมวงความ ครึกครื้นเท่านั้น แม่นางเซี่ยเองก็ถูกข้าเรียกมาชมงิ้วกะทันหัน ไม่ได้ เกี่ยวข้องกับเจ้าขุนเขา ข่มขู่พวกเจ้าหรือ? ไม่ใช่เลย แล้วก็ไม่มี ความจาเป็ นนี้ด้วย เมื่อได้ฟังคาอธิบายถึงฟ้ าสูงแผ่นดินกว้างของ โลกภายนอกจากเจ้าขุนเขาแล้ว ตอนนี้ทุกท่านต่างก็ไม่ใช่กบใต้บ่อ กันอีกต่อไป ก็ควรจะเข้าใจถึงความหมายของเซียนกระบี่ห้าขอบเขต บนได้คร่าวๆ แล้ว ถอยไปพูดหมื่นก้าว ต่อให้ภูเขาลั่วพั่วไม่มีสมาชิก บนท าเนียบอย่างพวกเรา พูดถึงแค่เจ้าขุนเขาของพวกเราคนเดียว นั่นก็ยิ่งควรค่าแก่การพูดถึงเข้าไปใหญ่…”
่
เฉินผิงอันโบกมือ เตือนเจียงซ่างเจินว่าอย่าได้เพิ่มความวุ่นวาย “หยุดเลย”
จงเชี่ยนยิ้มเอ่ย “เจ้าขุนเขาของพวกเรามีชื่อเสียงโด่งดังมากใน โลกภายนอก เรื่องเล่าขานก็เยอะ หากเขียนเป็ นนิยายต่อสู้ในยุทธ ภพหรือประวัติจอมยุทธเซียนก็สามารถเขียนเป็ นหนังสือเล่มใหญ่ได้ หลายเล่มเลยล่ะ”
เจียงซ่างเจินใช ้เสียงในใจพูดถึงเงินเหรียญทองแดงแก่นทองของ หลิ่วซวี่
เฉินผิงอันพยักหน้า กลั้นขา “เป็ นนิสัยการกระทาของเซียนกวี หลิ่วพวกเราจริงๆ ชอบเป็ นคนดีทาเรื่องดีอย่างเงียบๆ”
อันที่จริงระหว่างทางที่หลิ่วซวี่เดินทางไปนครมังกรเฒ่าก็ได้ทา อีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือส่งกระบี่บินแจ้งข่าวไปยังสกุลหลิ่วลาคลองหลัว หม่า บนจดหมายเขียนแค่สองเรื่องเท่านั้น
เฉินอิ่นกวานรีบใช ้เงินเหรียญทองแดงแก่นทอง ทางตระกูลมีเก็บ อยู่เท่าไรก็เอาออกมาให้หมด ถือเสียว่าเป็ นเงินเดือนของเจ้าประมุข ทั้งหมดที่เขาหลิ่วซวี่เบิกมาใช ้ก่อนล่วงหน้าร ้อยปี พันปี หากทาง ตระกูลคิดจะเก็บซ่อนเอาไว้ เขาก็ไม่เป็ นเจ้าประมุขอะไรแล้ว ถึง อย่างไรค าพูดของเขาก็ไม่มีใครฟังอยู่แล้ว


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!