กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 172

กระบี่จงมา – บทที่ 172.2 พบเจอความอยุติธรรมบนเส้นทางแห่งยุทธภพ
บทที่ 172.2 พบเจอความอยุติธรรมบนเส้นทางแห่งยุทธภพ
โดย
ProjectZyphon
ชายฉกรรจ์ร่างกำยำถูกเด็กหนุ่มรองเท้าแตะชิงลงมือตัดหน้าไปก้าวหนึ่ง ตอนแรกเขาอึ้งตะลึงอยู่กับการลงมือที่รวดเร็วดุจสายฟ้าคำรามของเด็กหนุ่ม จากนั้นก็กลัวว่าหากฝ่ายตนร่วมมือกันใช้พลังสังหารที่รุนแรงจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์ จึงตกอยู่ในสภาะเลือกไม่ถูกไปชั่วขณะ ได้แต่ทำมือบอกให้พันธมิตรที่อยู่ด้านหลังล้อมปีศาจเฒ่าไว้ให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน ส่วนตัวชายร่างกำยำเองขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายต่ออีกครั้ง ป้องกันไม่ให้เด็กหนุ่มฆ่าปีศาจเฒ่าไม่ได้แล้วกลับกลายมาเป็นอาหารที่นังปีศาจเฒ่าใช้เพิ่มลมปราณเสียเอง

เมื่อเทียบกับเด็กรุ่นหลังของยุทธภพที่บุ่มบ่ามวู่วามแล้ว ชายฉกรรจ์กลับถูกชะตากับเด็กหนุ่มที่มองดูเหมือนเพิกเฉยเย็นชา แต่ลงมือเฉียบขาดดุดันผู้นี้มากกว่า

เดินทางท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร พบเจอภูตผีปีศาจคือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แต่การมีสายตาที่เฉียบไวมากพอหรือไม่นั้นกลับสำคัญยิ่งกว่าความสามารถที่มีมากหรือน้อยเสียอีก มีความสามารถเท่าไหร่ก็ทำเรื่องที่ใหญ่เท่ากับความสามารถ อย่าได้หาเรื่องใส่ตัวส่งเดช นี่ต่างหากถึงจะเป็นต้นทุนของการมีอายุขัยยืนยาวนับร้อยปี

ชายฉกรรจ์ชื่นชมในความมีคุณธรรมน้ำใจของชายหญิงเหล่านั้น แต่ก็โมโหในความหุนหันไม่รู้ความของพวกเขาอยู่มาก

สตรีแต่งงานแล้วที่โฉมหน้าเย้ายวนยังคงไม่ยอมปล่อยแขนชายหนุ่มคนนั้น หลังจากเสียเปรียบไปแล้ว คราวนี้จึงไม่กล้าประมาทอีก รีบเบี่ยงตัวหันข้างอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มน่ารังเกียจคนนั้นเหวี่ยงหมัดต่อยมาอีกครั้ง จึงถีบใส่เขาเต็มกำลังเท้า ก่อให้เกิดเสียงลมพร้อมเสียงฟ้าคำราม แม้แต่ก้อนหินบนหน้าผาก็ยังหลุดออกจากซอกเพราะเท้านี้ของนาง

เด็กหนุ่มสีหน้าเด็ดเดี่ยว ฝีเท้าของเขาเบาและว่องไวเป็นพิเศษ ไม่ได้พุ่งไปข้างหน้าเป็นแนวเส้นตรงอีก แต่ขยับเบี่ยงไปด้านข้างในเสี้ยววินาที หลบการเตะที่ดุดันนั้นมาได้ ขณะเดียวกันก็ก้มตัวลงต่ำ ยกแขนขึ้นตั้งเสมอไหล่ป้องกันเผื่อสตรีแต่งงานแล้วฟาดเท้าปาดเข้ามา แล้วพุ่งไปข้างหน้าต่อเพื่อเหวี่ยงหมัดใส่อีกฝ่าย

นี่ถึงทำให้สตรีแต่งงานแล้วมองตื้นลึกหนาบางของเด็กหนุ่มออก หมัดนี้มองดูเหมือนเรียบง่ายไม่มีอะไรอัศจรรย์ แต่แท้ที่จริงแล้วกลับมีสัจธรรมแห่งวิชาหมัดไหลเวียนวน มิน่าเล่าก่อนหน้านี้ถึงทำร้ายตนได้

ชายฉกรรจ์ผู้นั้นตวาดก้อง “อย่าหวังว่าจะทำร้ายใครได้อีก!”

