เข้าสู่ระบบผ่าน

กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 1088

เฉินผิงอันกางนิ้วทั้งห้าออก กดลงไปบนท้ายทอยของอีกฝ่าย ยิ้ม บางๆ เอ่ยว่า “บอกว่าพวกเจ้าคือคนมหัศจรรย์ เจ้าก็เชื่อจริงๆ หรือ นี่?”

ผีบัณฑิตพยายามเปิดปากเอ่ย “ไม่ทราบว่าซ่างเซียนมีนามว่า อะไร?”

เฉินผิงอันหยิบแท่นฝนหมึกขนาดใหญ่หนักอึ้งที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา ทุบลงไปบนท้ายทอยของอีกฝ่ ายหนักๆ แท่นฝนหมึกแหลกสลาย กลายเป็ นผุยผง ผีเซียนดินที่โดนทุบก็รู ้สึกว่ามีดาวสีทองหมุนติ้วอยู่ ตรงหน้า รู ้สึกเพียงว่าน้าในสมองแทบจะถูกนักฆ่าผู้นี้รีดออกมาแล้ว

ผีบัณฑิตที่จิตวิญญาณเกือบจะแหลกสลายได้แต่ขอร ้องวิงวอน ว่า “ซ่างเซียนโปรดอภัยให้ด้วย”

เฉินผิงอันถาม “สามีภรรยาสกุลหม่าผู้นี้ หลายปีมานี้อาศัยวิธีรื้อ ก าแพงตะวันออกมาเสริมกาแพงตะวันตกเพื่อสะสมบุญกุศล เป็ นเจ้า ที่สอนพวกเขาสินะ? ช่วยให้พวกเขาหล่อหลอมใบไหวเป็ นวัตถุแห่ง ชะตาชีวิต อาศัยสิ่งนี้มาทาให้ได้รับการปกป้ องจากบรรพบุรุษ เพื่อที่จะได้เล่นตุกติกกับสมุดคุณูปการของศาลเทพอภิบาลเมือง นี่ก็ เป็ นฝีมือของเจ้าเหมือนกันหรือ? สูงสว่าง (เป็ นการแปลตรงตัว อีก ความหมายจะหมายถึงฉลาด) มากเลยนะ ไม่เลว ไม่เลว”

ผีบัณฑิตตะลึงพรึงเพริดอย่างหนัก

เฉินผิงอันหันหน้าไปอีกทาง หัวเราะเสียงเย็น “คิดหนีรึ?”

ร่มกระดาษน้ามันพุ่งออกไปราวกระบี่บิน ลอดทะลุระเบียงไป พร ้อมกับลาแสง ตรงดิ่งไปยังเทพเซียนผู้เฒ่าขอบเขตก่อกาเนิดที่ แอบร่ายวิชามองขุนเขาสายน้าผ่านฝ่ ามือลอบมองเหตุการณ์อยู่ ตลอด แทงทะลุหัวใจของอีกฝ่าย พาร่างเขาไปปักตรึงอยู่บนก าแพง

ผู้ฝึกตนขอบเขตก่อกาเนิดที่มีรูปโฉมเป็ นหญิงชราก็คือคนรู ้ใจ ของประมุขหญิงฉินเจิงหลายปีมานี้ดูแลสาวใช ้นักการของเรือนหลัง สกุลหม่ามาโดยตลอด วันนี้เห็นท่าไม่ดีก็คิดจะเผ่นหนีเพื่อความ ปลอดภัยเอาไว้ก่อน

เพียงแต่เพราะภาพเหตุการณ์ในลานบ้านเต็มไปด้วยเมฆหมอ กบดบัง ตราผนึกเข้มข้น หญิงชราถึงกับมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ภายในแม้แต่น้อย นี่ทาให้นางตกตะลึงขวัญผวาคงไม่ใช่ว่าเป็ น…ห้า ขอบเขตบนหรอกนะ?!

