กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 141

สรุปบท ตอนที่ 141.2: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอน ตอนที่ 141.2 จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 141.2 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ร้อยพิสดาร (ต้น)
โดย
ProjectZyphon
เฉินผิงอันไม่กล้าเดินเตร่มั่วซั่ว จึงตรงไปที่ศาลาพักร้อน เห็นว่าหลินโส่วอีนั่งอยู่ในนั้นอย่างที่คาดไว้ ด้วยไม่กล้าเทพเซียนบนภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของกลุ่มผู้นี้ หลังจากมองอยู่ไกลๆ พักหนึ่งก็เตรียมจะหมุนกายจากไป แต่กลับเห็นว่าหลินโส่วอีลุกขึ้นกวักมือเรียกเขา

เฉินผิงอันจึงเดินเข้าไปในศาลาพักร้อน เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาก่อนจะเข้ามาในโรงเตี๊ยมชิวหลู หลินโส่วอีในเวลานี้เหมือนจะมีบุคลิกรัศมีที่ล่องลอยมากขึ้นกว่าเดิม

หลินโส่วอีเปิดปากพูดด้วยประโยคที่คนทั้งคู่ไม่กระอักกระอ่วน “ชุยตงซานผู้นั้นยืมยันต์แผ่นหนึ่งไปจากข้าแล้วก็ทำลายกฎของโรงเตี๊ยมทันที เขาเดินออกจากศาลาแห่งนี้ กระโดดลงไปในบ่อโบราณนั้นแล้วหายตัวไปเลย”

เฉินผิงอันถามเบาๆ “ชุยตงซานจะเป็นหรือตาย ข้าสนใจไม่ได้ แล้วก็ไม่สนใจด้วย”

หลินโส่วอีหันหน้าไปมองทางบ่อแห่งนั้นแล้วเงียบไปนานกว่าจะพูดว่า “เรื่องนอนพักในโรงเตี๊ยม ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดี แต่เจ้าก็ควรจะปรึกษากับข้าก่อน”

เฉินผิงอันพยักหน้า “วันหน้าข้าจะทำ”

หลินโส่วอีหันหน้ากลับมา มองสังเกตสีหน้าและสายตาของเด็กหนุ่มรองเท้าแตะอย่างระมัดระวัง “แค่นี้เองหรือ?”

เฉินผิงอันถามกลับ “ถ้าไม่อย่างนี้แล้วจะยังไง?”

หลินโส่วอีเอ่ยเยาะตัวเอง “ข้ายังนึกว่าเจ้าจะอธิบายเหตุผลกับข้า หรือไม่ก็ม้วนแขนเสื้อต่อยข้าสักทีแล้วค่อยว่ากัน อันที่จริงข้าเตรียมใจไว้แล้วด้วยว่าหากเจ้าต่อยจะไม่เอาคืน เจ้าด่าจะไม่ด่ากลับ”

เฉินผิงอันส่ายหน้า ไม่พูดอะไร เอนหลังพิงเสาของศาลาพักร้อน มองไปยังบ่อน้ำของที่ตั้งเดิมศาลเทพอภิบาลเมือง แต่เขามองต้นสายปลายเหตุอะไรไม่ออก

หลินโส่วอีมองหน้าเฉินผิงอัน “ข้าขอโทษ”

เฉินผิงอันโบกมือคลี่ยิ้ม นั่งขัดสมาธิเรียบร้อยแล้วจึงจ้องไปยังบ่อน้ำโบราณตาไม่กะพริบ

หลินโส่วอีรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก จากนั้นก็ถามอย่างสงสัยว่า “เจ้ากำลังทำอะไร?”

เด็กหนุ่มรองเท้าแตะตอบจริงจัง “ข้าจะมองเพื่อเอากำไรกลับคืนมา!”