เห็นเพียงว่าหมัดหนึ่งของชายฉกรรจ์กระแทกลงบนความว่างเปล่า พายุหมุนพัดแหวกอากาศพุ่งจู่โจมเข้าใส่ศีรษะของสตรีแต่งงานแล้ว

แล้วก็มีโซ่ตรวนสีขาวหิมะที่ไม่อาจจับต้องได้จริงพุ่งพรวดออกมาจากชายแขนเสื้อของคนผู้หนึ่งที่อยู่ด้านหลังชายฉกรรจ์

และยังมีชายที่สะพายกระบี่ไม้ท้อคนหนึ่งประกบนิ้วเข้าหากัน หันไปตะโกนคำว่าเร็วใส่สตรีแต่งงานแล้ว กระบี่ไม้ท้อที่เตรียมพร้อมรออยู่แล้วพุ่งออกจากฝัก บินทะยานสู่อากาศสูง แล้ววาดเส้นโค้งดิ่งเข้าหาลำคอของสตรีแต่งงานแล้ว

“นึกว่าข้าผู้อาวุโสรังแกได้ง่ายจริงๆ น่ะรึ?! ที่ข้าผู้อาวุโสอดทนกับพวกเจ้ามาตลอดระยะทางสองร้อยลี้เพราะต้องการอะไร?!”

สตรีแต่งงานแล้วหัวเราะอย่างกำเริบเสิบสาน เป็นอย่างที่เด็กหนุ่มรองเท้าแตะคาดการณ์ พอถีบไม่โดน นางก็ฟาดขาเหวี่ยงไปที่ไหล่ของเด็กหนุ่ม ขณะเดียวกันด้านหลังของนางก็มีภาพมายาหางยาวสีแดงสดลักษณะคล้ายกับหางเตียวและจิ้งจอกจำแลงขึ้นมาสามหาง แต่ละหางแยกกันไปขัดขวางพายุหมัดของชายร่างกำยำ โซ่ตรวนที่พุ่งออกมาจากชายแขนเสื้อและกระบี่ไม้ท้อที่แหวกอากาศมาถึง แม้ว่าหางยาวจะอาบเลือดเพราะการกระทำนี้ แต่สุดท้ายก็ขัดขวางการโจมตีดุดันที่พุ่งเข้ามาอย่างพร้อมเพรียงกันไว้ได้

นางโยนแขนที่บาดแผลลึกจนเห็นกระดูกของชายหนุ่มผู้นั้นทิ้งไป เอามืออีกข้างคว้าหมัดของเด็กหนุ่ม อดทนกับความเจ็บปวดแสบร้าวจากกลางฝ่ามือ อีกมือหนึ่งจิ้มนิ้วไปยังหว่างคิ้วของเด็กหนุ่มเบาๆ สตรีแต่งงานแล้วคิดอย่างเดือดดาลว่าต้องจิ้มให้ทะลุมันสมองของเด็กหนุ่มถึงจะหายแค้น นางมีใจระแวงต่อเด็กหนุ่มอยู่บ้าง ทว่าศัตรูร้ายที่จะตัดสินความเป็นความตายอย่างแท้จริงยังคงไม่ใช่เด็กหนุ่ม เส้นสายตาของนางมองข้ามไปยังจุดห่างไกลด้านหลังวัดโบราณร้างผุพังแล้วเอ่ยยิ้มๆ “ไงล่ะสหายเก่า จะยอมทนเห็นบุตรสาวของเจ้าถูกคนนอกรังแกคาตาอย่างนี้น่ะหรือ?!”

คาดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะเจ้าเล่ห์รับมือยากอย่างยิ่ง เขาที่หมัดถูกสตรีแต่งงานแล้วจับไว้แน่นหงายตัวไปด้านหลัง เท้าสองข้างถีบไปที่หน้าท้องของสตรีแต่งงานแล้ว ด้วยได้รับความเจ็บปวดเป็นระลอกนางจึงเผลอดึงมือกลับโดยอัตโนมัติ ไม่ได้ไล่ตามไปฆ่าเด็กหนุ่มคนนั้น เพียงเลิกคิ้วใส่เขา “อีกเดี๋ยวค่อยกลับมาจัดการเจ้า ฮูหยินอย่างข้าขึ้นชื่อเรื่องจิตใจเมตตาดุจพระโพธิสัตว์ รับรองว่าเจ้าจะมีความสุขสุดขีด ก่อนตายยังต้องรู้สึกเจ็บใจที่ตัวเองไม่มีหลายชีวิตให้เสวยสุข!”

ชายร่างกำยำเหมือนยกภูเขาออกจากอก อดหันไปชูนิ้วโป้งให้เด็กหนุ่ม เอ่ยชมพร้อมเสียงหัวเราะร่าไม่ได้ “เยี่ยมมาก!”

หลังจากถอยกลับมาได้อย่างปลอดภัย เฉินผิงอันก็สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูที่อันที่จริงจริงก็พุ่งออกมาจากวัดร้างนานแล้วเกือบจะปล่อยโฮ “นายท่านๆ ไอ้หมอนั่นบอกให้ข้ามาปกป้องท่าน ส่วนเขาไปรับมือกับคนที่ร้ายกาจกว่า แต่ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะต่อสู้อย่างไร นายท่านข้าขอโทษ เป็นเพราะข้าไร้ประโยชน์…”

เฉินผิงอันจ้องมองไปยังสตรีแต่งงานแล้วตลอดเวลา แต่กลับยื่นมือมาตบศีรษะเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูเบาๆ กล่าวปลอบใจว่า “ไม่เป็นไร คราวหน้าระวังตัวหน่อยก็พอ”

เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูที่ซ่อนตัวฝึกตนอยู่ในหอหนังสือมาตั้งแต่เด็กยิ่งละอายใจ จึงร้องไห้จ้าเสียงดังทันใด

ชายฉกรรจ์เอ่ยเตือนเบาๆ “ในสันตะขาบแห่งนี้ยังมีปีศาจบำเพ็ญตนที่ตบะสูงล้ำอยู่อีก พวกเราค่อยหาโอกาสเหมาะๆ ลงมือ หากไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยก็ต้องปกป้องเด็กๆ พวกนี้ไว้ก่อนแล้วค่อยถอยหนี”

ทุกคนพยักหน้ารับ แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าหากพบเจอกับผลลัพธ์ที่เลวร้ายเช่นนั้นแล้วยังต้องทำให้ได้อย่างที่ว่า เป็นเรื่องยากยิ่งกว่าเดินขึ้นสวรรค์ แต่ก็ยังไม่มีใครเห็นต่าง

การไล่ฆ่าปีศาจตลอดทางที่ผ่านมานี้อันตรายเกินไป หากไม่เป็นเพราะมีคาถาชุบชีวิตของผู้เฒ่าชุดดำ คงมีคนในกลุ่มบาดเจ็บล้มตายกันไปนานแล้ว บวกกับที่ปีศาจตนนั้นมีโทษมหันต์ ภายใต้สถานการณ์ที่ภาพรวมมั่นคงดีแล้ว พวกเขาจะ “พูดจาหยาบโลน” ใส่สตรีแต่งงานแล้วไปอีกทำไม ล้วนเป็นเพราะเคียดแค้นเกินจะทน อยากจะจับนางมาลงหม้อตุ๋นจริงๆ ถึงจะสาแก่ใจ

หยอกเย้าอย่างลำพองใจเสร็จ สตรีแต่งงานแล้วก็พบว่าห่างออกไปไกลไม่มีความผิดปกติ ตามหลักแล้วด้วยนิสัยของเจ้าหมีโง่นั่นควรจะเปิดฉากเดินขึ้นเวทีอย่างอลังการจนฟ้าสะท้านดินสะเทือนถึงจะถูก นางพลันร้อนใจ กรีดร้องเสียงแหลม “คนล่ะ?!”

