กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 193

กระบี่จงมา – บทที่ 193 ร่วมแซ่แต่ต่างชะตา
บทที่ 193 ร่วมแซ่แต่ต่างชะตา
โดย
ProjectZyphon
โรงเรียนในเมืองเล็กมีผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยอยู่คนหนึ่งที่แม้จะเป็นอาจารย์สอนหนังสือ แต่กลับสวมอาภรณ์สกปรกมอมแมม เขามีนามว่าเฉินเจินหรง ชอบดื่มเหล้า พอเมาแล้วก็มักจะยื่นนิ้วชี้ไปยังความว่างเปล่าแล้วตวัดวาดอะไรบิดๆ เบี้ยวๆ เรื่อยเปื่อย ไม่มีใครรู้ว่าเขาเขียนหรือวาดภาพอะไรกันแน่ เวลาเมายังพูดจ้อไม่หยุด แต่ภาษาที่พูดไม่ใช่ทั้งภาษาทางการของต้าหลี และไม่ใช่ภาษาราชการของแจกันสมบัติทวีป สรุปคือไม่ว่าใครก็ฟังไม่รู้เรื่อง

แม้ผู้เฒ่าจะแซ่เฉิน แต่กลับไม่ได้มาจากสกุลเฉินเขตการปกครองหลงเหว่ย ทว่าเฉินซงเฟิงที่มีฐานะสูงส่งกลับให้ความเคารพนับถือผู้เฒ่าอย่างมาก แต่พวกอาจารย์ในโรงเรียนกลับมีทัศนคติที่ไม่ค่อยดีต่อเขาเท่าใดนัก

วันนี้ผู้เฒ่าสกปรกดื่มเหล้าอีกครั้ง เขาที่เนื้อตัวมีแต่กลิ่นเหล้าคละคลุ้งเดินผ่านสะพานหินโค้ง มุ่งหน้าไปยังร้านตีเหล็กพลางตะโกนเสียงดังด้วยภาษาของตัวเองว่า “มังกรโผนบินบนนภา เดี๋ยวก็โฉบเข้าใกล้ภูเขาหัวซาน (ภูเขาประจิมในห้าขุนเขาใหญ่) เดี๋ยวก็บินไปยังภูเขาซงซาน (ภูเขากลางในห้าขุนเขาใหญ่) โปรยฝนรสหวานให้แก่หมู่มวลมนุษย์ ในที่สุดเมื่อฝึกตนจนบรรลุผล ก็ควบคุมลมปราณแท้จริงของฟ้าดินท่องทะยานในห้วงจักรวาล!”

เมื่อมาหยุดอยู่นอกร้าน ผู้เฒ่าก็ยังพอจะรู้ว่าไม่ควรบุกเข้าไปทั้งอย่างนี้ เขาวิ่งไปล้างหน้าที่ลำคลองหลงซวี คงเพราะน้ำเย็นๆ แค่ไม่กี่มือวักไม่อาจชำระล้างความเมามายให้หายไปได้ ผู้เฒ่าจึงฟุบตัวลงนอนหมอบบนพื้นแล้วจุ่มศีรษะทั้งศีรษะลงไปในน้ำเย็น ส่ายสะบัดหน้าอย่างแรง สุดท้ายเงยหน้าพรวดขึ้นมาหัวเราะร่าเสียงดัง “สบายจริงๆ สบายจริงๆ!”

ผู้เฒ่าลุกขึ้นยืน แล้วจู่ๆ ก็ถอนหายใจ เพราะนึกถึงสภาพน่าอนาถของลูกหลานสกุลเฉินมากมายในเมืองเล็กขึ้นมา พวกเขาถึงขั้นไปเป็นข้ารับใช้ให้กับคนสกุลอื่น แม้ผู้เฒ่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา แล้วก็รู้ถึงความยากลำบากของโลกใบนี้ จึงไม่อาจกล่าวโทษลูกหลานสกุลเฉินทั้งหลายที่ทำให้บรรพบุรุษอับอายขายหน้า แต่จะอย่างไรซะก็เป็นคนแซ่เดียวกัน ความอัดอั้นของผู้เฒ่าจึงยากจะระบายออก ได้แต่เปิดจุกกาเหล้าอย่างสองจิตสองใจ หลังจากความคิดดีชั่วในหัวตีกันอยู่พักหนึ่งเขาก็กวาดตามองไปรอบด้าน จากนั้นถึงได้แอบดื่มเหล้าจิบเล็กอย่างลับๆ ล่อๆ ก่อนพึมพำว่า “หากเป็นที่อุตรกุรุทวีป ขอแค่เป็นลูกหลานสกุลเฉินที่ยังมีหลักฐานให้ตรวจสอบ ต่อให้มีสภาพตกต่ำแค่ไหนก็ไม่มีทางกลายเป็นวัวเป็นม้าให้คนอื่นได้ แบบนั้นย่อมทำให้สกุลเฉินผู้มากความรู้เสียหน้า”

ผู้เฒ่ากล่าวมาถึงตรงนี้ก็ตบบ้องหูของตัวเองอย่างไร้สาเหตุ “เจ้าเฒ่าหน้าไม่อาย แถมยังควบคุมปากของตัวเองไม่ได้ บอกแล้วว่าจะไม่ดื่มแต่ก็ยังดื่ม!”