เด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาเย็นชาที่เดินไปบนเส้นทางแห่งการฝึกตนแล้วรีบยกมือขึ้นลูบซีกหน้าตัวเองแรงๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดเสียงหัวเราะออกมา

……

จวนมหาวารี แม่น้ำหันสือ

ชายชุดดำที่นั่งอยู่บนตำแหน่งประธานมองไปยังแขกที่อยู่กันเต็มห้องโถง มีคนลุกขึ้นชูจอกเหล้าคารวะ พูดจาสรรเสริญเยินยออยู่ตลอดเวลา สีหน้าเขาจึงเผยความลำพองใจอย่างเลี่ยงไม่ได้

เมื่อครู่นี้มีนักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงในราชสำนักคนหนึ่งลุกขึ้นดื่มคารวะอีกครั้ง บอกว่าตลอดหลายปีมานี้ฝนตกต้องตามฤดูกาล การเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ล้วนเป็นคุณความชอบของนายท่านผู้เฒ่าเทพวารีอย่างเขา ในคำพูดนั้นบอกเป็นนัยว่าความสุขความทุกข์ของประชาชนในเมืองล้วนไม่เกี่ยวข้องกับผู้พิทักษ์เมืองที่แซ่เว่ยผู้นั้นแม้แต่น้อย ประเด็นสำคัญก็คือคำพูดที่เห็นได้ชัดว่าต้องการเลียแข้งเลียขาอย่างชัดเจนนี้กลับทำให้คนผู้หนึ่งที่สวมชุดขุนนางขั้นสามชั้นโทของแคว้นหวงถิงที่นั่งอยู่ลุกขึ้นดื่มคารวะ เออออตามปัญญาชนผู้นั้นอย่างไม่ลังเล ปากก็เอื้อนเอ่ยด้วยถ้อยคำสวยงามเสนาะหู ในฐานะขุนนางขั้นสามระดับสูง ยกกระบัตรของเขตการปกครองหนึ่ง ถือว่าเป็นคนที่มีตำแหน่งขุนนางสูงที่สุดในงานพิธีเซ่นไหว้ใหญ่ครั้งนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับเขาที่นั่งอยู่สูงในตำแหน่งประธานก็ยังเรียกว่านายท่านเทพวารีไม่ขาดปาก

เมื่อไหร่ที่กลายเป็นองค์เทพผู้เสวยสุขจากควันธูป ชื่อเสียงและตระกูลตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ล้วนเป็นความลับ ส่วนคนที่สามารถเผชิญหน้ากับองค์เทพได้จะยึดกฎเคารพผู้สูงศักดิ์กว่า โดยทั่วไปแล้วจึงต้องระวังข้อนี้ ไม่มีทางเอ่ยชื่อแซ่ตามตรง

คำเรียกขานว่า “นายท่านผู้เฒ่านี้” คือคำเรียกโดยทั่วไปที่ค่อนข้างจะมั่นคง ส่วนข้อที่ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ คนมากมายพูดแตกต่างกันออกไป หนึ่งในนั้นพูดอย่างมาดมั่นเต็มไปด้วยความน่าเชื่อถือ บอกว่าในบรรดาศิษย์ใหญ่สามคนที่ได้รับการสืบทอดโดยตรงจากมรรคาจารย์ มีคนหนึ่งที่ชอบเรียกอาจารย์ผู้มีพระคุณว่านายท่านผู้เฒ่า มรรคาจารย์รับคำเรียกขานนี้ไว้ด้วยความยินดี จึงเผยแพร่สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

ชายสวมชุดดำค่อยๆ ถอนสายตากลับคืนมา สองที่นั่งฝั่งซ้ายขวามีคนรู้ใจของเขาสี่คนนั่งอยู่ คนเหล่านี้ติดตามเขากรีฑาทัพไปทั่วสารทิศ คนที่อยู่มานานหน่อยก็สามร้อยกว่าปี สั้นหน่อยก็ร้อยกว่าปี หนึ่งในนั้นก่อนจะจำแลงร่างเป็นมนุษย์มีร่างเดิมเป็นปลาหลีสีแดงสดตัวหนึ่ง เรียกพี่เรียกน้อง มีความสัมพันธ์สนิทแนบแน่นกับผู้ฝึกตนอิสระที่เป็นภูตปลาปลีตนหนึ่งในแม่น้ำชงตั้นต้าหลี

