ภายหลังก็ถูกเทพเซียนผู้เฒ่าเรียกให้มานั่งที่โต๊ะด้วยกัน บอกว่า จิบเล็กๆ น้อยๆ สักสองสามจอก ต้องเป็ นคนที่ดื่มเหล้า จะให้เหล้าดื่ม คนไม่ได้เด็ดขาด ล้วนไม่ดื่มเกินปริมาณเรื่องของการดื่มสุราคารวะ เทพเซียนผู้เฒ่าก็แค่หยุดเมื่อพอสมควร ยิ่งไม่ยุให้ดื่ม เป็ นคนชอบ ดื่มสุราจึงเอาแต่ดื่มเหล้าชามใหญ่อยู่กับตัวเอง ผู้เฒ่าดื่มจนหูร ้อน ใบหน้าแดงก่า จอนผมสองข้างมีสีขาวแซมแล้วอย่างไร การพบเจอ กันในยุทธภพ มีเหล้าดื่มเหล้า มีเนื้อกินเนื้อนั่งลงบนโต๊ะเหล้าแล้วลง จากโต๊ะก็เป็ นสหายกันแล้ว เหล้ามื้อหนึ่ง หลินเฟยจิงดื่มอย่างปลอด โปร่งชื่นบาน รู ้สึกเพียงว่าตนได้เจอกับผู้อาวุโสที่จิตใจอบอุ่น กระตือรือร ้น
จูเหลี่ยนไม่อยู่ ทว่าโต๊ะอาหารตัวนั้นของเขากลับครึกครื้นยิ่ง เฉินผิงอันไม่ได้จงใจเรียกใครมา คนที่ตอนนี้อยู่ภูเขาลูกอื่นก็ให้หา ของกินกันเอาเอง แต่กระนั้นก็ยังมีคนมานั่งกันเต็มโต๊ะ
เด็กชายชุดเขียวเริ่มหางชี้ฟ้ าแล้ว ก่อนหน้านี้เดินเอาสองมือไพล่ หลังอยู่ในลานบ้านไม่เห็นเงาร่างของนักพรตเฒ่าชุดสีม่วงก็ยังเป็ น ฝ่ายถามว่าเทพเซียนผู้เฒ่าอวี๋ล่ะ ท าไมถึงไม่มา ไม่ไว้หน้ากันหรือ
บนโต๊ะอาหาร เฉินผิงอันบอกเฉาฉิงหล่างว่าหากมีโอกาสก็ให้ พาสหายสองคนมาเป็ นแขกที่ภูเขาลั่วพั่ว เฉาฉิงหล่างตอบตกลงด้วย
รอยยิ้ม เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ยังไม่ได้ฟ้ องอาจารย์ ที่แท้ตอน อยู่ที่ลาน้าใหญ่ของใบถงทวีป คนที่ทาหน้าที่เป็ นเหยื่อตกปลา นอกจากศิษย์พี่เล็กแล้ว อันที่จริงยังมีผู้ฝึกกระบี่เด็กหนุ่มจากกาแพง เมืองปราณกระบี่อีกสองคน แต่พวกเขาต่างก็อาสาไป “ตกปลา” กับ เจ้าส านักชุยกันเองด้วยความกล้าหาญระหว่างที่เดินทางมา ตอนอยู่ บนเรือเพิ่งยวน ศิษย์พี่เล็กกาชับซ้าไปซ้ามาว่าอย่าบอกเรื่องนี้ให้ อาจารย์รู ้ กังวลว่าความผิดหลายข้อของเขาจะถูกเอามาคิดบัญชี พร ้อมกัน แล้วจะต้องเปลี่ยนคนมานั่งที่ตาแหน่งของเจ้าสานัก เขา รับปากเฉาฉิงหล่างอย่างน่าเชื่อถือว่าศิษย์น้องเฉาเจ้าวางใจหนึ่งร ้อย ดวงได้เลย ต าแหน่งเจ้าส านักคนถัดไปต้องเป็ นของเจ้าแน่นอน ไม่ ต้องรีบร ้อน จะดีจะชั่วก็ให้ศิษย์พี่เล็กนั่งบนเก้าอี้อันดับหนึ่งให้ร ้อน เสียก่อน…..การที่เฉาฉิงหล่างเลือกจะช่วยปิ ดเป็ นความลับไม่ใช่ เพราะเห็นแก่มิตรภาพของคนร่วมส านัก แต่เพราะรู ้สึกว่าผู้ฝึกกระบี่ก็ คือผู้ฝึ กกระบี่ ย่อมต้องมีแนวทางการจัดการเรื่องต่างๆ เป็ นของ ตัวเองต้องเคารพในการเลือกของอวี๋เสียหุยและเหอกู
