กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 143

ศีรษะของภูตงูน้ำจึงระเบิดคาที่

พอศพหงายตึงลงพื้นจึงกลับคืนสู่ร่างจริง กลายเป็นงูน้ำร่างเรียวยาวสีสันสดใสงดงาม

เมื่ออยู่ในห้องโถงใหญ่ที่ว่างเปล่า ยามที่เสียงคทาเหล็กสมบัติอาคมซึ่งเซียนท่านหนึ่งทิ้งไว้ชิ้นนั้นร่วงกระทบลงบนพื้นจึงกังวานและเสียดหูมากเป็นพิเศษ

ฝ่าเท้าของเด็กหนุ่มชุดขาวอยู่ห่างจากพื้นดินไม่ถึงครึ่งชุ่นแล้ว

บุรุษชุดดำไม่มีเวลามามัวเช็ดคราบเลือด เขายืดตัวขึ้นตรง เตรียมจะค้อมเอวขออภัย

เด็กหนุ่มชุดขาวที่เดิมทีหยุดท่ากระทืบเท้าเอาไว้แล้วดวงตาเป็นประกาย ครั้นจึงทำท่ายกฝ่าเท้ากลับอย่างเชื่องช้า

ทว่าจู่ๆ เด็กหนุ่มกลับท่องขึ้นมาอีกว่า “เจียวและมังกรถือกำเนิด”

ฝ่าเท้าเหยียบลงบนพื้น!

คล่องแคล่วว่องไว

เท้าของเทวรูปก็เหยียบตามลงมาด้วยโดยอัตโนมัติ

ฝ่าเท้าของเด็กหนุ่มเหยียบลงบนพื้นหินสีเขียวของจวนมหาวารี

ทว่าเท้าของเทวรูปด้านหลังกลับเหยียบลงบนปราณโชคชะตาของแม่น้ำหันสือ

นิ้วทั้งห้าของชายชุดดำที่กุมจับมังกรสีทองได้แทงทะลุเข้าไปในผิวหนังตรงหน้าอกแล้ว ต่อให้เจ็บปวดทรมานเพียงใดก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ

สิ่งนี้คือแสงสว่างแห่งการพิสูจน์มรรคาของเขา เป็นทั้งการรวบตัวกันของปณิธานแห่งจิตใจ และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นปมในใจ ให้ตายก็ไม่อาจปล่อยมือ!

เด็กหนุ่มชุดขาวคลายหมัดสองข้างที่กำแน่น สะบัดชายแขนเสื้อ ท่วงท่าสง่างามล่องลอยเกินจะเปรียบ เขาเดินขึ้นหน้ามาช้าๆ อ้อมศพของภูตงูน้ำที่น่าสงสาร เงยหน้ามองไปทางตำแหน่งประธาน ยกเท้าเหยียบลงบนคทาเหล็กชิ้นนั้นจนอาวุธตระกูลเซียนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้นพลางกล่าวกลั้วหัวเราะ “นายผู้เฒ่าเทพวารีท่านนี้ รู้สึกแปลกใจมากเลยใช่ไหม?”

เลือดสดหลั่งออกจากทวารทั้งเจ็ด

ชายชุดดำที่สีหน้าซีดเผือดประคองร่างกายที่ส่ายโอนเอนให้มั่นคง เอียงศีรษะพ่นเลือดออกมาหนึ่งคำ จากนั้นก็ก้มหน้าลงมองงูสีทองหม่นที่ร้องโอดครวญอยู่ตรงหน้าอก หลังจากเงยหน้าขึ้นช้าๆ สายตาของนายท่านผู้เฒ่าเทพวารีที่ไม่เคยลงมือสังหารศัตรูด้วยตัวเองเป็นเวลาเกือบสองร้อยปีเปลี่ยนมาเป็นเลื่อนลอย พูดเสียงแผ่ว “ท่านเซียนท่านนี้ จะไม่ปล่อยข้าไปสักครั้งจริงๆ หรือ? เซียนซือกระทืบอีกครั้ง ข้าก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”

ทุกคนในห้องโถงไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ละคนอึ้งงันเป็นไก่ไม้

เทพแม่น้ำที่แทบจะไร้ผู้ใดทัดเทียมในสายตาของพวกเขาถูกคนปั่นหัวเล่นอยู่ในกำมือแบบนี้น่ะหรือ?

เด็กหนุ่มชุดขาวเริ่มมองซ้ายมองขวาอย่างเบื่อหน่ายอีกครั้ง ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่บนร่างของนักประพันธ์ผู้สวมชุดขงจื๊อ ฝ่ายหลังรีบลุกขึ้นกุมมือคารวะ ซ้ำยังค้อมตัวค้างเป็นนานด้วยไม่กล้ายืดเอวขึ้นตรง ไม่เสียแรงที่มีชาติกำเนิดเป็นบัณฑิต รู้จักกาลเทศะรู้จักวิเคราะห์สถานการณ์ ถ่อมตัวประจบคนอื่นเป็น

เด็กหนุ่มมองไปยังเจ้าอ้วนที่ร่างจริงคือคางคกขวางนที ฝ่ายหลังไม่พูดไม่จาก็ลงไปนั่งคุกเข่า โขกหัวอย่างแรงพลางตะเบ็งเสียงดัง “คารวะท่านเซียน!”

