อีกทั้งอริยะขงจื๊อท่านนี้ยังไม่ใช่พวกเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาทั่วไปด้วย?
ชายชุดดำที่นั่งอยู่บนตำแหน่งประธานกัดฟันแน่นจนฟันแทบแตก
ท่านั่งของเขาแข็งทื่อ ร่างขึงเกร็ง เทพแม่น้ำหันสือที่วางอำนาจบาตรใหญ่อยู่ทางทิศเหนือแคว้นหวงถิงมาหลายร้อยปีผู้นี้ เวลานี้จำเป็นต้องกำหมัดทั้งคู่แน่นแล้วทุบลงบนที่เท้าแขนบนเก้าอี้แรงๆ ถึงจะฝืนควบคุมอารมณ์วู่วามที่อยากจะลุกขึ้นยืนแล้วลงไปนั่งคุกเข่าโขกหัววิงวอนอีกฝ่าย
แคว้นหวงถิงก็แค่หนึ่งในแคว้นหัวเมืองใต้อาณัติของต้าสุยเท่านั้น แขกไม่ได้รับเชิญที่อยู่ในเนื้อหนังมังสาของเด็กหนุ่มตรงหน้าผู้นี้ไม่มีทางใช่บุคคลที่เกิดและเติบโตมาในที่แห่งนี้แน่นอน เพราะเขารู้จักผู้ฝึกลมปราณตัวเป้งของแคว้นหวงถิงทุกคนมานานแล้ว ใครที่สามารถหาเรื่องใด ใครที่ควรเอาใจแสดงเจตนาดี การนั่งอยู่บนตำแหน่งอย่างยากลำบากมานานหลายปี บุรุษชุดดำจึงมีความมั่นใจกับเรื่องทุกอย่างนี้อย่างมาก
เจ็ดสิบสองสำนักศึกษาของลัทธิขงจื๊อ เจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาทุกแห่ง อย่างน้อยก็ต้องมีตบะขอบเขตที่สิบถึงจะมีคุณสมบัติในการดูแลสำนักศึกษาได้
ส่วนผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตบนที่มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ยิ่งใหญ่ก็มักจะเป็นดั่งเทพมังกรที่เห็นแต่หัวไม่เห็นหาง ดังนั้นเจ้าขุนเขาสำนักศึกษาที่เป็นผู้ฝึกลมปราณขอบเขตสิบซึ่งค่อนข้างจะใกล้ชิดกับราชวงศ์ในโลกมนุษย์มากกว่าจึงมีคุณสมบัติที่จะได้รับการเรียกขานว่าอริยะลัทธิขงจื๊อ นอกจากนี้อรหันต์ร่างทองของลัทธิพุทธและเทพเซียนพสุธาของลัทธิเต๋าต่างก็ได้รับการเรียกขานอย่างให้เกียรติจากราชสำนักเช่นเดียวกัน
สุดยอดผู้ฝึกลมปราณจำนวนน้อยเหล่านี้ก็เหมือนเทวรูปในศาลเจ้า ตำแหน่งเทพสูงพอ แต่ก็ไม่ถือว่าห่างไกลเกินไปนัก ผู้คนล้วนจุดธูปกราบไหว้ได้ทั่วถึง หาไม่แล้วเหล่าเทพเซียนเฒ่าห้าขอบเขตบนก็คงเหมือนไปหลบซ่อนเร้นกายอยู่กลางเมฆหมอก ต่อให้เจ้าถือหัวหมูมาก็คงหาศาลให้กราบไหว้ไม่เจอ
ดวงตาของบุรุษชุดดำเริ่มแดงก่ำด้วยเส้นเลือดฝอย แสงสีทองอ่อนจางเสี้ยวหนึ่งปรากฏวูบขึ้นมา เขายังคงพยายามอย่างสุดกำลังที่จะไม่กะพริบตา เอาแต่จ้องเขม็งไปยังเทวรูปอริยะด้านหลังเด็กหนุ่มชุดขาว ในการมองเห็นของเขา เหนือแท่นบูชาคือผู้เฒ่าที่เปี่ยมไปด้วยบารมีน่าเกรงขาม เขาสวมชุดคลุมยาวสีขาวหิมะส่องแสงเรืองรอง เส้นแสงเป็นเส้นๆ ที่ทอประกายนั้นราวกับแฝงเร้นสัจธรรมแห่งมหามรรคาเอาไว้
เมื่อมองอย่างละเอียดจะเห็นได้ว่าเส้นแสงทุกเส้นเกิดจากการร้อยเรียงต่อกันของตัวอักษรสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนที่เปล่งประกายวาววับ เขียนเป็นกฎระเบียบมารยาทพิธีการของลัทธิขงจื๊อไว้หลายข้อ กายธรรมอริยะองค์นี้สวมกวานสูงเข็มขัดกว้าง ชายแขนเสื้อกว้างดั่งปีกวิหคที่ส่ายสะบัดด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีลม ตรงเอวห้อยหยกประดับส่องแสงสุกสว่างพร่างพราว สะดุดตามากเป็นพิเศษ ประหนึ่งดวงจันทร์ดวงจิ๋วที่ลอยอยู่ในโลกมนุษย์
ไม่มีทางเป็นของปลอมได้แน่ คือภาพบรรยากาศของอริยะจริงแท้แน่นอน!