เฉินผิงอันใช ้เสียงในใจเตือนเฉาฉิงหล่างไปว่าหลังจากนี้พอ กลับไปถึงใบถงทวีปแล้วช่วงนี้สถานการณ์ค่อนข้างซับซ ้อน เกี่ยวพัน ไปถึงการขึ้นลงของโชคชะตาในภาพรวมทั้งสานักเบื้องบนและเบื้อง ล่าง ระหว่างนี้อาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ ดังนั้นเจ้าอย่าไปพบสวีเจิน และอวี๋ลี่ หากจะไปพบพวกเขาก็ต้องพาซุยตงซานไปด้วย เฉาฉิง หล่างไม่ได้ถามมาก ยังคงไม่มีความเห็นต่างใดๆ เฉินผิงอันอธิบาย
เพิ่มเติมอีกสองสามประโยค เฉาฉิงหล่างก็ยิ้มบอกอาจารย์ว่าไม่ต้อง คิดมาก แค่จัดการธุระข้างมือไปก็พอ ศิษย์รู ้ดีว่าควรท าอย่างไร
ภูเขาสายน้าเคียงคู่ กินดื่มอิ่มหนา
เนื่องจากเจ้าขุนเขาเฉินที่มาดใหญ่ยิ่งกว่าแผ่นฟ้ าเป็ นฝ่ ายเปิด ปากขอเทียบเชิญด้วยตัวเองอย่างที่หาได้ยาก เป็ นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น เป็ นครั้งแรก เว่ยป้ อจึงมาเยือนภูเขาลั่วพั่วด้วยตัวเองรอบหนึ่ง นา เทียบเชิญงานเลี้ยงท่องราตรีมาด้วยสามฉบับ อ้อมผ่านกองระเบียบ พิธีการของจวนซานจวิน เขียนชื่อและฉายาของพวกป๋ ายเติงด้วยมือ ตัวเอง
ผู้ฝึกกระบี่ป่ายเติงและผีอิ๋นลู่ คนหนึ่งปิดประตูอยู่ในภูเขามานาน เกินไป อีกคนหนึ่งคือเผ่าปีศาจแห่งเปลี่ยวร ้าง จึงไม่ค่อยรู ้น้าหนักถึง มารยาทพิธีการของที่นี่เท่าใดนัก ทว่าเกาเกิงที่เข้าร่วมงานเลี้ยงสุรา ในหลิวเสียทวีปไม่เคยขาดกลับรู ้ชัดเจนดี ดังนั้นเขาจึงเข้าครัวทา กับแกล้มด้วยตัวเองสองสามจาน รั้งตัวเว่ยซานจวินที่สามารถมอง เป็ นผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตบินทะยานคนหนึ่งให้อยู่ดื่มเหล้าร่วมกันมื้อ หนึ่งได้ ไม่ว่าจะอย่างไร อีกเดี๋ยวพี่ใหญ่ก็จะต้องเป็ นเทพวารีของ แม่น้าเถี่ยฝูที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องแล้ว ศาลก็อยู่ใกล้กับภูเขา พีอวิ๋นแค่นี้ เหมือนเป็ นอาเภอในสังกัด ในวงการขุนนางภูเขาสายน้า ก็ถือเป็ นเพื่อนบ้านใกล้เคียงกันได้แล้ว หากสามารถสานสัมพันธ ์ไว้ กับเว่ยซานจวินที่เป็ นหัวหน้าหรือควรจะเรียกว่าเว่ยเสินจวินให้ดีได้