มีเพียงภูตปลาหลีร่างกายกำยำสวมเสื้อเกราะเท่านั้นที่ถลึงตาจ้องตาเด็กหนุ่มชุดขาวเขม็ง

เด็กหนุ่มชุดขาวไม่รอให้ชายชุดดำตวาดสั่งสอนลูกน้องตัวเองก็ชิงพูดกลั้วยิ้มขึ้นเสียก่อน “ฆ่าซะ”

“ข้าจะนับถึงสาม สาม หนึ่ง”

แม้เด็กหนุ่มชุดขาวจะจงใจเล่นแง่ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะกระทืบเท้าอีกครั้ง

ข้อนี้เขาเรียนรู้มาจากคนบางคน

คาดไม่ถึงว่าชายชุดดำผู้นั้นจะตัดสินใจเฉียบขาดมากกว่า ขุนพลผู้กล้าผู้ใต้บังคับบัญชาอันดับหนึ่งของตน คิดจะฆ่าก็ฆ่าได้ง่ายๆ

เห็นเพียงว่าชั่วกะพริบตา เขาก็มายืนอยู่ด้านหลังภูตปลาหลี ฝ่ามือข้างเดียวที่เหลืออยู่เพราะอีกข้างใช้กุมหน้าอกทะลวงจากด้านหลังจนทะลุหน้าอกด้านหน้าของขุนพลเอก ก่อนจะค่อยๆ ดึงแขนที่เต็มไปด้วยเลือดสดกลับคืน กดศีรษะชายร่างกำยำที่ตายตาไม่หลับเอาไว้ เพียงผลักเบาๆ ศพของอีกฝ่ายก็พ้นทาง เพียงไม่นานหัวใจดวงนั้นกลายมาเป็นโอสถสีแดงสดขนาดเท่าไข่ห่าน ชายชุดดำจึงโยนใส่ปากแล้วกลืนลงท้องไปอย่างรวดเร็ว

เด็กหนุ่มชุดขาวยังรักษาคำพูดจึงเก็บเท้าข้างนั้นกลับคืนอย่างไม่เต็มใจนัก

เขามองไปยังหนึ่งผู้เฒ่าสองเด็กหนุ่มของพรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์ยิ้มๆ “รู้จักข้าหรือไม่?”

ผู้อาวุโสฝ่ายนอกของพรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์ลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน กุมมือก้มหน้ากล่าวว่า “ก่อนหน้านี้พวกเรามีตาแต่ไม่มีแวว หวังว่าเซียนซือจะให้อภัย ข้าขอเชิญเซียนซือไปเป็นแขกที่พรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา…”

ไม่รอให้ผู้เฒ่าผมขาวกล่าวจบ เด็กหนุ่มก็เริ่มออกคำสั่งอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นก็ควักลูกตาออกมา”

นาทีถัดมาในมือของชายชุดดำก็มีดวงตาเพิ่มมาอีกคู่หนึ่ง ผู้เฒ่ายกสองมือกุมใบหน้า ระหว่างร่องนิ้วมีเลือดสดทะลักอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้เฒ่ากลับกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างแรง พยายามสุดชีวิตที่จะไม่ให้ตัวเองแผดเสียงออกมา

เด็กหนุ่มชุดขาวปรายตามองเด็กหนุ่มของพรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์สองคนที่สีหน้าซีดขาว “ถือว่าลูกหมาอย่างพวกเจ้าโชคดีที่ที่นี่คือแคว้นหวงถิง ไม่ใช่แผ่นดินของต้าหลี”

นักพรตหนุ่มสองคนที่มีอนาคตกว้างไกลโล่งอกได้เล็กน้อย

แต่เด็กหนุ่มกลับพูดอีกว่า “แต่พวกเจ้าก็ไม่ได้โชคดีถึงขนาดไหน พรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่เจ้าประมุขยันผู้อาวุโสทุกคนเป็นพวกโง่เง่ากันแทบทั้งหมด ยืนกรานที่จะจงรักภักดีต่อสกุลหงแคว้นหวงถิง ดังนั้นพวกเจ้าก็ตายไปด้วยกันให้หมดนั่นแหละ”

เป็นครั้งแรกที่ชายชุดดำลังเลที่จะลงมือ

เด็กหนุ่มยืนสองมือไพล่หลัง หัวเราะพรืด “จวนมหาวารีของพวกเจ้าสร้างสถานการณ์ครั้งนี้ขึ้นมา นอกจากจะหยั่งเชิงว่าผู้พิทักษ์เมืองฉลาดพอหรือไม่ ยังเป็นเพราะเจ้าแน่ใจมานานแล้วว่าพรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับฮ่องเต้สกุลหงแคว้นหวงถิง ถือเป็นตั๊กแตนบนเชือกเส้นเดียวกัน (คล้ายสำนวนไทยลงเรือลำเดียวกัน) แต่เจ้ากลับไม่ยอมฝังร่างอยู่ใต้กีบเท้าม้าเหล็กของกองทัพต้าหลีไปพร้อมกับพรรคทำนองศักดิ์สิทธิ์และสกุลหงแคว้นต้าหลีที่โง่เขลาเบาปัญญา ถึงได้จงใจใช้โอกาสนี้ตัดขาดผลบุญควันธูปน้อยนิดที่มีร่วมกันในอดีตทิ้ง ยามที่กองทัพต้าหลีบุกลงใต้ สกุลหงถูกฆ่าล้างพินาศวอดวายแล้ว จวนมหาวารีของเจ้าจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนโดนลูกหลงของไฟสงครามไปด้วย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!