กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 142

ร้อยพิสดาร (กลาง)
โดย
ProjectZyphon
ทำลายบรรยากาศอย่างรุนแรง

การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเด็กหนุ่มชุดขาวช่างไม่ถูกกาลเทศะซะจริง

แขกเต็มห้องโถงล้วนเป็นพวกสายตาเฉียบแหลม แต่ละคนมองเห็นสีหน้าไม่น่ามองของชายชุดดำได้อย่างรวดเร็ว ในใจพลันกระจ่างแจ้ง พอหันกลับไปเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่มผู้นั้นอีกครั้ง แต่ละคนก็พลันรู้สึกสนใจเต็มเปี่ยม

ในเขตพื้นที่ทางทิศเหนือของแคว้นหวงถิง แม่น้ำและภูเขายากที่จะแบ่งแยก ใครบ้างที่ไม่คิดจะให้หน้ากรอบป้ายอักษรทองของจวนมหาวารีแห่งนี้? แต่นี่กลับมีคนกล้ามาทำลายงานเลี้ยงของเทพแม่น้ำหันสือ อีกทั้งยังเดินอาดๆ บุกเข้ามาในจวนมหาวารีอันเป็นถิ่นของเขา ไม่อยากมีชีวิตอยู่จริงๆ แล้วหรือไง?

ชายผู้มีท่วงท่าสุภาพนุ่มนวลที่ร่างเดิมคืองูน้ำซึ่งนั่งอยู่บนตำแหน่งแรกของปัญญาชน ตวัดนิ้วเป็นดรรชนีกล้วยไม้ (ท่านิ้วมือที่นิ้วโป้งกับนิ้วกลางแตะกัน) ค่อยๆ ยกจอกเหล้าขึ้นมา เมื่อเผชิญหน้ากับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ สายตาของบุรุษร้อนแรง เด็กชายเด็กหญิงที่มีหน้าตางดงามคือความชื่นชอบของเขามาโดยตลอด เพียงแต่อดจะเสียดายไม่ได้ เพราะมีความเป็นไปได้มากว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ต้องตาย เขาไม่กล้าเอาตัวคนที่หักหน้านายท่านผู้เฒ่าเทพวารีกลับจวนไปเสพสุขโดยพลการ หวังแค่ว่าจะเอาศพกลับไปเป็นอาหารมื้อดึกคืนนี้ได้ บุรุษยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหลมเล็ก “เหล้าที่อยู่ในจอกนี้คือเหล้าหยกทองที่มีเฉพาะในจวนมหาวารีแม่น้ำหันสือของพวกเราเท่านั้น หากนักพรตได้ดื่มหนึ่งจอกก็เท่ากับฝึกตนอย่างยากลำบากอยู่ในถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคลอย่างยากลำบากสิบวัน หากคนธรรมดาดื่มเข้าไป หวังให้โรคภัยหายสิ้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย ยังเหลืออีกครึ่งแก้ว เจ้าอยากจะลองชิมดูหรือไม่?”

เด็กหนุ่มชุดขาวผู้นั้นเดินข้ามธรณีประตูเข้ามาแล้วก็ไม่เดินหน้าตา เขาที่ยืนอยู่ที่เดิมทำเพียงกวาดตามองไปรอบด้าน ไม่แยแสภูตน้ำที่มีชื่อเสียงด้านความเหี้ยมโหดฉาวโฉ่ผู้นี้เลยแม้แต่น้อย

บุรุษท่าทางสุภาพอ่อนโยนโกรธสุดขีดจนกลายเป็นตลก เขาแลบลิ้นที่ยาวมากออกมาเลียมุมปากของตัวเอง สุดท้ายหัวเราะหึหึ “สุราคารวะไม่ดื่มจะดื่มสุราทำโทษ ตายซะเถอะ!”

