เฉินผิงอันยืนอยู่ที่เดิม
เด็กกาพร ้าคนหนึ่งจากตรอกหนีผิง เติบโตมาด้วยข้าวที่เพื่อน บ้านใกล้เคียงมอบให้สุดท้ายเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ ทุกความหวานความ ขมมีเพียงเขาที่รู ้รู ้ว่าตลอดทางที่เดินผ่านมานี้ไม่ง่ายถึงเพียงใด
อาณาเขตของจวนแห่งนี้กว้างใหญ่มาก ไม่เสียแรงที่เป็ นจวนเก่า ของอัครเสนาบดีราชวงศ์ก่อน ต้นไม้สูงใหญ่ให้ร่มเงาครึ้ม แสงอาทิตย์สาดส่องแรงกล้า ทั่วพื้นกระจายไปด้วยเศษแสงสีทอง ประหนึ่งลายปักบุปผาด้วยด้ายสีทองดอกแล้วดอกเล่าชูช่อเกาะกลุ่ม กันอยู่บนพื้นอิฐเขียวที่ปูติดกันแนบแน่นไร ้รอยแยก การปูอิฐแบบนี้ กลับไม่ทาให้พื้นนูนขึ้นมาเห็นได้ชัดว่าฝีมือของช่างไม่เลวเลย ที่นี่ คือสถานที่สาหรับเรียนหนังสือของหม่าเหยียนผู้เป็ นประมุขของ ตระกูล ใช ้วิธีสร ้างอาคารตามแบบแผนโบราณ หน้ากว้างเจ็ดห้อง ลึกแปดช่วงคาน คงเป็ นเพราะเมื่อยุ้งฉางอุดมสมบูรณ์ ข้าวปลา เพียงพอ ผู้คนย่อมรู ้จักจารีตมารยาทห้องหนังสือใหญ่ถึงขั้นที่ทาให้ คนเดาะลิ้นเช่นนี้กองเต็มไว้ด้วยตาราล้าค่าที่หลังจากซื้อมาแล้วก็ไม่ เคยได้เปิดอ่าน ลาพังแค่พิณโบราณที่มีมูลค่าควรเมืองก็มีอยู่หลาย คัน และยังมีภูเขาหยก เรือหอเรือนสีทองอร่ามที่สูงครึ่งตัวคนอีก หลายลา พวกขุนนางชนชั้นสูงที่มาดื่มชาดื่มเหล้าที่เมืองหลวงแห่งนี้
ต่างก็พูดจากันอย่างสุภาพไพเราะ งามสง่าดั่งผู้มีอารยธรรมรุ่งเรือง และหากพวกเขาเผยสีหน้าตะลึงตาพร่าจิตใจหวั่นไหวอีกสักเล็กน้อย ก็จะสามารถทาให้เจ้าของสถานที่รู ้สึกว่าตัวเองคือบัณฑิตจริงแท้ แน่นอนได้แล้ว อันที่จริงหม่าเหยียนอยากจะปูกระเบื้องแก้วใสสีเขียว มรกตไว้บนหลังคาให้เหมือนวัดวาอารามมาโดยตลอด มองแล้ว งดงาม แต่ภรรยาห้ามเอาไว้ บอกว่าการกระทาเช่นนี้เรียกว่าล้าเส้น ฮ่องเต้ไม่ได้หูหนวกตาบอดเสียหน่อย ไม่ควรจะท าอะไรเอิกเกริก ใหญ่โตที่ง่ายจะทาให้คนอิจฉาตาร ้อนประเภทนี้ เมื่อไหร่ที่ในศาล บรรพชนแขวนกรอบป้ ายของจิ้นซื่อไว้จนเต็ม นั่นต่างหากถึงจะเป็ น ตระกูลปัญญาชนได้อย่างแท้จริง วันใดลูกชายคนโตกลับมาบ้าน ได้ เห็นแล้วถึงจะดีใจ หม่าเหยียนรู ้สึกว่ามีเหตุผล ดังนั้นเมื่อหลายปีก่อน ถึงได้ให้ลูกชายคนรองอย่างหม่าเหยียนซานเข้าร่วมการสอบเคอจวี่ แล้วก็สอบติดเป็ นทั่นฮวาได้จริงๆ เป็ นครั้งที่มีหน้ามีตาอย่างมากหาก ปีนี้หม่าเช่อสอบติดอันดับหนึ่งเป็ นจ้วงหยวนได้ ตระกูลก็จะมีภาพ บรรยากาศที่ได้สืบทอดบรรดาศักดิ์กันรุ่นสู่รุ่นอย่างที่กล่าวถึงใน ต าราแล้วไม่ใช่หรือ?
