กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 182

กระบี่จงมา – บทที่ 182.1 เหตุผลอยู่ในฝักกระบี่
บทที่ 182.1 เหตุผลอยู่ในฝักกระบี่
โดย
ProjectZyphon
ตอนที่เฉินผิงอันกลับไปถึงบ้านบรรพบุรุษตรอกหนีผิง เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูกำลังถือไม้กวาดกวาดลานบ้าน เด็กชายชุดเขียวนอนฟุบอยู่บนขอบอ่างน้ำ กำลังอ้าปากกว้างใส่ผิวน้ำ ยังอยู่ห่างอีกสองจั้ง แต่กลับมีสายน้ำไหลทวนขึ้นมาข้างบนแล้วถูกเด็กชายชุดเขียวสูบเข้าไปในปาก ภาพนี้ไม่ต่างจากมังกรสูบน้ำ

เฉินผิงอันนั่งลงบนธรณีประตู เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูเห็นว่านายท่านของตัวเองดูแปลกไป จึงไม่ได้เปิดปากพูดอะไรที่เป็นการรบกวนอย่างคนเข้าใจผู้อื่นเป็นอย่างดี อันที่จริงลานบ้านถูกหร่วนซิ่วทำความสะอาดจนสะอาดสะอ้านมากแล้ว เพียงแต่เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูรู้สึกว่าหากไม่ทำอะไรสักหน่อย จิตใจก็ยากที่จะสงบ จะรู้สึกผิดต่อนายท่านที่มอบหินดีงูให้ตนอย่างใจกว้าง

เฉินผิงอันใจลอยไปไกล แล้วจู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องของซ่งจี๋ซินที่ชุยตงซานเคยพูดถึงขึ้นมาได้จึงลุกขึ้นยืน หยิบกุญแจบ้านพวงที่ซ่งจี๋ซินแอบโยนทิ้งไว้ในลานบ้านของตนก่อนจะออกไปจากเมืองเล็ก วิ่งไปเปิดประตูหน้าบ้านและประตูบ้านของบ้านที่อยู่ติดกัน แล้วก็เห็นว่าบนโต๊ะมีหนังสือสามเล่มวางเรียงซ้อนกันไว้ได้แก่หนังสือ ‘เสี่ยวเซวี๋ย’ ‘หลี่เยว่’ และ ‘กวานจื่อ’

เฉินผิงอันยกเก้าอี้มานั่งแล้วเปิดหนังสือ ‘เสี่ยวเซวี๋ย’ ออกอ่าน

ช่วงครึ่งหลังของการเดินทางไกลไปขอศึกษาต่อมีชุยตงซานมาร่วมเดินทาง จึงมักจะได้ยินเขาท่องตำราอยู่เป็นประจำ และนั่นถึงทำให้เฉินผิงอันได้รู้ถึงความไม่ธรรมดาของ ‘เสี่ยวเซวี๋ย’ หากอ่านแค่ชื่ออย่างผิวเผิน อาจจะรู้สึกว่านี่คือหนังสือที่มี ‘ความรู้น้อยมาก’ แต่ฟังจากคำพูดของชุยตงซานเวลาที่พูดคุยกัน สำหรับในโรงเรียนและในบรรดาอาจารย์ผู้สอนหนังสือบนโลกมนุษย์ ‘เสี่ยวเซวี๋ย’ ไม่มีทางถูกมองเป็นตำราสำหรับเด็กประถมวัยแน่นอน คาดว่าคงมีแค่อาจารย์ฉีเท่านั้นที่สามารถนำความคิดและสติปัญญาของปราชญ์เมธีที่ลึกซึ้งยากจะทำความเข้าใจมาถ่ายทอดด้วยภาษาง่ายๆ เป็นเหตุให้พวกหลี่เป่าผิงไม่เคยรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของ ‘เสี่ยวเซวี๋ย’

เฉินผิงอันไม่ได้เอาหนังสือทั้งสามเล่มกลับไปที่บ้านบรรพบุรุษของตน หลังเปิดอ่าน ‘เสี่ยวเซวี๋ย’ ไปได้สิบกว่าหน้าก็รู้สึกว่าด้วยความรู้เท่าหางอึ่งของเขา แค่จะเข้าใจอย่างครึ่งๆ กลางๆ ยังเป็นไปไม่ได้ หากจะให้ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งก็มีแต่จะยิ่งรู้สึกมึนงงหัวโต เหมือนตกอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก ไม่มีที่ให้หยัดยืน