เขาสะบัดข้อมือ สุราสีทองอร่ามที่เหลืออีกครึ่งแก้วก็สาดออกมา ของเหลวสีสันสะดุดตาพลันหยุดค้างอยู่กลางอากาศก่อน จากนั้นถึงแยกตัวออกเป็นหยดๆ จากนั้นของเหลวหลายสิบหยดก็พากันพุ่งแหวกความว่างเปล่ากระโจนเข้าหาเด็กหนุ่มชุดขาว ความเร็วนั้นเหนือกว่าลูกศรจากธนูทรงพลังที่พุ่งฉิวไปในระยะร้อยก้าว ก่อให้เกิดเสียงแหวกอากาศดังอื้ออึง พลังอำนาจน่ากริ่งเกรงอย่างยิ่ง

หากหลบไม่ทัน ร่างของเด็กหนุ่มชุดขาวผู้นั้นจะต้องเป็นรูพรุนแน่นอน

ลำพังเพียงแค่วิชาอภินิหารที่สามารถควบคุมน้ำได้ด้วยฝ่ามือเดียวนี้ก็ทำให้ผู้ฝึกลมปราณหนุ่มบางส่วนที่นั่งอยู่ในห้องโถงตื่นตะลึงจากใจจริง

แทบทุกคนล้วนรู้สึกว่าสถานการณ์แน่นอนไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว

ผู้เฒ่าผมขาวโพลนผู้นั้นก็เป็นหนึ่งในคนที่คิดเช่นนี้ ตอนแรกที่เขามองเห็นเด็กหนุ่มชุดขาว แววตายังเผยความประหลาดใจอยู่บ้าง แต่เพียงไม่นานก็ส่ายหน้าเบาๆ ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ ทว่าบ่อมังกรถ้ำพยัคฆ์อย่างจวนมหาวารีแห่งนี้ ไหนเลยจะใช่สถานที่ที่เจ้าคิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป น่าเสียดายเหลือเกินที่เอาเรือนกายซึ่งทั้งรูปงามและมีบุคลิกเป็นเลิศนี้มาทิ้งให้เสียเปล่า

แถบทิศเหนือของแจกันสมบัติทวีปล้วนรู้ว่าการทดสอบเลือกผู้มีความสามารถของฮ่องเต้สกุลหงในราชสำนักเล็กๆ อย่างแคว้นหวงถิงแห่งนี้ จะต้องดูก่อนว่าเขียนตัวอักษรสวยหรือไม่ จากนั้นค่อยดูว่าเนื้อหาที่เขียนดีหรือไม่ดี ทั้งสองสิ่งล้วนขาดไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นกุญแจสำคัญที่สุดก็ปรากฎขึ้นแล้ว ฝ่าบาทจะดูว่าในบรรดาผู้เข้าสอบหน้าพระที่นั่งนี้ ใครที่มีรูปโฉมซื่อสัตย์เที่ยงตรง หล่อเหลาสง่างามมากที่สุด!

ตอนที่อยู่บนถนนของเมือง ผู้เฒ่าก็เคยเห็นกลุ่มของเด็กหนุ่มชุดขาวมาแล้ว ผู้เฒ่าพอจะใช้คาถามองคนเป็นอยู่บ้าง เมื่อมองรูปลักษณ์กลิ่นอายของเด็กหนุ่มชุดขาวจึงคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะมีแค่เนื้อหนังมังสาที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น เทียบกับอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างกายเด็กหนุ่มผู้สะพายตะกร้าไม้ไผ่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มชุดเขียวที่สีหน้าสุขุมเย็นชาผู้นั้นต่างหากที่เป็นหยกงามสำหรับวิถีของการฝึกตนอย่างแท้จริง

ผู้เฒ่าไม่คิดจะมองเด็กหนุ่มที่ถูกกำหนดมาแล้วว่าต้องมีจุดจบน่าสังเวชอีก เขาหันหน้ามองไปยังนักพรตหนุ่มคนหนึ่งฝั่งที่รู้ไส้รู้พุงกันดีซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม สายตาผู้เฒ่าเต็มไปด้วยพยับเมฆอึมครึม