สตรีที่กินดีอยู่ดี ต่อให้จะอายุเกือบเจ็ดสิบปีแล้วก็ยังดูแลตัวเองได้ อย่างดีเหมือนสตรีอายุสี่สิบกว่าๆ เท่านั้น ไม่เสียแรงที่คอยแวะเวียน ไปเยี่ยมเยือนคลุกคลีอยู่กับกลุ่มฮูหยินเก้ามิ่งตลอดทั้งปี เห็นได้ชัดว่า นางสงบเยือกเย็นได้มากกว่าบุรุษที่อยู่ข้างกายตัวเอง นางยังเค้น รอยยิ้มส่งไปให้ แสร ้งทาเป็ นตีสนิทอย่างไร ้ซึ่งความจริงใจ บนข้อมือ
ที่ยังถือว่าขาวนวลของฉินเจิงยังสวมกาไลมรกตสีเขียวปลั่งราวกับจะ เค้นน้าได้วงหนึ่ง นางยื่นมือออกมานวดคลึงหางตาที่เต็มไปด้วยรอย ตีนกาคล้ายอยากจะเค้นเอาน้าตาแห่งความขมขื่นออกมาให้ได้ “เฉิน ผิงอัน? คือลูกชายของช่างเฉินแห่งตรอกหนีผิงกระมัง? ปี นั้นเฉิน เฉวียนคือช่างเผาเครื่องกระเบื้องที่ฝีมือดีเลิศของบ้านเกิดพวกเรา อายุยังน้อยก็มีฝีมือยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้นแล้ว ปีนั้นหากไม่เป็ นเพราะ เขาไม่เคยหวงวิชาเก็บงาฝี มือ อบรมสั่งสอนลูกศิษย์ที่ดีกลุ่มหนึ่ง ออกมา เตาเผาจินเอ๋อของพวกเราก็ไม่รู ้ว่าควรจะทาอย่างไรจริงๆ นั่น คือเสาคานส าคัญของเตาเผามังกรพวกเราเชียวนะ ข้าจ าได้ว่าตอน นั้นช่างในเตาเผาต่างก็พูดกันว่ามีแค่ช่างเหยาของเตาเป่าซีเท่านั้นที่ กล้าพูดว่าตัวเองเผาเครื่องกระเบื้องได้ออกมาดีกว่าเฉินเฉวียน เล็กน้อย ใต้เท้าหลินของจวนผู้ตรวจการงานเตาเผาเป็ นคนที่สายตา สูงส่งถึงเพียงใด แต่กลับยินดีไปกินข้าวดื่มเหล้าอยู่กับเฉินเฉวียน บ่อยๆ พูดคุยกันอย่างถูกคอ ช่างผู้เฒ่าของเตาเผากี่มากน้อยที่อิจฉา กันแทบแย่ เฉินเฉวียนเป็ นคนดีถึงเพียงนั้น อยู่ๆ ก็ตายไปได้อย่างไร กันนะสวรรค์ไม่ลืมตา คนดีไม่ได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทน ลาบากเจ้าแล้ว ใช่แล้วๆ หากข้าจ าไม่ผิดล่ะก็ปีนั้นยังเป็ นแม่สามีของข้าที่ช่วยไปทา คลอดให้ที่ตรอกหนีผิง ถึงได้มีเจ้า โชคดีที่แม่ลูกปลอดภัย ทุกวันนี้ เจ้ามีอนาคตก้าวหน้าแล้ว ได้ดิบได้ดีอย่างใหญ่หลวงแล้ว ดีกว่าขู่ เสวียนของพวกเราด้วย เชื่อว่าเฉินเฉวียนกับเฉิน…”