แต่เนิ่นๆ ในราชสานักมีคนรู ้จักก็เป็ นขุนนางได้ง่าย นายอาเภออยู่ ห่างไกลไม่สู้ขุนนางที่ดูแลในพื้นที่ ไม่ว่าอย่างไรก็ถือเป็ นเรื่องดี
เว่ยป้ อเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเกาเกิงจะวุ่นวายจัดงานเลี้ยง ขึ้นมาเช่นนี้ ไม่ควรยื่นมือไปตบหน้าคนที่ยิ้มให้ ถึงอย่างไรอีกฝ่ ายก็ เป็ นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของขอบเขตบินทะยานคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็ น แขกที่สามารถพักอยู่บนภูเขาลั่วพั่วได้ด้วย เว่ยป้ อจึงได้ฝืนนิสัยนั่งลง ดื่มเหล้า บนโต๊ะสุรา ผู้ฝึกกระบี่ป๋ ายเติงไม่ได้พูดอะไรมากนัก นี่เกิด จากนิสัยเย็นชาตามธรรมชาติ ทว่าเกาเกิงกับ “เฉิงฉว่อ” กลับช่วย เอ่ยคาพูดดีๆ ให้เว่ยป้ อที่อีกเดี๋ยวจะได้เกียรติเลื่อนขั้นเป็ นเสินจวินฟัง มากมายเป็ นกระบุงโกยแทนพี่น้องที่พูดไม่เก่ง
ที่นั่งมีจากัด จะปล่อยให้คนที่เหลือมานั่งยองกินข้าวจริงๆ ก็คง ไม่ได้ ดังนั้นมื้อเย็นจึงไม่ได้เรียกเจิ้งต้าเฟิ งกับนักพรตเซียนเว่ยมา เฉินผิงอันพาหลิวเสี้ยนหยางและกู้ช่านเดินเล่นลงจากภูเขาไป ด้วยกัน พูดคุยกันไปสี่ห้าประโยคแล้วพวกเขาก็กลับไปยังชานเมือง หลวงทางทิศเหนือ เฉินผิงอันจึงเข้าไปในเรือนที่ตั้งอยู่หน้าประตูภูเขา ผลคือพบว่าคนเฝ้ าประตูสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกันใต้ชายคา กาลังถือ ชามข้าวกินผักกาดขาวต้มเต้าหู้หม้อหนึ่งที่ต่อให้เป็ นเทพเซียนก็ไม่ ยอมแลก ไอร ้อนลอยฉุย บ้างคุยบ้างหัวเราะ บรรยากาศกลมเกลียว
นักพรตเซียนเว่ยยังถามเจ้าขุนเขาว่ากินข้าวแล้วหรือยัง หากยัง ไม่กินก็เป็ นเรื่องเล็กน้อยทีแค่ต้องเพิ่มขามและตะเกียบมาชุดหนึ่ง
เท่านั้น เฉินผิงอันยิ้มเอ่ยว่ากินแล้ว ข้าเข้าครัวทากับข้าวด้วยตัวเอง คนเยอะมากก็เลยไม่ได้เรียกพวกเจ้าไปกินด้วยกัน
นักพรตเซียนเว่ยปากก็ยิ้มพูดว่าไม่เป็ นไร ไม่เป็ นไร แต่อันที่จริง เขากลับพี่น้องต้าเฟิงต่างก็เผยสีหน้าโชคดีที่ไม่ได้เรียกพวกเราไป กินด้วย
นี่ทาให้เจ้าขุนเขาที่เดิมที่ยังรู ้สึกละอายใจอยู่บ้างไม่รู ้ว่าโทสะผุด มาจากไหน เดินไปหยิบม้านั่งตัวเล็กและชามกับตะเกียบที่ห้องครัวมา ด้วยตัวเองอย่างคุ้นเคย นั่งลงแล้วก็เริ่มกิน