ฝ่ายหลังสัมผัสได้ถึงสายตาของผู้อาวุโสในสำนักเฉียบไวจึงขยับถอยไปด้านหลังเล็กน้อย เพียงแต่ไม่นานก็คิดได้ว่าตนหาที่พึ่งที่แท้จริงได้แล้ว วันนี้ไม่เหมือนในอดีตอีกแล้วจึงยืดเอวขึ้นตรง คลี่ยิ้มอย่างตรงไปตรงมาแล้วชูจอกเหล้าขึ้น ผู้เฒ่ายิ้มเสแสร้งแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น

ผู้เฒ่าได้รับการอบรมบ่มเพาะมาเป็นอย่างดี แต่พอคนหนุ่มสองคนข้างกายเขาเห็นภาพนี้แล้วกลับแค้นเคืองสุดขีดจึงถลึงตามองศิษย์ทรยศของสำนักที่หลงลำพองตัวอย่างเดือดดาล

นักพรตพรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเพียงลำพังก็คือตัวการของคลื่นมรสุมก่อนหน้านี้ ช่วงสุดท้ายของการก่อคดีโหดเหี้ยมสังหารคนทั้งตระกูล ผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่งที่ผ่านทางมาเจอเขาเข้าพอดี เขาคือลูกศิษย์ฝ่ายในของพรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์ พรสวรรค์ธรรมดา ยิ่งไม่ถนัดการเข่นฆ่าสังหาร จึงไม่เหลือกำลังให้ต่อต้านผู้ฝึกตนอิสระที่เชี่ยวชาญด้านการไล่ล่าและฆ่าผู้คน จึงเผ่นหนีกลับเข้ามาในเมืองอย่างว่องไว สุดท้ายที่ยังมีอารมณ์ไปพักผ่อนหย่อนใจอยู่ในโรงเตี๊ยมชิวหลูแห่งนั้น คาดว่าคงหวังจะใช้โรงเตี๊ยมชิวหลูและหลิวฮูหยินเป็นยันต์คุ้มกันกาย

พอค้นพบร่องรอยของเขา ผู้ฝึกตนอิสระผู้ผดุงความยุติธรรมที่แม้จะรู้ว่าอาจเสี่ยงโดนโรงเตี๊ยมชิวหลูมองเป็นศัตรู ก็ยังดึงดันจะบุกเข้าไป ครั้นจึงลงมือต่อสู้กับนักพรตพรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่มีภูมิหลังสูงส่งอย่างดุเดือดอีกครั้ง

ผลกลับกลายเป็นว่าไม่เพียงแต่ทำให้ผนังบังตารูปพระจันทร์พังภินท์ ยังถูกนักพรตของพรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์ล่อเข้าไปในตรอกที่อยู่ใกล้เคียง ฝ่ายหลังใช้สมบัติอาคมและเวทคาถามั่วซั่วไปหมด จึงทำให้ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวถูกลูกหลงบาดเจ็บไปอีกยี่สิบกว่าคน นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ตระกูลชนชั้นสูงของเมืองใช้เป็นข้ออ้างกล่าวโทษไปฟ้องที่ว่าการ ผู้ฝึกตนอิสระจึงถูกตัดสินว่าเป็นฝ่ายกระทำความผิดก่อน สังหารแล้วค่อยว่ากัน ส่วนเรื่องราวที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังเป็นอย่างไร คนก็ตายไปแล้ว ไม่มีใครพูดถึงอีก ต่อให้มีข่าวลือเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นเพียงข่าวโคมลอยเท่านั้น

พวกผู้ฝึกตนอิสระที่ไม่ต้องการถูกทางการลงชื่อไว้ในสมุดบันทึกมักจะไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีจากแคว้นต่างๆ คนของทางการอาจไม่ถึงขั้นกล้าไล่ทุบตีพวกเขาดั่งหนูสกปรก แต่ก็หวังว่าจะให้พวกเขาอยู่ห่างๆ อย่าได้มาก่อความวุ่นวายในเขตพื้นที่การรับผิดชอบของตัวเองดีที่สุด เพราะเมื่อใดที่จอกแหนไร้รากเหล่านี้เกิดขัดแย้งกับงูเจ้าที่ขึ้นมา ขอแค่ไม่ใช่มังกรข้ามนทีที่มีวิชาค้ำฟ้าเก่งกาจ ที่ว่าการของราชสำนักและกองกำลังในยุทธภพก็ย่อมต้องเลือกฝั่งคนคุ้นเคยของตัวเองอยู่แล้ว