เพียงแต่นางเพิ่งจะร่ายเวทหดย่อพื้นที่ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ ายจะรอ เวลานี้อยู่แล้ว ร่มกระดาษน้ามันที่ทามาจากวัสดุธรรมดากลับเหมือน กระบี่ยาวที่แทงทะลุหน้าอกของนางในเสี้ยววินาที แรงกระแทก มหาศาลท าให้นางไถลกรูดออกไป หลังกระแทกเข้ากับก าแพงความ เจ็บปวดที่ราวกับถูกกระชากหัวใจนั้นทาให้หญิงชราร ้องโหยหวน เหมือนคนเสียสติสองมือของนางจะดึงเอาร่มกระดาษน้ามันที่ปักตรึง

ตรงหน้าอกออก เพียงแต่ว่านิ้วมือเพิ่งจะสัมผัสโดนตัวร่มนางก็ต้อง เจอกับความเจ็บปวดอีกชนิดหนึ่งที่ราวกับหัวใจถูกคว้าน ศีรษะของ หญิงชรากระแทกไปด้านหลังอย่างแรง ที่แท้ปราณกระบี่ที่อยู่ในร่ม กระดาษน้ามันคันนั้นก็พลันเพิ่มขึ้นพรวดพราด เปลวเพลิงสีทอง หลายเส้นแผ่ลามไปบนฝ่ ามือ แขนและลามไปทั่วร่างของหญิงชรา ด้วยความเร็วราวกับฟ้ าผ่าไม่ทันป้ องหู ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น เปลว เพลิงที่เหมือนสายน้าไหลพวกนั้น ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ทาร ้าย เนื้อหนังเส้นเอ็นและกระดูกแม้เพียงน้อย พวกมันยังค่อยๆ แทรกซึม เข้าไปในจิตวิญญาณของหญิงชรา นี่คือคาถาอัคคีที่บรรลุถึงแก่น แท้อันยอดเยี่ยมสุดขีด คิดไม่ถึงเลยว่าบนโลกจะมีวิชาเปลวเพลิงที่ เผด็จการได้ถึงขนาดนี้ เป็ นเหตุให้ภูเขาสายน้าของฟ้ าดินร่างกาย มนุษย์ของหญิงชราประหนึ่งเจอกับฝนเปลวไฟที่ตกลงมา

การลงทัณฑ์โดยเปลวเพลิง

พูดถึงแค่ทะเลสาบหัวใจของผู้ฝึกตนขอบเขตก่อก าเนิดก็เหมือน ถูกพระเพลิงโหมต้มจนเดือดพล่าน ไอน้าลอยอบอวล ทะเลสาบหัวใจ ของผู้ฝึกตนกลายมาเป็ นหม้อน้ามันเดือดหม้อหนึ่ง

เฉินผิงอันคลายนิ้วออก ยืดตัวขึ้นตรง ขยับเท้าไปหาหญิงชราที่ มีความเป็ นไปได้มากว่าจะเป็ นผู้บงการหลักของสกุลหม่า

ผีบัณฑิตนอนคว่าอยู่บนโต๊ะ รออยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าซ่างเซียน จะไปที่อื่นแล้วจริงๆ เขาที่เป็ นผู้ฝึกตนอิสระแห่งป่ าเขาเคยชินกับวิถี แห่งคากล่าวที่ว่าสหายตายผินเต้าไม่ตายมานานแล้ว สถานที่แห่งนี้

ไม่เหมาะจะให้อยู่นาน ต้องรีบจากไปโดยเร็วที่สุด เขาจึงรีบลุกขึ้นนั่ง เพียงแต่ว่าเขาก็ต้องรู ้สึกอยากร ้องไห้แต่ไร ้น้าตาขึ้นมาทันใด รู ้สึก เหมือนบิดาเสีย พูดเสียงสั่นว่า “แดนสายฟ้ าของภูเขามังกรพยัคฆ์!”

ที่แท้ซ่างเซียนผู้นั้นก็ทิ้งค่ายกลแดนสายฟ้ าเอาไว้!

พริบตานั้นผีโอสถทองตนนี้ก็รู ้สึกเหมือนตัวเองได้ไปเยือนแท่น ลงทัณฑ์บรรพกาลแห่งหนึ่ง ฟ้ าดินกว้างใหญ่ไพศาลมองไปมีแต่ ความว่างเปล่าสุดลูกหูลูกตา