เฉินผิงอันพูดว่าคราวหน้าพวกเรากินปลาตุ๋นเต้าหู้กันบ้าง เนื้อ เต้าหู้ผสมปนกับเนื้อปลา คืออาหารที่ตนถนัดมาก ตุ๋นตอนเช ้าแล้ว ค่อยกินตอนกลางวัน ตอนกลางคืนก็ยังคิดถึงรสชาตินั้นไม่เลิก เซียนเว่ยมองพี่น้องต้าเฟิง เจิ้งต้าเฟิงมองนักพรตเซียนเว่ย ต่างก็ใช ้ สายตาบอกเป็ นนัยกับอีกฝ่ายว่าเจ้าเป็ นคนปฏิเสธเรื่องนี้สิ ถึงอย่างไร อีกฝ่ ายก็เป็ นเจ้าขุนเขา ถึงอย่างไรนี่ก็เป็ นความหวังดีของเจ้าขุนเขา เจ้าขุนเขาเฉินคร ้านจะมองการส่งสายตาไปมาให้กันของพวกเขา พูดแค่ว่าตกลงตามนี้ จะต้องเกรงใจข้าไปไย
กินพลางคุยกันไปด้วย เฉินผิงอันเล่าว่าเผยเฉียนแอบซื้อเนินเขา สู่เหยาที่อยู่ใกล้เคียงมา เป็ นการค้าขายที่ยุติธรรม มีสัญญาที่ดินให้ ลงนาม
ภูเขาที่อยู่ใกล้เคียงกับภูเขาลั่วพั่ว นอกจากภูเขาฮุยเหมิงทางทิศ เหนือแล้ว แม้กระทั่งยอดเขาเทียนดูและยังมีภูเขาเที่ยวอวี๋กับเนินเขา สู่เหยาต่างก็ถือว่าเป็ นเพื่อนบ้านใกล้เคียงของภูเขาลั่วพั่ว
และชุยตงซานเองก็แอบซื้อภูเขาเที่ยวอวี๋มาเก็บไว้เป็ นของใน กระเป๋ าอย่างลับๆ แล้วเช่นกัน
เซียนเว่ยฟังอย่างใจลอย คีบเต้าหู้ขาวนวลร ้อนลวกชิ้นหนึ่ง ขึ้นมาเป่า คิดแค่ว่าคราวหน้าปลาที่เจ้าขุนเขาจะตุ๋นด้วยตัวเองจะเป็ น ปลาอะไร เรื่องภายในบ้านพวกนี้ เขาที่เป็ นคนเฝ้ าประตูไม่มีสิทธิ์ไม่มี เสียง แล้วก็ไม่มีอะไรจะให้พูดด้วย นี่ไม่เกี่ยวกับว่าตาแหน่งต่าต้อย คาพูดไร ้น้าหนัก ภูเขาลั่วพั่วไม่เคยสนใจระดับขั้นหรือขอบเขตอยู่ แล้ว เป็ นเพราะตัวของนักพรตเซียนเว่ยเองไม่มีความสนใจในเรื่องนี้
เฉินผิงอันกล่าว “การประชุมในศาลบรรพจารย์ยอดเขาจี้เซ่อ คราวก่อน เกี่ยวกับเรื่องของกฎการเปิดยอดเขาและการแบ่งภูเขาก็ แค่ถือโอกาสพูดถึงไม่กี่ประโยคเท่านั้น ข้าเลยคิดว่าการประชุมครั้งนี้ จะก าหนดให้เรียบร ้อยว่าภูเขาแต่ละลูกจะเป็ นของใครบ้าง หากเอา แต่ปล่อยเว้นว่างให้ไร ้เจ้าของอยู่อย่างนี้ ถึงอย่างไรก็ไม่สมควร”
เจิ้งต้าเฟิงพยักหน้า “ถูกต้องชอบธรรมจึงจะมีเหตุมีผล อันที่จริง นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก เมื่อภูเขามีเจ้าของแล้วก็ต้องมีคนไปพักอยู่ ช่วย รวบรวมกลิ่นอายผู้คนมาไว้ มีแค่ปราณวิญญาณฟ้ าดินอย่างเดียว ย่อมไม่ได้ผล เรือนหลังหนึ่งหากปล่อยร ้างไร ้คนอยู่อาศัยนานเกินไป ก็จะโทรมเร็ว”
ภูเขาบรรพบุรุษคือภูเขาลั่วพั่ว ภูเขาที่ทยอยกันมาอยู่ใต้อาณัติ กลายมาเป็ นแซ่ “เฉิน ในการประชุมคราวก่อนมีทั้งสิ้นสิบสี่ลูก
