ผู้เฒ่าเงยหน้ามองเด็กหนุ่ม “ดังนั้นตอนนี้ข้าจึงกำลังตามหาคำสองคำ ตามลำดับ”
ผู้เฒ่าพูดกับตัวเอง “ข้าแค่อยากให้หมื่นสรรพสิ่งหมื่นเรื่องราวบนโลกใบนี้จัดระเบียบลำดับขั้นตอนได้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่นความน่ารังเกียจน่าสงสารนั้น ปมของปัญหาอยู่ที่ใด อยู่ที่มาตรฐานการตัดสินความ ‘น่ารังเกียจ’ ‘น่าสงสาร’ ที่หลี่เซิ่งได้สั่งสอนคนบนโลกมามากพอแล้ว แต่คนบนโลกกลับไม่เข้าใจเรื่อง ‘การแบ่งแยกก่อนหลัง’ ขนาด ‘ความน่ารังเกียจ’ เจ้าก็ยังไม่อาจเข้าใจอย่างชัดเจนก็วิ่งไปให้ความสนใจ ‘ความน่าสงสาร’ แล้ว แบบนี้จะได้อย่างไร? ถูกไหม?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ
ผู้เฒ่าถามยิ้มๆ “ลำพังเพียงแค่ฟังอย่างเดียว คำว่าตามลำดับนี้ยังอยู่ห่างจากคำว่าความมีระเบียบมากเลยใช่ไหม?”
เฉินผิงอันขมวดคิ้วแน่น
ผู้เฒ่าหัวเราะร่าเสียงดัง แล้วก็ไม่สนใจว่าเด็กหนุ่มจะเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ยกเหล้าขึ้นดื่มอย่างสบายอุรา “หากเอาสองคำนี้ไปวางไว้ในกระท่อมมุงแฝกผุพังของหลี่เซิ่ง แน่นอนว่าคงได้แค่ช่วยปะชุนซ่อมแซมให้เท่านั้น ต่อให้ตายข้าก็เป็นได้แค่ช่างซ่อมคุณธรรม พิธีการและดนตรีเท่านั้น แต่หากเอาสองคำนี้ไปวางไว้ในสถานที่ที่กว้างขวางกว่า ยาวไกลยิ่งกว่า ถ้าแบบนั้นก็ร้ายกาจนักล่ะ”
เฉินผิงอันถาม “ที่ไหน?”
ผู้เฒ่ายกไหเหล้าขึ้นมาวางกลางโต๊ะ จากนั้นแบฝ่ามือถูลงบนโต๊ะหนักๆ “หากมองตามนี้ กระท่อมผุพังอย่างไหเหล้านี้ก็เป็นแค่หนึ่งในสถานที่พักเท้าท่ามกลางแม่น้ำแห่งกาลเวลาอันยาวไกลเท่านั้น แต่ว่า”
ผู้เฒ่าหยุดชะงักไปครู่แล้วคลี่ยิ้มน้อยๆ “แม่น้ำแห่งกาลเวลาเส้นนี้มีสภาพการณ์เป็นแบบไหน ประเด็นคือต้องดูที่ท้องน้ำ แม้จะบอกว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็หนุนนำกัน ทว่าขณะเดียวกันก็มี ‘สังขตธรรม’ อยู่อย่างแท้จริง บนโลกใบนี้มีคำพูดมากมาย ล่องตามกระแส คล้อยไปตามสถานการณ์ ข้าจึงอยากจะทดลองดู”
เฉินผิงอันถาม “หลี่เซิ่งต้องการให้คนมีชีวิตอยู่อย่างมั่นคงในระเบียบกฎเกณฑ์ บางครั้งจึงจำเป็นต้องเสียสละ…เสรีภาพอย่างสมบูรณ์แบบของคนส่วนน้อย? แต่ท่านผู้เฒ่านั้นหวังให้ทุกคนเดินไปบนมหามรรคาที่ท่านวาดขึ้นตามลำดับขั้นตอน?”
ผู้เฒ่าเอ่ยเสริมด้วยรอยยิ้ม “อย่าได้คิดว่าข้าชี้ไม้ชี้มือบงการผู้อื่น ลำดับขั้นตอนของข้าไม่มีทางเกินขอบเขต ขอแค่ทุ่มเทบนต้นกำเนิดมหามรรคา หลังจากนั้นกระแสน้ำแยกสาขาออกไป ต่างฝ่ายต่างไหลลงสู่มหาสมุทร หรือไปรวมกันกลางทาง กลายมาเป็นทะเลสาบก็ดี ไหลรินต่อไปก็ช่าง ล้วนมีอิสระเสรีเป็นของตัวเอง”
ผู้เฒ่าโน้มไปข้างหน้า หยิบไหเหล้าขึ้นมาดื่มหนึ่งอึกแล้วถามยิ้มๆ “เฉินผิงอัน เจ้าคิดว่าอย่างไร? จะยินดีทำตามการจัดการของฉีจิ้งชุน กลายมาเป็นลูกศิษย์ของข้าหรือไม่?”