ผืนป่าด้านหลังวัดร้างที่ห่างไปไกล ชายร่างยักษ์ล่ำสันตัวสูงจั้งกว่า สองมือถือขวานมองไปยังเด็กชายชุดเขียวที่อยู่ห่างไปสิบกว่าก้าว อีกฝ่ายกำลังแสยะยิ้มแยกเขี้ยวให้เขา ทำสีหน้าน้ำลายไหลย้อยเหมือนอยากชิมอาหารเลิศรส ชวนให้ขบขัน

ปีศาจใหญ่แห่งขุนเขาร่างเท่าภูเขาลูกย่อมกลืนน้ำลายแล้วหันหลังเผ่นหนีทันที มันวิ่งห้ออย่างบ้าคลั่ง เจอภูเขาผ่าภูเขา เจอต้นไม้ฟันต้นไม้หักโค่น สุดท้ายถึงขนาดทิ้งขวาน กลับคืนสู่ร่างเดิม เห็นเป็นหมียักษ์ตัวหนึ่งใช้ทั้งขาหน้าและเท้าหลังควบตะกุยไปบนพื้นดิน เผ่นหนีหัวซุกหัวซุน

ไม่มีปีศาจหมียักษ์ที่มีพลังการต่อสู้มาเป็นกำลังเสริมอย่างที่คาดการณ์ไว้ สตรีแต่งงานแล้วที่คำนวณผิดพลาดเริ่มลนลาน ระหว่างการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามในช่วงหลัง ไม่ทันระวังจึงถูกพายุหมัดของชายฉกรรจ์กระแทกลงบนร่าง ผงะล้มลงบนพื้น จากนั้นก็ถูกกระบี่ไม้ท้อแทงเข้าที่ไหล่ โซ่ตรวนรัดพันกาย ตามมาด้วยอาวุธอาคมและเวทอภินิหารถาโถมเข้าใส่อีกหนึ่งระลอก สุดท้ายชายฉกรรจ์ที่เชี่ยวชาญวิชาหมัดก็เหยียบลงบนหน้าผากของสตรีแต่งงานแล้ว บังคับทำลายการโคจรในช่องโพรงลมปราณของนาง เหยียบให้ทั้งศีรษะของนางจมลงไปในดินโคลน

ครั้นชายฉกรรจ์ก็เรียกดาบสีเงินเล่มเล็กออกมาหนึ่งเล่ม แทงเข้าไปในหัวใจของสตรีแต่งงานแล้ว ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งคว้าคอของนางขึ้นมา แบกนางพาดไหล่ตัวเอง เดินเอาไปโยนไว้บนหลังม้า ชายฉกรรจ์มองเด็กชายชุดเขียวที่นั่งยองอยู่บนหลังคาของวัดร้างด้วยสายตาซับซ้อน สุดท้ายมองไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกายเด็กหญิงกระโปรงชมพูแล้วกุมมือคารวะ “วันหน้าคุณชายเดินทางอยู่ในยุทธภพต้องระวังตัวให้มาก เพราะอย่างไรซะบนภูเขาก็ไม่ได้มีแค่คนอย่างพวกเราเท่านั้น”

เฉินผิงอันเข้าใจความหมายของชายฉกรรจ์ได้อย่างรวดเร็ว ขอแค่เป็นเทพเซียนบนภูเขาที่มองร่างจริงของงูหลามข้างกายออก เกรงว่าคงจะลงมืออย่างไม่สนใจเหตุผล ไม่เหมือนคนอย่างพวกเขาที่หากไม่เจอคนทำชั่วก็จะไม่มีทางลงมือ เฉินผิงอันจึงกุมมือคารวะกลับ “ข้าจะระวังตัว”

ชายฉกรรจ์พลิกตัวขึ้นหลังม้า หันมามองแล้วเห็นว่าไม่มีวี่แววที่สตรีแต่งงานแล้วจะฟื้นขึ้นมา จึงหัวเราะเสียงดังชวนเฉินผิงอันคุย “วิชาหมัดไม่เลว มานะบากบั่นต่อไป!”