หลังตบตัวเองแล้ว ผู้เฒ่าก็หัวเราะหึหึ ด้วยคิดว่าเมื่อไหแตกแล้วก็ทุบไหให้ละเอียดไปเลยจึงดื่มอีกสองอึก เพียงแต่ว่าดื่มเสร็จยังตบตัวเองแบบไม่เจ็บไม่คันอีกสองที

ดื่มเหล้าหมักที่ซื้อมาจากมือสาวงามไปสองอึกใหญ่ ในที่สุดผู้เฒ่าก็พึงพอใจ เดินตรงดิ่งเข้าไปในร้านตีเหล็ก ตะโกนเรียกชื่อหร่วนฉงเสียงดัง ไม่นานหร่วนฉงก็เดินออกมาจากเตาหลอมกระบี่แห่งหนึ่ง เขาปลดผ้าคลุมหนังวัวตรงเอวโยนไปให้เด็กหนุ่มคิ้วยาวที่เดินตามมาด้านหลัง

พอเห็นอริยะตระกูลหร่วนจากศาลลมหิมะผู้นี้ปรากฏตัว ผู้เฒ่าก็พูดจาหาเรื่องทันที “หร่วนฉง เจ้าสู้ฉีจิ้งชุนไม่ได้เลย เทียบฉีจิ้งชุนไม่ติดฝุ่นเลยสักนิด…”

หร่วนซงไม่ถือสากับเรื่องนี้ คล้ายชินกับนิสัยของอีกฝ่ายมานานแล้ว เขายังคงเงียบขรึมเหมือนเดิม ไม่คิดจะทักทายผู้เฒ่าสักคำด้วยซ้ำ กลับเป็นเด็กหนุ่มคิ้วยาวซึ่งยืนอยู่ด้านหลังเขาที่ขมวดคิ้ว ข่มกลั้นอารมณ์เอาไว้

หร่วนฉงเดินนำอยู่ข้างหน้า ผู้เฒ่าเดินเคียงไหล่ไปกับเขา และยังไม่ยอมปล่อยหูหร่วนฉงไปง่ายๆ ยังคงบ่นพึมพำเหมือนหญิงปากร้ายในตลาด คราวนี้ผู้เฒ่าเอ่ยด้วยภาษาทางการของอุตรกุรุทวีป ฟังแล้วให้ท่วงทำนองที่แตกต่าง “หร่วนฉง เจ้าดูอย่างฉีจิ้งชุนสิ สายบุ๋นของเขาถูกพวกเรามองเป็นปรปักษ์ แต่เขากลับยินดีใช้คุณธรรมตอบแทนความแค้น ช่วยดูแลต้นอบเชยต้นนั้น”

“หากเปลี่ยนมาเป็นข้าจะให้นังเด็กเฉินตุ้ยผู้นั้นได้เห็นต้นไม้บนหลุมศพก่อน หลังจากนั้นจะกระทืบให้เละ ปล่อยให้พวกเราดีใจเก้อไปซะ แบบนั้นจะไม่สะใจยิ่งกว่าหรือ? น่าเสียดายก็แต่ฉีจิ้งชุนคือสุภาพชนที่แท้จริง จึงไม่ทำเรื่องประเภทนี้”

“ดังนั้นตอนที่ใครบางคนไปพูดหลักการกับบรรพบุรุษของพวกเรา ต่อให้เขาจะขโมยดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งที่อยู่เหนือไหล่ของบุรพาจารย์เฒ่า บุรพาจารย์เฒ่าก็ยังไม่ยอมแตกหักกับเขา ปล่อยให้เขา ‘ยืมใช้’ ไปหนึ่งร้อยปี”

“แล้วเจ้าลองคิดดู ไม่ใช่ว่าข้าตำหนิเจ้าหรอกนะ แต่เจ้าน่ะหมดอาลัยตายอยากเกินไป ตบะก็ไม่มีการพัฒนา ถึงเวลาก็ได้แต่รับลูกหมาลูกแมวสองสามตัวมาเป็นลูกศิษย์เปิดภูเขา ยกตัวอย่างเช่นเจ้าเด็กคิ้วยาวผู้นี้ที่อาศัยแค่โชคชะตาของตระกูล จะมีช่วงเวลาที่ดีไปได้สักกี่ปีกัน? หนึ่งร้อยปี หรือว่าสองร้อยปี?”