นาทีถัดมาสายฟ้ าก็ร ้องคารามเลือนลั่น จุดที่ห่างไปไกลมากมี สายฟ้ าด าสนิทเหมือนหมึกเส้นหนึ่งฉีกกระชากม่านฟ้ าสีขาวหิมะ ออกจากกัน จากนั้นสายฟ้ าหลายสิบหลายร ้อยเส้นก็พากันพุ่ง ออกมา ตามมาติดๆ ด้วยฝ่ ามือสีทองที่ใหญ่ราวขุนเขาประหนึ่งประตู ที่เปิดอ้า หลังจากแหวก “ประตูห้องบานหนึ่ง” ออกบนดินแดนของ ความว่างเปล่าไร ้ที่สิ้นสุดแห่งนี้แล้วก็ค่อยๆ เผยให้เห็นรูปลักษณ์ ทั้งหมด คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรือนกายใหญ่โตมโหฬารในมือถือแล้เหล็ก สวมเสื้อเกราะสีทองเดินก้าวออกมา ทั่วร่างสีทองล้อมวนไปด้วย สายฟ้ าแลบห้าสี ทุกก้าวที่เยื้องย่าง แผ่นดินจะต้องสะเทือนเลือนลั่น ตามไม่หยุด ศีรษะของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขยับเข้าใกล้แท่นลงทัณฑ์นั้นช ้าๆ หลุบตาลงต่ามองผีตัวเล็กจ้อยเหมือนมดที่นอนกองอยู่กับพื้น

ดวงตาสีทองเย็นชาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประหนึ่งดวงตะวันสีทอง อร่ามสองดวงที่ลอยอยู่กลางอากาศ ส าหรับผีในโลกมนุษย์แล้ว ยังจะ มีภาพเหตุการณ์ไหนที่น่าหวาดกลัวไปยิ่งกว่านี้ได้อีก?

หยินหยางคือผู้สร ้าง บนสวรรค์ชั้นฟ้ าสูงมีทวยเทพ

หรือว่านี่ก็คือคาว่า “สูงสว่าง” อย่างที่ซ่างเซียนท่านนั้นพูดถึง?

เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ ยืนอยู่ในห้องแห่งหนึ่งที่ มืดทึบ มองหญิงชราที่ถูกร่มกระดาษน้ามันปักตรึงไว้บนกาแพง

“เวทบังคับกระบี่” บทนี้เขาเรียนรู ้มาจากเผยหมินแห่งเวทกระบี่

ต้องฝึกบ่อยๆ จะได้เกิดเป็ นความช านาญ วันหน้าจะได้มอบเป็ น ของขวัญตอบแทนกลับคืนแก่เผยหมิน

เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ตอนนี้ยังตายไม่ได้หรอก ไม่เสียแรงที่เป็ นเทพ เซียนผู้เฒ่าก่อก าเนิดดูจากท่าทางแล้วน่าจะยังทนได้อีกสักพัก ถ้า อย่างนั้นอีกเดี๋ยวพวกเราค่อยมาคุยกัน ข้าต้องไปพบปรมาจารย์ผู้ เฒ่าเสิ่นเสียหน่อย”

หญิงชราที่จิตวิญญาณเหมือนถูกแล่เนื้อเถือหนังเป็ นพันเป็ น หมื่นมีดพูดเสียงสะอื้น “ไว้ชีวิตข้าเถอะ ไว้ชีวิตข้าเถอะ”

เฉินผิงอันกล่าว “นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเอง เป็ นแค่อาหารเรียกน้าย่อย เท่านั้น อาหารจานหลักยังรออยู่นะ”

ไม่รอให้หญิงชราพูดอะไร เฉินผิงอันก็หวนกลับไปที่ลานบ้านอีก ครั้ง

เงาร่างปราดเปรียวของคนผู้หนึ่งไต่ผนังปืนกาแพงได้เหมือนเดิน บนพื้นที่ราบเรียบสุดท้ายมาหยุดยืนอยู่บนก าแพง เรือนร่างของผู้

เฒ่ายึดตรงผึ่งผาย สองตาฉายประกายเจิดจ้า พกดาบยาว ในมือถือ ห่อผ้าทรงยาว พลังอานาจบีบคั้นผู้คน

ตรงจุดไท่หยางของผู้เฒ่ามีเส้นเลื้อยขยุกขยิกเหมือนงูที่โอบ ล้อมขุนเขา นี่ก็เป็ นเพราะจิตวิญญาณของผู้ฝึ กยุทธอุดมสมบูรณ์ พลังลมปราณเปี่ยมล้นจนถึงขั้นแผ่ออกมาข้างนอกแล้ว คือลางที่ว่า ก าลังจะฝ่าทะลุขอบเขตได้แล้ว