อันที่จริงชาติกำเนิดของชายชุดดำมีที่มาที่ค่อนข้างยิ่งใหญ่ ได้รับอิทธิพลจากการได้ยินและได้เห็นมาตั้งแต่เด็ก รู้เรื่องวงในที่เป็นความลับมากมาย จึงเป็นคนที่มองคนและเรื่องราวออกพอดี ดังนั้นพอเห็นภาพเหตุการณ์นี้เขาจึงยิ่งหวาดหวั่นพรั่นพรึง หากเปลี่ยนมาเป็นนักพรตห้าขอบเขตกลางบนภูเขาทั่วไป ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมองเป็นเวทอำพรางตาบางอย่างที่ใช้ตบตา
ในที่สุดชายร่างสูงใหญ่ที่ชุดคลุมสีดำปักภาพมังกรทองขดตัวก็กะพริบตา จำต้องย้ายสายตาออกห่าง น้ำตาที่เกิดขึ้นเพราะความเจ็บแสบดวงตาค่อยๆ กลิ้งไหลออกมาจากกรอบดวงตา แต่ไม่นานก็สลายหายไป เขาย่อมไม่ต้องการเผยความขลาดตัวต่อหน้าแขกมากหน้าหลายตาเหล่านี้ ชีวิตการฝึกตนที่ยาวนาน เขาสามารถเดินมาได้ถึงก้าวนี้ ได้นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงส่งอันทรงเกียรตินี้ ลำพังอาศัยแค่ฐานกระดูกที่ดี โชควาสนาที่ดี ไม่มีจิตใจที่ยึดมั่นหนักแน่นมาประคับประคอง เกรงว่าเมื่อเผชิญกับคลื่นมรสมทั้งหลายแหล่ก็คงถูกคลื่นเชี่ยวกรากของแม่น้ำหันสือพัดหายไปนานแล้ว
ในอดีตเคยมีคนสอนเขาว่า ความรู้ของอริยะ ยิ่งศึกษายิ่งล้ำลึก เทวรูปของอริยะ ยิ่งแหงนมองยิ่งเลื่อมใส
ปัจจุบันกฎเกณฑ์ที่อริยะของลัทธิขงจื๊อตั้งไว้ในใต้หล้าแห่งนี้ ยิ่งนานวันก็ยิ่งยิบย่อยซับซ้อน ระเบียบและพิธีการมั่นคงมากขึ้นทุกที ไม่ได้เหมือนแคว้นสู่สมัยบรรพกาลที่ห่างไกลจนมิอาจหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้อีกแล้ว แผ่นดินของแคว้นสู่ในช่วงเวลานั้นมีเจียวและมังกรอยู่เป็นจำนวนมาก พวกมันไม่ได้รับพันธนาการจากฟ้าดิน เล่าลือกันว่ามีเพียงเซียนกระบี่บุพกาลที่พลังสังหารน่าครั่นคร้ามเท่านั้นถึงจะชอบมาลับคมกระบี่ในที่แห่งนี้ พวกเขาจะขี่กระบี่ข้ามแม่น้ำลำธาร สังหารเจียวและมังกรสร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเอง
ฉีจิ้งชุนตายไปแล้วไม่ใช่หรือ? อริยะที่ดูแลถ้ำสวรรค์หลีจูในเวลานี้น่าจะเป็นหร่วนฉงแห่งสำนักการทหารที่หลุดพ้นจากศาลลมหิมะแล้ว
ถ้าอย่างนั้นเขาคืออริยะของฝ่ายไหนกันแน่?