เฉินผิงอันทำท่าลังเลจะพูดไม่พูดเป็นครั้งที่สอง
ผู้เฒ่ายิ้มบางๆ รอยยิ้มนั้นอ่อนโยนปราณี เอ่ยย้ำอีกครั้ง “แค่พูดสิ่งที่เจ้าคิดออกมา ไม่ต้องสนว่าผิดหรือถูก ที่นี่ไม่มีคนนอก”
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ยืดเอวตั้งตรง สองหมัดวางบนหัวเข่า กล่าวขึงขัง “เพราะข้าไม่เคยเรียนหนังสืออย่างจริงจังมาก่อน ความมีระเบียบของหลี่เซิ่งคืออะไร ข้าไม่รู้ ลำดับขั้นตอนของท่านผู้เฒ่า ข้าก็ยิ่งไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของมัน”
ผู้เฒ่ายิ้มบางๆ “พูดต่อเลย พูดออกมาตามใจคิด ตอนที่ข้ามีชีวิตอยู่ก็เคยพบเจอคนที่เลวร้ายมากๆ และเรื่องที่ย่ำแย่มากๆ มาแล้ว ฝึกขัดเกลาตัวเองจนนิสัยดีมากแล้วล่ะ”
สายตาของเฉินผิงอันยิ่งทอแสงเจิดจ้า “ตอนอยู่ในเมืองเล็ก ข้าสังหารไช่จินเจี่ยนเพื่อตัวเอง ข้าสู้สุดชีวิตกับวานรย้ายภูเขาเพื่อสหายอย่างหลิวเสี้ยนหยาง ภายหลังรับปากอาจารย์ฉีว่าจะคุ้มครองพวกหลี่เป่าผิงไปขอศึกษาต่อ หลังจากนั้นก็รับปากพี่สาวเทพเซียนว่าจะต้องกลายเป็นผู้ฝึกลมปราณให้ได้ เรื่องพวกนี้ข้าทำอย่างสบายใจ เมื่อพยักหน้ารับแล้วก็แค่ทำตามคำพูดตัวเอง ไม่จำเป็นต้องคิดถึงอะไรมากมาย”
เฉินผิงอันกล่าวต่อ “ก่อนหน้านี้ท่านผู้เฒ่าพูดหลายอย่าง ข้าเองก็ตั้งใจรับฟังมาโดยตลอด เรื่องบางเรื่องที่พอคิดๆ ดูแล้ว ข้าก็รู้สึกว่ามีเหตุผลมาก ยกตัวอย่างเช่นเรื่องความน่ารังเกียจน่าสงสารที่ข้าเห็นด้วยอย่างมาก ไม่ควรลำดับผิดพลาด ดังนั้นข้าจึงอยากบอกว่า ตอนนั้นข้าอยากจะสังหารผีสาวสวมชุดแต่งงานมากๆ ตอนนี้ก็ยิ่งอยากฆ่านางมากกว่าเดิม และวันหน้าต้องฆ่านางให้ได้ ข้าอยากบอกกับนางว่า ต่อให้เจ้าจะน้อยเนื้อต่ำใจมากแค่ไหน ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าส่งต่อความเจ็บปวดของตัวเองให้กับคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ข้าอยากบอกกับนางด้วยตัวเองว่า เจ้ามีจุดที่น่าสงสารอยู่ก็จริง แต่เจ้าก็สมควรตาย!”
เด็กหนุ่มตรอกหนีผิงที่มอบความรู้สึกอ่อนโยนอบอุ่นให้แก่ผู้คนมาโดยตลอด เวลานี้กลับแผ่ประกายเฉียบคมน่ากริ่งเกรง
เฉินผิงอันเอ่ยเนิบช้าด้วยน้ำเสียงที่ยิ่งเด็ดเดี่ยว “แต่เรื่องบางเรื่องที่ข้าไม่เข้าใจ ถึงขั้นที่ว่าต่อให้เป็นตลอดชีวิตข้าก็คงไม่มีทางคิดไปไกลขนาดนั้น ข้าก็จะไม่มีทางถือไว้ในมือตัวเอง เพราะหากแม้แต่ตัวข้าเองก็ยังรู้สึกว่าไม่สามารถทำได้ แล้วทำไมยังต้องรับปากคนอื่น? เพราะรู้สึกเกรงใจงั้นหรือ? เพราะหากไม่รับปากจะทำให้คนอื่นผิดหวัง? แต่คำตอบของคำถามนี้กลับง่ายมาก เจ้ารับปากไปแล้ว แต่กลับไม่เคยมีความมั่นใจว่าจะทำได้ หากวันหน้าไม่ทำตามที่พูดจะไม่ยิ่งทำให้คนอื่นผิดหวังมากกว่าเดิมหรอกหรือ?”
ซิ่วไฉเฒ่าหุบยิ้ม สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ขบคิดอยู่ชั่วครู่ก็เริ่มเหม่อลอย ยื่นนิ้วออกมาสองนิ้วคล้ายกำลังคีบถั่วลิสงเม็ดหนึ่งขึ้นมาจากจานตามความเคยชิน
ในลานขนาดเล็ก สตรีร่างสูงใหญ่ยิ้มตาหยี
ก่อนหน้านี้ตอนที่นางแสร้งทำท่าหม่นหมองเสียใจ เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ปฏิเสธนางด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยเหตุผลหรอกหรือ?
หากเปลี่ยนมาเป็นหม่าขู่เสวียนหรือพวกเซี่ยสือ เฉาซีล่ะ?
ยอมเสี่ยงสร้างความขุ่นเคืองให้กับวิญญาณกระบี่ที่มีชีวิตอยู่มาหนึ่งหมื่นปี และวันหน้ายังต้องพึ่งพากันและกันเพียงเพื่อเด็กสาวคนหนึ่งที่อยู่ไกลสุดขอบฟ้า อีกทั้งยังรู้จักกันได้แค่หนึ่งเดือน?
นี่ใช่เรื่องเล็กหรือ?
เป็นเรื่องเล็ก
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ไร้ความสำคัญ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!