จุดประสงค์ของฉินเจิงชัดเจนอย่างมาก ถ่วงเวลาได้มากเท่าไรก็ เท่านั้น เจ้าคนชั้นต่าแห่งตรอกหนีผิงที่เหยียบโชคดีขี้หมาจู่ๆ จึง ร่ารวยสูงศักดิ์ขึ้นมาผู้นี้ มาเยือนที่นี่เร็วเกินไปด้านหน้าของจวนก็ เลี้ยงแต่พวกเศษสวะเหมือนเนื้อหมาที่ไม่อาจยกขึ้นเป็ นอาหารในงาน เลี้ยงได้ ถึงกับปล่อยให้เขามาถึงเรือนด้านหลัง โชคดีที่เมื่อครู่นี้หม่า เหยียนได้ส่งจดหมายลับหลายฉบับออกไปแล้ว ทั้งมอบให้กับราชครู ของราชสานักอวี้เซวียน แล้วก็มอบให้กับศาลเทพอภิบาลเมืองของ เมืองหลวง ก่อนหน้าที่จะเป็ นเช่นนั้น ยิ่งจานวนคนที่เฉินผิงอันสังหาร ไปมีมากเท่าไร เจ้าคนที่สมควรตายแต่ดันไม่ตายไปด้วยเงื้อมมือของ เผ่าปี ศาจแห่งเปลี่ยวร ้างให้รู ้แล้วรู ้รอดผู้นี้ วันนี้ก็จะยิ่งเป็ นฝ่ ายไร ้ เหตุผลมากเท่านั้น
ความร่ารวยของสายตระกูลหม่าตรอกซิ่งฮวาได้มาก็เพราะอาศัย เตาเผาจินเอ๋อแห่งนั้น และช่างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อันดับหนึ่งของเตาเผา จินเอ๋อก็คือเฉินเฉวียนแห่งตรอกหนีผิง
แล้วก็เพราะเฉินเฉวียนเป็ นคนดูแลพวกลูกศิษย์ของเตาเผาที่ ฝีมือยอดเยี่ยมพวกนั้นถึงได้ทาให้เตาจินเอ๋อที่เดิมทีระดับรายชื่ออยู่ รั้งท้าย ควันธูปในเตาแทบจะขาดสะบั้นเริ่มค่อยๆ กลับมาฟื้นตัวได้อีก ครั้ง
พริบตานั้นเงาร่างชุดเขียวก็มาอยู่ตรงหน้าสตรีที่ชื่อว่าฉินเจิงผู้นี้ ทั้งไม่ได้ให้ความเคารพผู้อาวุโส แล้วก็ไม่ได้เห็นแก่มิตรภาพของคน
ร่วมบ้านเกิด ยิ่งไม่ได้มีความคิดที่ว่าผู้ชายไม่ควรท าร ้ายผู้หญิง ยก มือมีดฟันฉับลงไปที่ลาคอของฉินเจิงทันที
แรงไม่มาก ฟาดให้สตรีผู้เป็ นประมุขหญิงสกุลหม่าเหมือนถูก กรอกเหล้าเผามีดฤทธิ์ร ้อนแรงเข้าปาก แสบร ้อนจนใบหน้าของนาง แดงก่า ใบหน้าของฉินเจิงนองไปด้วยน้าตา ยื่นมือมากุมล าคอ ร ้อง อืออา ไม่รู ้ว่านางด่าหรือร ้องทุกข์ เจ็บจนน้ามูกของนางไหลย้อย ออกมาด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าเจ้าคนที่มีชาติกาเนิดจากเด็กบ้านนอก ขาเปื้อนโคลนตรอกหนีผิงผู้นี้หากคิดจะฆ่าคนจริงๆ ล าคอของนาง จะต้องหักทันที สามารถให้หัวของนางย้ายบ้านได้เลย