เฉินผิงอันนึกว่าคนผู้นี้ล้อเลียนตัวเองจึงยิ้มอย่างเขินอาย “วิชาหมัดของท่านผู้อาวุโสต่างหากที่ร้ายกาจอย่างแท้จริง”

ชายฉกรรจ์หัวเราะเสียงก้องกังวาน กุมมือคารวะเด็กหนุ่มโดยไม่พูดอะไรอีก เขาหันม้ากลับ เดินย้อนกลับไปทางเดิมพร้อมกับทุกคน การกำจัดปีศาจของพวกเขาครั้งนี้ไม่ได้ราบรื่นนัก แค่ล่อตัวศัตรูก็ต้องใช้เวลาไปเกินครึ่งเดือน หลังจากนั้นก็ไล่ฆ่ามาตลอดทางจนถึงตรงนี้ ซึ่งเป็นเวลาสองวันสองคืนแล้ว ต่อให้มีร่างกายและจิตใจของผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวขอบเขตห้าอย่างเขาก็ยังอดอ่อนล้าไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกลมปราณคนอื่นๆ ในกลุ่มเลย ต้องรีบกลับไปส่งมอบงานยังหน่วยราชการของเมือง ไม่ต้องพูดถึงว่าหลังจบเรื่องจะได้รับของรางวัลอย่างงามจากราชสำนักแคว้นหวงถิง กลับไปถึงสำนักของแต่ละคนก็จะถือว่าได้ทำความชอบอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน

ตอนที่ชายฉกรรจ์คนนั้นเดินสวนไหล่กับหญิงสาวก็กระชากเสียงพูดอย่างไม่พอใจ “คนดีคนเลวล้วนไม่ได้มีสลักบอกไว้ตรงหน้าผากให้พวกเจ้าได้เห็น วันหน้าอย่าได้บุ่มบ่ามวู่วามแบบนี้อีก ในเมื่อเลือกที่จะลงจากภูเขามาฝึกประสบการณ์ แม้มีความกล้าหาญน่านับถือ แต่ก็อย่าทำเรื่องโง่ๆ ให้คนในสำนักต้องคอยตามเช็ดตามล้างให้มากนัก”

แล้วทั้งสองฝ่ายก็จากลากันทั้งอย่างนี้

ชายหนุ่มไว้หนวดเคราตามหาดาบของตัวเองจนเจอ คนหนุ่มที่ถูกสตรีแต่งงานแล้วจับแขนมีสภาพอเนจอนาถที่สุด ต่อให้จะถูกโปะยาห้ามเลือด แต่เขาก็ยังร้องโหยหวนไม่หยุด แขนข้างหนึ่งโชกไปด้วยเลือด ผิวเนื้อแหลกเละ ดูท่าคงมีความเป็นไปได้เกินครึ่งที่แขนข้างนั้นจะใช้งานไม่ได้อีก

คนผู้หนึ่งหน้าซีดขาว ทนมองสภาพน่าเวทนาของเพื่อนไม่ไหวอีกต่อไป พลันเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มที่เดินไปทางวัดร้างจึงลุกขึ้นยืนแล้วด่าอย่างแค้นเคือง “เจ้ามันเป็นคนยังไงกัน ทำไมไม่ลงมือให้เร็วกว่านี้! หากมองพิรุธของปีศาจตนนั้นออกตั้งแต่แรก ทำไมไม่ยอมเอ่ยเตือนกันสักคำ?! หรือคิดจะรอดูเรื่องสนุกจากพวกเราอย่างเดียว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!