ผู้เฒ่ากล่าวมาถึงตรงนี้ก็หันไปคลี่ยิ้มให้เด็กหนุ่มคิ้วยาว เดิมทีเด็กหนุ่มที่ฟังไม่ค่อยเข้าใจนักยังมีโทสะอยู่บ้าง เขาโมโหที่ผู้เฒ่าไม่ให้ความเคารพอาจารย์ของตนมากพอ แต่พอผู้เฒ่าหันมาเผยสีหน้าปราณีของผู้อาวุโสให้กับตน เด็กหนุ่มตระกูลเซี่ยที่ชอบไม้อ่อนไม่ชอบไม่นวมก็ได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ ไม่รู้ถึงความคิดชั่วร้ายที่มีอยู่เต็มท้องของจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้สักนิด แล้วก็ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงตัวเองในแง่ร้ายอยู่

ผู้เฒ่าเดินตามหร่วนฉงมาหยุดอยู่ใต้ชายคาบ้านหลังหนึ่ง ตรงนั้นมีเก้าอี้ไม้ไผ่ขนาดเล็กสีเขียวปลั่งวางอยู่หลายตัว พอคนทั้งสามนั่งลงแล้ว ผู้เฒ่าก็แค่นเสียงเย็น “นังเด็กที่นิ้วหายไปนิ้วหนึ่งผู้นั้นโง่เง่าเต่าตุ่นยิ่งนัก นางเป็นคนบนวิถีทางเดียวกับเจ้าจริงหรือ?”

“คนสุดท้ายนั่นยิ่งน่าขำ ปีศาจหมูป่าตัวหนึ่งกลับจำแลงร่างกลายเป็นคุณชายเยาว์วัยผู้หล่อเหลา ฮ่าๆ หร่วนฉงเอ๋ยหร่วนฉง เจ้าทำให้ข้าผู้อาวุโสอยากจะหัวร่อให้ฟันหัก เจ้าไม่รู้สึกขายหน้า แต่ข้ากลับอับอายแทนเจ้า!”

ในที่สุดหร่วนฉงก็เปิดปากพูด “พูดจบหรือยัง? พูดจบก็เชิญเจ้าดื่มเหล้า”

หร่วนฉงบอกให้เด็กหนุ่มตระกูลเซี่ยลุกขึ้นไปหยิบเหล้ามา

“จะเลี้ยงเหล้าข้า? แบบนี้ก็ดีสิ ไม่ใช่ข้าอยากดื่มเองเสียหน่อย ข้าก็แค่เข้าเมืองตาหลิ่วแล้วหลิ่วตาตาม เป็นแขกที่ตามใจเจ้าบ้าน นี่คือวิธีการรับรองแขกของอริยะเช่นเจ้า เหล้านี้ข้าต้องดื่ม ดื่มให้เต็มคราบ!”

ผู้เฒ่าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่หันมามองหร่วนฉง “แต่ดื่มเหล้าก็ส่วนดื่มเหล้า รับลูกศิษย์ก็ส่วนรับลูกศิษย์ ในเมื่อเจ้าออกจากภูเขาลูกเล็กอย่างศาลลมหิมะมาเปิดภูเขาตั้งสำนักเป็นของตัวเอง และตอนนี้ก็มีภูเขาของตัวเองแล้ว ก็ควรถึงเวลาที่จะปรึกษาเรื่องรับลูกศิษย์ใหญ่เปิดภูเขาได้แล้ว หากไม่ไหวจริงๆ ข้าผู้อาวุโสจะหาลูกศิษย์ให้เจ้าสามคน เปลี่ยนใหม่ เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด! ต่อให้เลือกเอาแค่จากกลุ่มลูกหลานสกุลเฉินแห่งอุตรกุรุทวีปของข้าที่เดียว ข้าก็รับรองได้ว่ายังไงก็ดีกว่าลูกศิษย์ในนามของเจ้าสามคนตอนนี้”

หร่วนฉงไม่มีความหวั่นไหว “ข้ารับลูกศิษย์ ไม่ได้ดูที่พรสวรรค์ ไม่ได้ดูที่ฐานกระดูก ดูแค่นิสัยใจคอเท่านั้น”

ผู้เฒ่ากล่าวอย่างมีโทสะ “ดีแต่พูดจาผลักภาระไร้แก่นสาร เจ้าหร่วนฉงก็คือก้อนหินเหม็นในห้องส้วม”

หร่วนฉงเอ่ยกลั้วยิ้มอย่างที่ไม่ค่อยจะเป็นบ่อยนัก “แล้วเจ้าเฉินเจินหรงจะมาเป็นเพื่อนกับข้าทำไม?”

ก่อนหน้านี้หร่วนฉงสามารถอาศัยสถานะของสำนักการทหารรับช่วงต่อดูแลถ้ำสวรรค์หลีจูมาจากฉีจิ้งชุนแห่งลัทธิขงจื๊อได้นั้น แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับขอบเขตที่สูงมากของหร่วนฉง แต่ในความเป็นจริงแล้วสกุลเฉินผู้มากความรู้กลับออกแรงอยู่เบื้องหลังไปไม่น้อย

หร่วนฉงไม่ปฏิเสธเรื่องนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!