แต่ว่าตอนนี้ภูตปลาหลีท่านนี้มีภารกิจต้องไปทำ ที่นั่งของเขาจึงว่างเปล่า

ผู้หนึ่งคืองูน้ำที่ฝึกตนจนมีสติปัญญา อาวุธคู่กายคือคทาเหล็ก เป็นของที่เซียนผู้หนึ่งทิ้งไว้ซึ่งเขาได้มาโดยบังเอิญ ทุกครั้งที่เข่นฆ่ากับคนอื่นมักจะชอบใช้คทาเหล็กนี้ฟาดศีรษะของคู่ต่อสู้จนแหลกเละ เขาชอบกินเด็กชายเด็กหญิง เพียงแต่ว่าถูกส่งห้ามจากชายชุดดำ มีเพียงบางครั้งที่จะออกไปหาอาหาร ไม่กล้าทำตัวกำเริบเสิบสานเกินไปนัก

และยังมีอีกคนหนึ่งที่มีชาติกำเนิดจากคางคก พรสวรรค์ดีที่สุด แต่มีนิสัยเกียจคร้าน ขอบเขตจึงต่ำสุด ทว่าด้วยพรสวรรค์ที่โดดเด่น มักจะชอบกลืนกินน้ำในแม่น้ำปริมาณมากจากทางแยกของแม่น้ำใหญ่ ขอแค่ไม่หุบปากลงก็สามารถสูบน้ำมาได้ตลอดเวลาโดยไม่หยุดมัก ไม่มีทางกินจนท้องแตก ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าใครจึงไม่กล้าหมิ่นเกียรติ ได้รับความสำคัญจากชายชุดดำอย่างมาก เคยมีเทพแม่น้ำสององค์ร่วมมือกันมาก่อความวุ่นวาย รวบรวมกองกำลังมามากมาย พยายามที่จะโค่นล้มตำแหน่งของชายชุดดำให้ได้ ขุนพลผู้เก่งกาจของเทพแม่น้ำหันสือผู้นี้จึงรับคำสั่งแอบขึ้นฝั่งแทรกตัวแฝงเข้าไปในต้นกำเนิดแม่น้ำสายหนึ่ง จากนั้นก็เผยร่างจริงที่มีเรือนกายใหญ่โตดุจขุนเขา ครั้นจึงเขมือบกลืนต้นกำเนิดของแม่น้ำสายนั้น บีบให้เทพแม่น้ำองค์นั้นพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มรบ เป็นเหตุให้เทพแม่น้ำอีกองค์หนึ่งเหลือตัวคนเดียวไร้กองหนุน สุดท้ายชายชุดดำจึงทำลายศาลและร่างทองคำของอีกฝ่ายจนแหลกละเอียด เอาเศษซากทั้งหมดไปโยนไว้มุมใดมุมหนึ่งของแม่น้ำหันสือ ไม่อาจเกิดใหม่ได้อีกตลอดกาล

เวลานี้ทุกคนต่างก็หยุดพูดโดยอัตโนมัติ หันหน้าไปมองทางประตู เห็นเพียงว่ามีชายสวมเสื้อเกราะที่สองข้างแก้มเต็มไปด้วยหนวดเคราก้าวยาวๆ เข้ามาในห้องโถงใหญ่ เขากุมมือประสานแล้วเอ่ยกลั้วหัวเราะเสียงดัง “เรียนนายท่านผู้เฒ่า ผู้ฝึกตนอิสระที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำผู้นั้นตายแล้ว ข้าบิดศีรษะของเขาหักด้วยมือตัวเอง ไม่มีทางเกิดเรื่องไม่คาดฝันอีกแน่นอน”