เมื่อนักพรตหนุ่มที่เท่ากับเป็นคนทรยศของสำนักเห็นว่าผู้อาวุโสในสำนักที่เดิมทีตนให้ความเคารพเลื่อมใสอย่างถึงที่สุดไม่รับน้ำใจของตน นักพรตหนุ่มก็ยิ้มบางๆ แหงนหน้าดื่มเหล้าที่เหลือเกินครึ่งจอกรวดเดียวหมด หลังจากเช็ดมุมปากแล้วก้มหน้า กล่าวกลั้วหัวเราะอย่างสำราญใจ “ต่อให้ข้าผู้อาวุโสฝึกตนอย่างยากลำบากอยู่ในพรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่มีหวังว่าจะเลื่อนสู่ห้าขอบเขตกลาง ตอนนี้เมื่อได้รับความโปรดปรานจากนายท่านผู้เฒ่าเทพวารี มหามรรคาจึงมีหวัง ดังนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าผู้อาวุโสเห็นหน้าแม่ทัพผู้นั้นก็ตั้งใจแล้วว่าจะก่อตั้งสำนักเป็นของตัวเอง โอกาสที่พันปียากจะพานพบ ได้แต่ปรารถนาไม่อาจได้มาครอบครอง! ยังจะต้องสนใจชื่อเสียงของสำนักที่ไร้ประโยชน์ไปเพื่ออะไร? กินอิ่มแทนข้าวได้หรือ!? ต่อให้กินแทนข้าวได้ แล้วจะอย่างไร? ข้าผู้อาวุโสไม่เคยได้กินอย่างเต็มคราบ ได้แต่รอให้พวกเจ้าทำทานมาให้เท่านั้น”

นักพรตหนุ่มผู้นี้เรอเสียงดังแล้วหัวเราะอยู่กับตัวเอง ไม่มีใครมองเห็นความจนใจในเบื้องลึกของดวงตาคนผู้นี้ เขาค่อยๆ คีบเนื้อปลาสดใหม่ชิ้นหนึ่งขึ้นมา ปลายหางตาเหลือบไปยังกุนซือสวมชุดปัญญาชนลัทธิขงจื๊อของจวนมหาวารีเล็กน้อยแล้วพึมพำกับตัวเอง “คนไม่ทำเพื่อตัวเอง ฟ้าดินย่อมไม่มีที่ให้ยืน แล้วนับประสาอะไรกับที่โอกาสครั้งใหญ่ถึงเพียงนี้มาวางอยู่ตรงหน้าข้า ข้าเป็นแค่นักพรตห้าขอบเขตล่างตัวเล็กๆ มีสักกี่ชีวิตให้ไปปฏิเสธความเมตตาที่นายท่านผู้เฒ่าเทพวารีประทานให้?”

ผู้เฒ่าผมขาวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็คือผู้อาวุโสใหญ่ฝ่ายนอกของพรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์ พรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์แบ่งเป็นฝ่ายในและฝ่ายนอก ผู้เฒ่าเป็นผู้ดูแลฝ่ายนอก ทว่าอันที่จริงแล้วเรื่องราวมากมายในโลกมนุษย์ของฝ่ายในก็ยกให้คนผู้นี้รับผิดชอบด้วย การเข้าร่วมงานพิธีบวงสรวงเทพแม่น้ำหันสือในครั้งนี้ ผู้เฒ่าเป็นผู้นำพากลุ่มคนลงจากภูเขา หลักๆ แล้วก็เพื่อช่วยให้เหล่าลูกศิษย์ผู้สืบทอดทั้งหลายได้ขัดเกลาจิตใจ พยายามทำความเข้าใจกับขนบธรรมเนียมประเพณีของโลกมนุษย์ด้านล่างภูเขา รวมไปถึงอาศัยโอกาสนี้สัมผัสกับกองกำลังอื่นๆ หากสามารถผูกบุญสัมพันธ์กันได้ย่อมดีที่สุด