เฉินผิงอันจึงได้แต่ปิดหนังสือ หยิบตัวอ่อนกระบี่สีเงินก้อนนั้นออกมาจากชายแขนเสื้อ กำไว้ในฝ่ามือเบาๆ แล้วนั่งเหม่อเหมือนตอนนั่งอยู่บนธรณีประตูบ้านตัวเองก่อนหน้านี้

สองครั้งที่เดินผ่านสะพานหินโค้ง ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ลางสังหรณ์ทำให้เฉินผิงอันตระหนักได้ว่านางจะหายตัวไปเป็นเวลาหกสิบปีเต็มเพื่อลับคมกระบี่กับแท่นสังหารมังกรครึ่งก้อนนั้นให้คมกริบจริงๆ ส่วนข้อที่ว่าแท่นสังหารมังกรถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนตั้งแต่แรก โดยต้องแบ่งให้กับกองกำลังสามฝ่ายอย่างหร่วนฉง ศาลลมหิมะและเขาเจินอู่ การที่นางทำแบบนี้ จะสร้างปัญหาหรือไม่ เฉินผิงอันไม่อาจคาดการณ์ได้ และยิ่งไม่สามารถยื่นมือเข้าแทรก

ค่ำคืนที่มีพายุหิมะในฤดูหนาวของปีนั้น มีเด็กสาวเป็นลมหมดสติอยู่หน้าบ้านของตน เฉินผิงอันช่วยนางเอาไว้ สุดท้ายนางกลับกลายไปเป็นสาวใช้ของซ่งจี๋ซิน เปลี่ยนชื่อจากหวังจูเป็นจื้อกุย สุดท้ายยังเดินทางไปเมืองหลวงพร้อมกับซ่งจี๋ซินที่ตัวตนแท้จริงคือองค์ชายต้าหลี

ที่ว่าการของผู้ตรวจการงานเตาเผา กรอบป้าย ‘ลมโชยน้ำขึ้น’ หน้าสะพาน บ่อโซ่เหล็กที่ลึกจนมองไม่เห็นก้น ต้นไหวโบราณที่ทุกใบล้วนมีการปกป้องจากร่มเงาของบรรพบุรุษ สุสานเทพเซียน ภูเขาเครื่องปั้นเก่าแก่…

และยิ่งไม่ต้องพูดถึงงูเจ้าที่และมังกรข้ามแม่น้ำทั้งหลายที่อยู่ในเมืองเล็ก

ยุ่งเหยิงวุ่นวาย

มิน่าเล่าหยางเหล่าโถวถึงบอกว่า ต้องมีสักวันที่เจ้าเฉินผิงอันจะค้นพบว่าเมืองเล็กแห่งนี้ใหญ่มากแค่ไหน

นึกถึงผู้เฒ่าร้านยาที่ยึดคติการซื้อขายอย่างยุติธรรมผู้นั้น สีหน้าของเฉินผิงอันก็หมองลง พ่นลมหายใจขุ่นมัวออกมาเบาๆ หนึ่งที กำตัวอ่อนกระบี่ที่อยู่ในฝ่ามือแน่นโดยไม่รู้ตัว หลังลุกขึ้นยืนก็เก็บตัวอ่อนกระบี่ไว้ในกระเป๋าตรงชายแขนเสื้อ เดินออกไปจากบ้านที่ซ่งจี๋ซินทอดทิ้งแล้วหลังนี้ ตอนที่กลับมาถึงบ้านของตัวเอง เฉินผิงอันมอบกุญแจบ้านของหลิวเสี้ยนหยางให้กับเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพู บอกให้พวกเขาสองคนย้ายไปอยู่ที่นั่น เพราะอย่างไรซะบ้านที่ตรอกหนีผิงหลังนี้ก็คับแคบเกินไป