ภูเขาเป่าลู่ ยอดเขาไฉ่อวิ๋น ภูเขาเซียนฉ่าว ภูเขาหลังอ๋าว ภูเขา เจินจู ภูเขาหนิวเจี่ยว ภูเขาหวงหู
ภูเขาฮุยเหมิง ภูเขาจูซา ยอดเขาเว่ยเสีย แท่นบูชากระบี่ ภูเขา
เซียงฮว่อ ยอดเขาหย่วนมู่ เนินจ้าวตู๋
ทุกวันนี้หากรวมเนินฝูเหยาและภูเขาเที่ยวอวี๋เข้าไปด้วยก็จะมี มากถึงสิบหกลูกแล้วทว่ากลุ่มภูเขาทางทิศตะวันตกของถ้าสวรรค์หลี จูกลับมีภูเขาอยู่แค่หกสิบสองลูกเท่านั้น สานักกระบี่หลงเฉวียนอยู่ใน มือของหลิวเสี้ยนหยาง ก่อนหน้านี้ไม่นานก็ได้ย้ายเอาภูเขาเจ็ดลูกที่ แต่ละลูกต่างก็กินอาณาเขตไม่เล็กไปด้วย เมื่อคิดกันตามนี้ แม้ว่าใน เรื่องของจานวน ภูเขาลั่วพั่วจะไม่ถือว่าได้ครอบครองภูเขาถึง ครึ่งหนึ่ง แต่หากพูดกันถึงอาณาเขตใหญ่เล็กเนื้อที่โดยรวมก็ถือว่า ใกล้เคียงมากแล้ว
เจิ้งต้าเฟิงยิ้มเอ่ย “หลังจากกลับมาถึงภูเขาลั่วพั่ว โจวอันดับหนึ่ง ก็แอบวิ่งวุ่นตรากตราอย่างลับๆ อยู่ตลอด ต้องการจะซื้อภูเขาอีก หลายลูกมาเพิ่มให้กับภูเขาลั่วพั่ว ทุกวันนี้ฝ่ ายที่ยังอิดออดอยู่ก็มี ยอดเขาเซียนตูที่ว่ากันว่าปิ ดปากแน่นสนิทอย่างมาก กองก าลัง ตระกูลเซียนต่างถิ่นอีกสิบสองแห่ง ดูเหมือนว่าโจวอันดับหนึ่งจะเคย ไปเจอมาหมดแล้ว กระบี่บินส่งข่าวที่ติดต่อกับบนภูเขาก็ถูกโจว อันดับหนึ่งแอบดักเก็บมาอ่านเนื้อหาลับที่ซ่อนอยู่แล้วค่อย “ปล่อยให้
เดินทางต่อ” ดังนั้นหลายวันมานี้โจวอันดับหนึ่งจึงค่อนข้างจะอารมณ์ อ่อนไหว บางครั้งก็ทอดถอนใจ บางครั้งก็ยิ้มกว้างสดใส ดูท่าพอเสี่ยว โม่มาอยู่บนภูเขา โจวอันดับหนึ่งจะรู ้สึกกดดันไม่น้อยเลย”
กล่าวมาถึงตรงนี้ เจิ้งต้าเฟิงก็หัวเราะฮ่าๆ อย่างอดไม่ไหว “คน เจ้าชู้มากรักหลายใจกลัวที่สุดว่าจะถูกกรรมตามสนอง เจอคนได้ใหม่
แล้วลืมเก่านี่แหละ”
เฉินผิงอันลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนเอ่ยว่า “เดี๋ยวต้องบอกกับเจียง ซ่างเจินหน่อยว่าตอนนี้อย่าเพิ่งซื้อภูเขาเพิ่มเลย”
เจิ้งต้าเฟิงถาม “พยายามจะไม่ให้จานวนของภูเขาเกินครึ่งหรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้า “เว้นที่ว่างไว้สักหน่อย รอให้สถานการณ์ ชัดเจนก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เจิ้งต้าเฟิ งอืมรับ “ทาแบบนี้จะค่อนข้างมั่นคงกว่า ใจร ้อนก็กิน เต้าหู้ร ้อนไม่ได้”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!