ดูทรงแล้วน่าจะมาร้ายมากกว่ามาดี
ไม่ว่าจะอย่างไร ต่อให้ผู้เฒ่าราชาสวรรค์ที่มาเยือนถิ่นของตน ตนก็ไม่มีเหตุผลให้ยื่นคอไปให้อีกฝ่ายฟันทิ้ง
บุรุษชุดดำฝืนขับไล่พยับเมฆมืดทะมึนในใจตัวเอง สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง กำปั้นมือซ้ายตวัดขึ้นเล็กน้อย แล้วเคาะลงบนที่เท้าแขนเก้าอี้เบาๆ มองดูคล้ายผ่อนคลายสบายอารมณ์ แต่กลับทำให้จวนมหาวารีทั้งหลังสั่นสะเทือนตามไปด้วย ส่วนแม่น้ำหันสือช่วงที่อยู่ใกล้กับจวนก็เกิดคลื่นลูกยักษ์อย่างไม่มีลางบอกเหตุ ลูกคลื่นทับซ้อนกันเป็นชั้นโหมกระแทกชายฝั่งสองด้านอย่างรุนแรง
บุรุษชุดดำเคาะหนึ่งครั้ง
เรือนกายของทุกคนที่อยู่ในห้องโถงก็โยกคลอนตามไปด้วย กระบี่เล่มยาวที่อยู่ในฝักของผู้ฝึกกระบี่สองคนก็ยิ่งไม่อาจแบกรับแรงกดดันรุนแรงนี้จึงดิ้นรนจนเกิดเสียงกึกกักไม่หยุดคล้ายสัตว์ติดกับที่ดิ้นสะบัด
มีเพียงเด็กหนุ่มชุดขาวเท่านั้นที่ยังคงนิ่งเฉยไม่ขยับ กายธรรมเทวรูปด้านหลังก็ยิ่งมั่นคงดุจขุนเขา
เด็กหนุ่มเงยหน้าเล็กน้อยมองไปยังบุรุษชุดดำที่นั่งอยู่ทางทิศเหนือหันหน้าเข้าหาทิศใต้ มุมปากยกยิ้มดูแคลน
แม้ว่าจวนมหาวารีจะตั้งอยู่ริมแม่น้ำ แต่อันที่จริงแล้วใต้จวนกลับยังมีความลึกลับอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือได้ถูกขุดเจาะเป็นทางน้ำลึกและกว้างไว้นานแล้ว มีการเชื่อมโยงกับโชคชะตาของแม่น้ำหันสือไว้อย่างแน่นหนา อีกทั้งตัวจวนเองยังมีค่ายกลขนาดใหญ่ แม้จะสู้ค่ายกลใหญ่ปกป้องภูเขาของตระกูลเซียนอันดับต้นๆ หรือค่ายกลใหญ่พิทักษ์นครของเมืองหลวงราชวงศ์ไม่ได้ แต่บุรุษชุดคลุมดำมีตบะลึกล้ำ ขอแค่เขาอยู่ที่นี่ ไม่ออกจากพื้นที่แถบนี้โดยพลการก็สามารถมีพลังลี้ลับมาเพิ่มเติมคล้ายได้ครอบครองฟ้าดินขนาดเล็กแห่งหนึ่ง
สามารถฉีกกฎทำได้ถึงขั้นนี้ นอกจากโชควาสนาแล้วยังมีความเกี่ยวข้องกับสายเลือดที่พิเศษของชายชุดดำอย่างมาก
ผู้ฝึกลมปราณโดยทั่วไปขอแค่เลื่อนสู่ขอบเขตสิบ ยกตัวอย่างเช่นสามลัทธิอย่างขงจื๊อ พุทธ เต๋า บวกกับสำนักการทหารอีกหนึ่ง สามลัทธิหนึ่งสำนักสี่ฝ่ายนี้ สำนักศึกษาของลัทธิขงจื๊อ วัดวาของลัทธิพุทธ อารามตำหนักของลัทธิเต๋า รวมไปถึงซากปรักสมรภูมิรบโบราณของสำนักการทหาร หากบัญชาการณ์อยู่ในถิ่นของตัวเองก็จะได้ครอบครองฟ้าอำนวยดินอวยชัยและคนสามัคคี เท่ากับเป็นเจ้านายของฟ้าดินขนาดเล็กแห่งหนึ่ง นักพรตคนอื่นๆ ที่เข้ามาในถิ่นของพวกเขาก็ต้องมาพึ่งพา จำเป็นต้องเข้าเมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตาม ต้องทำตามกฎระเบียบของเจ้าบ้าน
ในห้องโถงใหญ่เงียบสงัดจนกระทั่งหากเข็มตกคงได้ยิน บรรยากาศประหลาดอย่างถึงที่สุด
เทพแม่น้ำหันสือท่านนี้สามารถมองเห็นภาพเหตุการณ์อัศจรรย์ตรงหน้าประตู แต่คนอื่นกลับยังงมโข่ง ไม่รู้ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมหลังจากที่เด็กหนุ่มชุดขาวเปล่งวาจาสามหาวแล้ว นายท่านผู้เฒ่าเทพวารีของพวกเขาถึงเริ่มเหม่อลอย หรือว่าเจ้าเด็กหนุ่มหล่อเหลาผู้ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำมีชาติกำเนิดมาจากตระกูลเซียนสูงศักดิ์ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับจวนมหาวารีมาทุกยุคทุกสมัย? เขาถึงได้กำเริบโอหังถึงเพียงนี้?
แม้ชายผู้มีบุคลิกอ่อนโยนนุ่มนวลจะเดินออกมาจากโต๊ะที่จัดวางอาหารล้ำค่าสุราเลิศรสไว้จนเต็มแล้ว เดิมทีเขาควรจะจับตัวเด็กหนุ่มมาแล้ว ทว่าตอนนี้กลับหยุดฝีเท้า หากไม่รู้จักสังเกตสีหน้าท่าทางผู้คน จะเป็นลูกน้องทำงานอยู่ใต้บังคับบัญชาของชายชุดดำได้อย่างไร ภูตงูน้ำที่เจ้าเล่ห์เพทุบายผู้นี้ตระหนักได้แล้วว่าเหตุการณ์ไม่ใคร่จะปกตินัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!