เด็กชายชุดเขียวยังดื่มน้ำบ่อไม่อิ่ม จึงลุกขึ้นจากอ่างน้ำอย่างอิดออด แล้วจู่ๆ ก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้จึงถามว่า “นายท่าน ท่านไม่ได้เอาหินดีงูธรรมดาก้อนหนึ่งแลกกับขวดเฮง…ขวดมหัศจรรย์เหล่านั้นของข้าหรอกหรือ ในเมื่อท่านสนิทสนมกับแม่นางหร่วนขนาดนี้ ทำไมไม่มอบขวดเมฆหมอก ขวดแสงจันทร์ให้นางเป็นของขวัญเล่า? นายท่าน ด้วยประสบการณ์ที่ผงาดอยู่ในยุทธภพอย่างโชกโชนมาหลายร้อยปีของข้า สตรีใต้หล้านี้ ไม่ว่าจะมีสถานะสูงส่งแค่ไหนก็ล้วนชอบของฉูดฉาดสวยงามกันทั้งนั้น จะไม่ดีกว่าแผ่นไม้ไผ่ผุๆ แผ่นหนึ่งหรือ?”

เด็กชายชุดเขียวหัวเราะคิกๆ อย่างเจ้าเล่ห์ “ทำไม หรือนายท่านตัดใจยกขวดวิเศษเหล่านั้นให้หร่วนซิ่วไม่ลง? ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงต้องขอแนะนำนายท่านสักสองสามคำ หร่วนซิ่วเป็นถึงบุตรสาวโทนของอริยะสำนักการทหาร ต่อให้นายท่านมอบขวดหนึ่งหมื่นใบให้นางจนหมดตัว ก็ยังเป็นการค้าที่ได้กำไรอยู่ดี!”

เฉินผิงอันที่ช่วยจับหีบหนังสือให้เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูสะพายดีๆ ตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้ามองไม่ออกรึว่าช่างหร่วนไม่ชอบข้า?”

เด็กชายชุดเขียวย้อนนึกถึงสถานการณ์ตอนนั้นอย่างละเอียด ดูเหมือนว่านายท่านอริยะหน้าบูดผู้นั้นจะปฏิบัติต่อเฉินผิงอันอย่างไม่ร้อนไม่หนาวจริงๆ เด็กชายชุดเขียวจึงรีบช่วยพูดทวงความเป็นธรรมให้ทันที “เขาตาบอดหรือไง ถึงได้มองไม่เห็นว่าอนาคตของนายท่านปูด้วยผ้าแพร นายท่านอย่าโมโหเลยนะ โมโหแล้วไม่ดีต่อสุขภาพ ไม่คุ้มกัน…”

แล้วก็พลันนึกขึ้นได้ว่าหร่วนฉงคือเจ้าของฟ้าดินแห่งนี้ เมื่อเขาอยู่ที่นี่ก็เหมือนฮ่องเต้ที่นั่งบนบัลลังก์มังกร สถานที่แห่งนี้ก็ย่อมต้องเป็นผืนแผ่นดินของฮ่องเต้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงครอบครองวิชาอภินิหารมากมายที่ผู้อื่นมิอาจจินตนาการได้ถึง เด็กชายชุดเขียวรีบตบบ้องหูตัวเอง “คำพูดของเด็กไม่ควรถือสา คำพูดของเด็กไม่ควรถือสา นายท่านอริยะงีบหลับ ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น หากได้ยินก็โปรดอย่าถือโทษโกรธเคืองเลยนะ…”

เด็กชายชุดเขียวถามอีก “แต่จะมอบขวดให้กับหร่วนซิ่วหรือไม่ แล้วเกี่ยวอะไรกับอริยะหร่วนชอบหรือไม่ชอบนายท่านด้วยเล่า?”

เฉินผิงอันอธิบายง่ายๆ “หากข้ามอบขวดให้นางก็ต้องมอบให้ทั้งหมด ถึงเวลานั้นแม่นางหร่วนหอบขวดมากมายกลับบ้าน เป็นไปได้มากว่าช่างหร่วนจะพบเข้า แบบนั้นมีแต่จะยิ่งทำให้เขาเกลียดขี้หน้าข้ามากกว่าเดิม ไม่แน่ว่าอาจถึงขั้นเข้าใจผิดคิดว่าข้าคิดไม่ซื่อ อีกอย่างถ้าแม่นางหร่วนทะเลาะกับบิดานาง ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องดี”

เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูพยักหน้ารับอย่างกระจ่างแจ้ง “นายท่านคิดได้รอบคอบยิ่งนัก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!