เฉินผิงอันยิ้มบางๆ “ไม่ได้จะมาราลึกความหลังกับเจ้าเสียหน่อย”
หม่าเหยียนที่เหงื่อเปียกโชกเต็มแผ่นหลังอยู่นานแล้วไม่กล้ายก มือขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก เอ่ยเสียงสั่นว่า “เฉินผิงอัน มีอะไรก็ พูดคุยกันดีๆ ล้วนเป็ นความเข้าใจผิดกันทั้งนั้นเจ้าอย่าได้เชื่อข่าวลือ พวกนั้นเด็ดขาดเชียว”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “เข้าใจผิดก็เข้าใจผิดสิ ไม่ใช่เรื่องใหญ่สัก หน่อย”
หม่าเหยียนสะอึกอึ้งไปทันใด
หญิงสาวคนหนึ่งที่ใบหน้ามีความคล้ายคลึงกับฉินเจิงเจ็ดแปด ส่วนถือกระบี่เร่งรุดมาถึง ด้านหลังของนางยังมีสาวใช ้ชุดเขียวที่ ท่วงท่าองอาจผึ่งผายตามมาด้วยอีกกลุ่มหนึ่งพวกนางต่างก็สะพาย
กระบี่ ฝักกระบี่สีขาวหิมะ พู่ห้อยกระบี่เป็ นสีเหลืองทอง ทุกครั้งที่พวก นางเผยกายในเมืองหลวงแคว้นอวี้เซวียนจะต้องควบม้าติดตามหม่า เยว่เหมยอยู่เสมอ ไม่ว่าจะไปยั่วสันต์นอกเมืองก็ดี หรือท่องเที่ยว ขุนเขาสายน้าก็ช่าง ล้วนเป็ นทัศนียภาพที่งดงามน่ามอง
เห็นท่าทางน่าสงสารของมารดา หม่าเยว่เหมยที่เร่งรุดมาเพราะ ได้ยินข่าวก็ตวาดกร ้าวว่า “เจ้าโจรชั่วช่างบังอาจยิ่งนัก ถึงกับกล้ามา ท้าทายถึงที่นี่! ออกกระบี่รับศัตรู!”
กลุ่มหญิงสาวที่โฉมหน้างดงามดั่งบุปผาดั่งจันทร ์กระจ่างพากัน ออกกระบี่ กระบี่ยาวออกจากฝักดังเครั้ง ส่งเสียงอื้ออึง พลังอานาจไม่ อ่อนด้อย กระบี่ยาวหลายเล่มในนั้นพอพุ่งทะยานออกมากลางอากาศ ก็พ่นเอาแสงกระบี่ยาวชุ่นกว่าตามมาด้วย
พวกนางอยู่ในตระกูลหม่าได้รับใบบุญจากหม่าเยว่เหมย ฐานะจึง โดดเด่นกว่าใคร อายุน้อยๆ ก็ถูกยอดฝีมือสกุลหม่าเลือกตัวให้มา ฝึกวรยุทธแล้ว สาวใช ้ที่เป็ น “ข้ารับใช ้ถือกระบี่กลุ่มนี้ เวลาสิบกว่าปี ที่ผ่านมาต่างก็มานะตั้งใจฝึกกระบี่ ทั้งมีอาจารย์ผู้รู ้แจ้งคอยช่วยชี้แนะ ช่วยสอนหมัดและมอบตารากระบี่ให้ ทั้งยังไม่ขาดอาหารเป็ นยาของ ตระกูลเซียนในการบารุงร่างกาย เวลานี้พวกนางจึงใช ้ลมปราณ ควบคุมกระบี่ซึ่งมีกระบวนท่าลวดลายฉูดฉาดแน่นอนว่าต้องงดงาม น่ามอง มีมาดของเซียนกระบี่บนภูเขาอยู่หลายส่วน