เด็กหนุ่มสองคนที่มาร่วมงานเลี้ยงพร้อมกับผู้เฒ่าในครั้งนี้ต่างก็เป็นบุคคลโดดเด่นในบรรดาคนหนุ่มสาวของพรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์ ด้านหลังของคนผู้หนึ่งก็คืองูยักษ์สีชาดยาวสองจั้งตัวนั้นซึ่งกำลังขดตัวเป็นก้อนกลม ส่วนอีกคนหนึ่งข้างกายมีเสือดำตัวใหญ่นอนหมอบอยู่บนพื้น

คนทั้งสองนั่งเคียงข้างกันจึงเกิดเป็นบรรยากาศของมังกรขดพยัคฆ์มอบที่ไม่ธรรมดา

แต่ในขณะที่ทุกคนต่างก็นึกว่าเด็กหนุ่มชุดขาวต้องตายอย่างแน่นอนนั้นเอง การแสดงออกของเขากลับทำให้ทุกคนตะลึงพรึงเพริด

เขายืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน ปล่อยให้ของเหลวสีทองอร่ามที่แตกตัวเป็นหยดเหล้าเหล่านั้นสาดยิงมาถึง

แต่พอหยดน้ำที่บุกมาด้วยพละกำลังดุดันกระทบลงบนอาภรณ์ของเด็กหนุ่มชุดขาวกลับเหมือนเกล็ดหิมะที่หล่นลงบนเตาไฟขนาดใหญ่ที่กองไฟกำลังลุกโชน เพียงพริบตาเดียวก็หายวับไปหมด

บุรุษชุดดำพยักหน้า พูดกับตัวเองว่า “อาคมวารีไม่อาจรุกราน น่าสนใจไม่น้อย มิน่าเล่าถึงกล้ามาก่อความวุ่นวาย”

ร่างของเขาโน้มมาด้านหน้าเล็กน้อย มองไปยังนักประพันธ์คนนั้นแล้วถามยิ้มๆ “เป็นเพราะชุดคลุมของเด็กหนุ่มมีความลี้ลับหรือว่าสาเหตุอย่างอื่น?”

นักประพันธ์สวมชุดขงจื๊อที่นั่งอยู่ด้านล่างถอนสายตากลับมาจากร่างของเด็กหนุ่ม หันหน้ามาตอบว่า “น่าจะไม่เกี่ยวกับเสื้อคลุม ข้าเดาเอาว่าบนร่างของคนผู้นี้มียันต์หลบน้ำชั้นเยี่ยมของลัทธิเต๋าซ่อนอยู่ อาคมวารีทั่วไปยากที่จะทำลายตราผนึกทางธรรมชาติของยันต์ชิ้นนั้นได้”

บุรุษชุดดำหลุดหัวเราะ “คงไม่เพราะคิดว่ามียันต์ชิ้นนี้ติดกาย ตุ๊กตาน้อยตัวนี้ก็จะมาทำตัวกำเริบเสิบสานอยู่ในจวนมหาวารีของข้าได้กระมัง?”

นักประพันธ์ชุดขงจื๊อยิ้มตอบ “น่าจะยังมีที่พึ่งอย่างอื่นอีก”

บุรุษชุดดำที่มีท่าทางเกียจคร้านเบื่อหน่ายมาโดยตลอดยืดตัวขึ้นตรง “มิน่าเล่า”

จากนั้นเขาก็หันไปสั่งภูตงูน้ำตนนั้นยิ้มๆ ในถ้อยคำไร้เจตนาตำหนิ “ขายหน้าแล้วไหมล่ะ อนุญาตให้เจ้าเป็นผู้สังหารได้ แต่ห้ามใช้คทาเหล็กชิ้นนั้นเด็ดขาด จะได้ไม่ต้องเห็นภาพคนหัวระเบิด เจ้าสะใจ แต่แขกจะสะอิดสะเอียนเอาได้ ห้ามเจ้าล่วงเกินทุกคน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!