ปรมาจารย์วิถีวรยุทธ ขอแค่เลื่อนเป็ นเดินทางไกลก็จะห่างจาก ขอบเขตยอดเขาอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ต่อให้ได้นั่งครองบัลลังก ์เป็ น จักรพรรดิก็จะไม่ยอมเอามาแลกกับสิ่งนี้

บนมือของเสิ่นเค่อสวมแหวนหยกมันแพะวงหนึ่ง ปรมาจารย์ วิถีวรยุทธที่ปิดบังชื่อแซ่ท่านนี้ นอกจากจะสอนหมัดแล้ว ยังรับหน้าที่ ฝึกเหยี่ยวให้กับลูกหลานสกุลหม่าบางคนโดยเฉพาะอีกด้วย

แหวนที่อยู่บนนิ้วมีค่าแค่ไม่กี่แดง แต่มีความหมายของการเป็ น ของที่ระลึก คือของรักของฮ่องเต้แคว้นเล็กพระองค์หนึ่ง ระหว่างที่ทา สงครามใหญ่ วิถีทางโลกค่อนข้างวุ่นวายเป็ นเสิ่นเค่อที่ไปหักเอามา จากนิ้วของฮ่องเต้พระองค์นั้น ในคืนนั้นเสิ่นเค่อที่เปิดฉากสังหาร อย่างดุเดือดในวังหลวงได้เสพติดการเป็ นฮ่องเต้อย่างเต็มอิ่มแล้ว ทุก วันนี้พอมาลองนึกดูสตรีออกเรือนแล้วพวกนั้นมีรสชาติยอดเยี่ยมนัก เพียงแต่น่าเสียดายที่เรื่องราวงดงามอย่างการได้หลับนอนกับฮองเฮา และเหล่าสนมเหมือนได้ขี่ม้าประเภทนี้ ไม่อาจเอามาพูดคุยกับคนอื่น

เป็ นกับแกล้มแกล้มสุราได้ ได้แต่หวนนึกถึงกับตัวเองระหว่างดื่มเหล้า เป็ นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งนัก

เสิ่นเค่อเอาห่อผ้าทรงยาวที่ไม่รู ้ว่าห่ออาวุธอะไรจิ้มไปที่หัวกาแพง เบาๆ ยิ้มถามว่า “ไอ้ หมอนั่นอยู่ที่ไหน?”

ผลคือปรมาจารย์วิถีวรยุทธท่านนี้สังเกตเห็นว่าบรรยากาศใน ลานบ้านแห่งนี้ผิดปกติ

ใช่แล้ว จากข้อเรียกร ้องของตน สามีภรรยาสกุลหม่าคู่นั้นป่ าว ประกาศต่อภายนอกมาโดยตลอดว่าตนคือผู้ฝึ กยุทธขอบเขตห้า ดังนั้นในสายตาของเด็กหญิงพวกนี้จึงมีน้าหนักไม่มากพอสินะ? ไม่ เป็ นไร หลังจากวันนี้ถามหมัดเสร็จแล้ว ลูกหลานสกุลหม่าทุกคน แม้กระทั่งนังหนูหม่าเยว่เหมยผู้นั้นก็จะได้รู ้ความจริงข้อหนึ่งว่า อันที่ จริงแล้วสกุลหม่าอ าเภอหย่งเจียของพวกเขาจ่ายเงินเพียงเล็กน้อย แต่กลับเชื้อเชิญเทพที่แท้จริงมาได้

เสิ่นเค่อคลางแคลงไม่แน่ใจ ถามเสียงเบาอย่างระมัดระวังว่า “จริง หรือ?”

เฉินผิงอันยิ้มบางๆ “จะคิดเป็ นจริงก็ได้ ไม่คิดเป็ นจริงก็ได้ ตามใจ เจ้า”

เสิ่นเค่อไม่พูดพร่าทาเพลงก็โยนกระบี่ยาวเล่มนั้นทิ้งทันทีเพื่อ แสดงความจริงใจ เขาดีดปลายเท้า เรือนกายทะยานจากไปอย่าง ว่องไว เมื่อผู้เฒ่ากระโดดไปบนหลังคาเหมือนกบกระโดดแตะผิวน้า ออกไปจากจวนหม่าแล้วออกไปจากถนนเส้นนี้ มุ่งหน้าไปยังตลาดที่