กระบี่ยาวสิบกว่าเล่มพากันจ้วงแทงไปยังชุดกว้าตัวยาวสีเขียว ผลคือเสียงปังดังลั่นก็ต้องเปลี่ยนทิศทางไปกลางคัน ประหนึ่งก้อนดิน
ขว้างใส่ก าแพง หันไปปักอยู่บนก าแพงและเสาคานของห้องหนังสือที่ อยู่ด้านหลังหม่าเหยียนแทน
สาวใช ้ที่สายตามองสูงไม่เห็นหัวใครล้วนหน้าซีดเผือด
กระบี่ที่พวกนางพกติดตัวเป็ นกระบี่ยันต์ที่เซียนซือบนภูเขา หลอมขึ้นมาอย่างตั้งใจ ในมือได้ครอบครองอาวุธตระกูลเซียนที่มีแต่ ราคาทว่าหาซื้อไม่ได้ประเภทนี้ ก าจัดปี ศาจปราบมารก็เป็ นเรื่อง ง่ายดายอย่างยิ่ง
หม่าเยว่เหมยกัดริมฝีปาก จ้องเขม็งไปยังมือกระบี่ชุดเขียวที่ยืน นิ่งไม่ขยับ เงียบคิดไปพักหนึ่ง นางจึงเปิดปากถามด้วยสีหน้าซับซ ้อน ว่า “เจ้าก็คือเฉินผิงอันแห่งภูเขาลั่วพั่วอย่างนันรี?!”
เมื่อครู่นี้ได้ยินสาวใช ้คนสนิทมารายงานข่าว หม่าเยว่เหมยก็รู ้สึก เหมือนจมสู่ดงเมฆหมอก มึนงงสับสนไปหมด คือเซียนกระบี่แห่ง ภูเขาลั่วพั่วที่เรื่องเล่าเต็มไปด้วยสีสันตระการตาน่าประหลาดใจผู้นั้น จริงๆ หรือ? ไม่ได้มีความแค้นใดๆ ต่อกัน แล้วเฉินผิงอันจะมาท าอะไร ที่เมืองหลวงแคว้นอวี้เซวียน ทาไมเขาต้องมาก่อเรื่องที่บ้านของนาง ทั้งยังลงมืออย่างไร ้เหตุผลเช่นนี้ ได้ยินมาว่าพวกผู้ฝึกยุทธเต็มตัวและ ผู้ฝึกตนถวายงานที่คุ้มกันจวน แต่ละคนมีจุดจบอเนจอนาถแทบไม่ อาจทนมองได้ หรือว่าเจ้าขุนเขาเฉินที่มาจากตรอกหนีผิงมี ความแค้นเก่านานปีกับคนในตระกูลของตนซึ่งไม่มีใครล่วงรู ้? ดังนั้น หลายปีที่ผ่านมานี้ เจ้าคนเอ้อระเหยลอยชายอย่างหม่าเหยียนซานถึง
ได้เอ่ยสัพยอกว่าจวนของพวกเขาคือเต่าที่หดหัวอยู่ในกระดองตัว หนึ่ง?
เมื่อรู ้ว่ามือกระบี่ชุดเขียวคือ…เฉินผิงอันแห่งภูเขาลั่วพั่ว สาวใช ้ที่ ฝึกกระบี่ทั้งหลายก็หันมามองหน้ากันเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความ เหลือเชื่อ ล้วนไม่กล้าเชื่อ



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!