ชายสวมชุดคลุมสีดำเหลือบมองสีหน้าของผู้เฒ่าผมขาวคนหนึ่งในห้องโถงก่อน จากนั้นพอค้นพบว่าชายร่างกำยำที่ตรงเอวพกง้าวสั้นทำท่าจะพูดแต่ก็เงียบไป จึงเอ่ยยิ้มๆ ว่า “มีลมก็รีบผาย”

คนผู้นี้ก็คือชายที่อาศัยบ่อน้ำโบราณเดินทางไปยังโรงเตี๊ยมชิวหลู ร่างเดิมของเขาคือปลาหลีสีชาดตัวหนึ่ง ได้ยินประโยคนี้เขาก็ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี “ก่อนหน้าที่เจ้าหนุ่มผู้ฝึกตนอิสระคนนั้นจะตายได้แฉข่าวฉาวบางอย่าง มีทั้งของนายท่านผู้เฒ่า แล้วก็มีของตระกูลใหญ่ๆ ในเมือง แน่นอนว่าเรื่องของผู้พิทักษ์เมืองแซ่เว่ยผู้นั้นมีมากกว่าใคร ไม่น่าฟังอย่างยิ่ง บรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของเขาล้วนถูกขุดขึ้นมาด่าเสียหลายรอบ หากไม่เป็นเพราะข้าลงมือไว พรุ่งนี้ในเมืองคงลือแต่เรื่องน่าหัวเราะเยาะของผู้พิทักษ์เมืองเว่ยกันไปทั่ว”

ชายชุดดำแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด “โอ้?”

ภูตปลาหลีร่างกำยำกำลังจะพูด แต่ชายชุดดำกลับโบกมือบอกเป็นนัยให้เขารีบกลับไปนั่งที่ ไม่ต้องพูดเรื่องไร้สาระ ฝ่ายแรกจึงเดินไปนั่งแต่โดยดี มองชายที่มีมาดดั่งปัญญาชน ฝ่ายหลังคลี่ยิ้มน้อยๆ ผงกศีรษะบอกให้รู้ว่าไม่ต้องร้อนใจ ชายร่างกำยำถึงได้วางใจแล้วเริ่มกินเนื้อชิ้นใหญ่ ดื่มเหล้าคำโต

ได้ยินว่าผู้ฝึกตนอิสระคนนั้นตายอย่างเฉียบพลันอยู่ในเมือง ในห้องโถงมีชายหนุ่มหน้าตาขี้โรคคนหนึ่งที่ไม่อาจปกปิดรอยยิ้มสาแก่ใจของตัวเองเอาไว้ได้ กระดกจอกเหล้าขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง

ในเมือง ผู้พิทักษ์เมืองแซ่เว่ยหดหู่เศร้าซึม ผู้ฝึกตนอิสระตายศพไม่ครบถ้วน

ทั้งประธานและแขกในจวนมหาวารีต่างก็เปรมปรีดิ์ถ้วนทั่ว

ความแตกต่างเห็นเด่นชัด

บุรุษชุดดำพลันเงยหน้าขึ้นมองไปทางประตู ทันใดนั้นสีหน้าของเทพแม่น้ำหันสือผู้นี้ก็เปลี่ยนมาเป็นมืดทะมึน

มีเด็กหนุ่มชุดขาวเรือนกายสูงโปร่งดุจต้นไม้หยกรับลมผู้หนึ่งมายืนอยู่นอกประตูอย่างเงียบเชียบ เขากำลังยื่นมือปัดไปตามชายแขนเสื้อเพื่อดีดหยดน้ำบางส่วนทิ้งไป สุดท้ายเด็กหนุ่มเดินก้าวผ่านธรณีประตูสูงใหญ่ มองซ้ายมองขวา ยิ้มตาหยีกล่าวว่า “คนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่ใช่ เทพก็ไม่เชิง แปลกจริง แปลกจริง แปลกจริงๆ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!