คนคึกคักจอแจ แสงแดดสาดส่อง แสงอาทิตย์ฤดูใบไม้ผลิอบอุ่น เมื่อ เขามาอยู่บนถนนทางหลวงที่รถม้าสัญจรกันขวักไขว่ ในที่สุดเสิ่น เค่อก็พรูลมหายใจขุ่นมัวออกมายาวเหยียดไปเดินวนผ่านหน้า ประตูผีมา ขอแค่มีชีวิตรอดได้ก็ดีแล้ว

แต่ดูเหมือนเสิ่นเค่อจะลืมรายละเอียดข้อหนึ่งไป ต่อให้วันนี้จู่ๆ ฝนจะหยุดตก แต่เมืองหลวงแคว้นอวี้เซวียนแห่งนี้ก็น่าจะมีรอยน้าขัง หลงเหลือบ้างถึงจะถูก

ในช่วงเวลาที่เฉินผิงอันออกจากลานบ้านไปแล้วย้อนกลับมาอีก ครั้ง ฉินเจิงกับหม่าเหยียนหันมาสบตากัน ฝ่ ายหลังพยักหน้าบอก เป็ นนัยว่าจัดวางก าลังเรียบร ้อยแล้ว ผีไม่รู ้เทพไม่เห็นอย่างแน่นอน

ส่วนฉินเจิงก็มองไปยังสาวใช ้ชุดเขียวคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ได้ เจตนา

มีผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยใบหน้าอมทุกข์คนหนึ่งหิ้วถังใส่เศษอาหารที่ ยังมีความใหม่เอี่ยมอยู่ ข้าวของเครื่องใช ้ในบ้านคนรวยต้องไม่ เหมือนกับของชาวบ้านธรรมดาอยู่แล้ว ด้านนอกตัวถังฝังเลื่อมไว้ ด้วยทองค าด า ตระกูลหม่ามีเงิน จวนก็ใหญ่โต ผู้เฒ่าเดินผ่านระเบียง ที่ค่อนข้างอยู่ห่างไกลก็เห็นพวกนักการชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ที่ ว่างงานไม่มีอะไรท าเรียกรวมสหายให้มาเล่นไพ่พนันเอาเงินกัน โหวกเหวกเสียงดังว่าไพ่ฟ้ าดินเจอหัวเสือ ยิ่งแต้มใหญ่ก็ยิ่งได้เป็ นขุน นาง (เจอไพ่แต้มใหญ่ ยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งชนะรางวัลใหญ่) แต่ ละคนตะเบ็งเสียงหน้าด าหน้าแดง ผู้เฒ่ายากจนจึงวางถังใส่เศษ

อาหารลง นั่งยองอยู่ด้านหลังพวกเขา ลงเดิมพันตามไปด้วย เขาโยน เงินเหรียญทองแดงหนึ่งกามือออกไป ใช ้ชีวิตแบบเงินขาดมือ หากไม่ มีหญ้าให้กินตอนกลางคืนม้าก็ไม่อ้วน ต้องอาศัยการหาเงินเพิ่มเติม แบบนี้แหละ ผู้เฒ่ามักจะสูบยาสูบเพียงลาพัง ใบยาสูบผสมกับใบ ต้นอวี๋ กลิ่นแรงชวนสาลัก อยู่ในตระกูลแห่งนี้ก็มีเพียงคุณชายรอง หม่าเหยียนซานเท่านั้นที่ไม่วางมาดมากที่สุด มักจะหิ้วเหล้าดีๆ สอง กามาหาผู้เฒ่าแล้วคุยเล่นถึงเรื่องในอดีตของเขา ที่แท้เมื่อก่อนผู้เฒ่า ก็เป็ นคนของแคว้นราชวงศ์จูอิ๋งทางทิศใต้ที่ล่มสลายไปแล้ว เคยร ้อง งิ้ว แล้วยังร ้องเป็ นตัวละครหญิงในห้องหออีกด้วย มักจะชอบพูดว่า ตอนที่ตัวเองยังหนุ่ม ไม่ว่าจะเป็ นท่าทางการเคลื่อนไหวการแต่งตัว หรือทักษะการร ้องก็ล้วนยอดเยี่ยม ชอบใช ้ผงสีชมพูมาวาดคิ้วทา ใบหน้า แล้วยังเพิ่มบทร ้องด้วยตัวเองได้อีกด้วย มีความสัมพันธ ์อันดี กับพวกขันทีของหน่วยเชิงผิง (หน่วยที่ดูแลด้านศิลปะการแสดง ความบันเทิงในวังหลวง) ในวัง เพียงแต่ว่าเสียงของเขาแตกไปแล้วฝึก ร ้องงิ้วอยู่ใต้กาแพงในวังหลวงของมาตุภูมิเดิมนานสามกว่าปีก็ยังไม่ อาจฟื้นคืนเสียงเดิมกลับมาได้ จึงไม่อาจอยู่ต่อได้อีก ภายหลังยังเคย แสดงการต่อสู้ร่วมกับนักแสดงงิ้วที่มีชื่อเสียงหลายคน ถึงอย่างไรก็มี ชีวิตด้อยกว่าเดิมลงไปทุกปี รอกระทั่งราชวงศ์จูอิ๋งถูกสกุลซ่งต้าหลี กลืนกิน ต้นไม้ย้ายที่ตาย คนย้ายที่รอด คนมีชีวิตจะปล่อยให้ตัวเอง ต้องอัดอั้นจนตายก็ไม่ได้ จึงเดินทางระหกระเหินมาตลอดทาง กระทั่ง เข้ามาอยู่ในตระกูลหม่า มาขอข้าวกินจากที่นี่

ผู้เฒ่าหันหน้ากลับไปช ้าๆ ก็เห็นบุรุษสะพายกระบี่ที่สวมชุดกว้า ตัวยาวสีเขียวคนหนึ่ง “อันที่จริงผู้อาวุโสคือคนเชื่อดาบสินะ? มารอ เก็บเงินค่าหนี้ที่ติดไว้หรือ?”

หัวใจของผู้เฒ่าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง “เจ้าคือ?” เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “แค่การพบเจอกันอย่างผิวเผิน ไยต้องสนใจ ตัวตน”

สีหน้าของผู้เฒ่าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างไม่แน่นอน ถามว่า “ถ้าอย่าง นั้นต่างคนก็ต่างทาธุระของตัวเองไป?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “สกุลหม่าตรอกซิ่งฮวาสามารถเสวยสุข อย่างในทุกวันนี้ได้ ผู้อาวุโสมีคุณความชอบอย่างใหญ่หลวง บัญชี ก้อนนี้ก็ต้องคิดกับเจ้าอย่างละเอียดเหมือนกัน”

ร่างของผู้เฒ่าด าดินหายวับไปไม่เหลือเงา เฉินผิงอันหัวเราะ

รอกระทั่งผู้เฒ่าได้กลับมาเห็นแสงตะวันอีกครั้ง เดิมควรอยู่ใกล้ กับภูเขาเจ๋อเอ่อนอกเมืองหลวงถึงจะถูก แต่ผู้เฒ่ากลับสังเกตเห็นว่า ตัวเองยืนอยู่ในตรอกซิ่งฮวาของ…อาเภอไหวหวง

สตรีคนหนึ่งที่มีดวงตาดอกท้อใบหน้ารูปแตงเพิ่งจะตักน้าจากบ่อ โซ่เหล็กกลับมา ผู้เฒ่าอึ้งงันเป็ นไก่ไม้ มึนๆ งงๆ ไฉนหม่าหลันฮวาถึง ได้ยังสาวแบบนี้ล่ะ?

ห้องครัวของตระกูลหม่า เนื่องจากคนในตระกูลไม่ได้แยกบ้าน ทุกวันนี้คนสี่รุ่นจึงอาศัยอยู่ร่วมกัน แตกกิ่งก้านสาขา อาหารของคน ร ้อยกว่าปากล้วนทามาจากที่นี่

หากไม่เป็ นเพราะศาลบรรพชนมีกฎเข้มงวด หาไม่แล้วหากยัง รวมพวกลูกนอกสมรสที่ไม่มีคุณสมบัติจะเข้ามาอยู่ในท าเนียบตระกูล ของสกุลหม่าทั้งในและนอกเมืองหลวงเข้าไปด้วย คาดว่าจ านวนคนก็ น่าจะเพิ่มมากกว่านี้เป็ นเท่าตัว

แม่ครัวที่เป็ นผู้ควบคุมการปรุงคือสตรีโตเต็มวัยอายุสามสิบกว่าปี แล้ว ทว่าหน้าอกที่สูงตระหง่านกลับไม่มีหย่อนคล้อยแม้แต่น้อย ดังนั้นทุกคนจึงรู ้สึกว่านางคือนังจิ้งจอกที่ชอบยั่วยวนผู้อื่น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!