กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 194

สรุปบท บทที่ 194.2: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปตอน บทที่ 194.2 – จากเรื่อง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

ตอน บทที่ 194.2 ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

กระบี่จงมา – บทที่ 194.2 กำจัดปีศาจและปราบมาร
บทที่ 194.2 กำจัดปีศาจและปราบมาร
โดย
ProjectZyphon
ร่างจิ้งจอกสีแดงเพลิงที่อยู่บนศีรษะเฉาจวิ้นระเบิดเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นก็กลับคืนสภาพเดิมอยู่บนหลังคา เพียงแต่ว่าชั่วเสี้ยววินาทีร่างของมันก็ระเบิดอีกครั้ง เป็นอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมา จากหลังคาบ้านบรรพบุรุษตระกูลเฉาไปจนถึงบ้านข้างๆ แล้วก็ลากยาวไปเรื่อยจนกระทั่งออกจากตรอกหนีผิง จิ้งจอกแดงเพลิงถึงพ้นจากหายนะ ประกายสดใสในดวงตาของมันหม่นมัว เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันนั่งขัดสมาธิอยู่บนชายคาบ้านหลังหนึ่งแล้วเริ่มเข้าฌานทำสมิ

เฉาซีไม่มีเมล็ดแตงให้แทะแล้ว จึงปัดมือลุกขึ้นยืน เดินกลับเข้าไปในลานบ้านพร้อมสั่งความเฉาจวิ้น “ช่วงนี้เจ้าก็เลิกร้อนรุ่มวุ่นวายใจได้แล้ว ตอนนี้ราชวงศ์ต้าหลีคือสถานที่ที่ต้องช่วงชิง ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิด”

เฉาจวิ้นเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “เข้าใจแล้ว”

“เข้า ใจ แล้ว?”

เฉาซีเน้นย้ำทีละคำ สุดท้ายหัวเราะหยัน “สามคำนี้ เจ้าไม่มีสิทธิ์พูดออกมาจากปากด้วยซ้ำ” (เข้าใจแล้วในที่นี้คือ 知道了หากแยกทีละคำจะแปลว่า รู้/เข้าใจ ในมรรคา แล้ว)

เฉาจวิ้นเอ่ยอย่างไม่แยแสโลก “รู้แล้วน่า”

เฉาซีก้าวยาวๆ เข้าไปในบ้านพลางสบถอย่างเคียดแค้น “สวะขอบเขตเก้า!”

เฉาจวิ้นสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน

เฉินผิงอันเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูบ้านของบ้านติดกัน ยื่นถังน้ำคืนให้กับเด็กสาว ถามชวนคุย “ซ่งจี๋ซินไม่ได้กลับมาด้วยหรือ?”

นางตอบไม่ตรงคำถาม “แม่ไก่กับลูกเจี๊ยบฝูงนั้นของข้าอยู่ที่ไหน?”

เฉินผิงอันทำหน้าเหรอหลา “ข้าไม่รู้หรอก”

เด็กสาวมองประเมินเด็กหนุ่มอย่างละเอียดแล้วพลันยิ้มกว้างสดใส ไม่ซักไซ้ถามเรื่องเดิมอีก แต่นางยื่นนิ้วออกมาสองนิ้ว ทำมือวาดท่าประกอบ “ตอนนี้ซ่งมู่สูงกว่าเจ้าตั้งเท่านี้แล้ว”

เฉินผิงอันร้องอ้อหนึ่งทีแล้วหมุนตัวเดินกลับบ้านตัวเอง

เขาเพิ่งจะไขกุญแจเดินเข้าไปในบ้าน ก็เห็นทันทีว่าตัวอักษร ‘ฝู’ กลับหัวที่แปะไว้เหนือประตูบ้านตัวเองหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาพลันโมโหเดือดดาล เดินดิ่งเข้าไปที่กำแพงบ้านซึ่งกั้นกลางระหว่างสองบ้านทันที “จื้อกุย ตัวอักษรฝูในบ้านข้าหายไปไหน?!”

จากนั้นเขาที่เดือดจัดก็กลับหัวเราะ ที่แท้ตัวอักษรฝูตัวนั้นไปแปะอยู่บนประตูบ้านของบ้านข้างๆ

โจรคนนี้ช่างใจกล้าเทียมฟ้าซะจริง

เด็กสาววางถังน้ำไว้ในห้องครัวแล้วเดินนวยนาดออกมา พูดด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “ข้าไม่รู้หรอก”

คำตอบเหมือนกันกับเฉินผิงอันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

เฉินผิงอันกล่าวอย่างเดือดดาล “คืนมาให้ข้า!”

จื้อกุยเบิกตาโต “แล้วทีเจ้าไปขยับหุ่นไม้ที่ข้าตั้งใจวางไว้ในห้องครัว ข้ายังไม่ว่าอะไรเจ้าเลยนะ”

เฉินผิงอันพลันพูดไม่ออก เพราะเขาทำอย่างที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ

จู่ๆ จื้อกุยก็ถามว่า “ฉีจิ้ง…ที่โรงเรียนของอาจารย์ฉี เจ้าไปแปะกลอนปีใหม่หรือยัง?”

เฉินผิงอันอึ้งตะลึง ก่อนจะพยักหน้ารับ “ไปแปะแล้ว ทั้งกลอนปีใหม่และตัวอักษรฝู”

เฉินผิงอันไม่อยากจะทะเลาะกับนางจึงเดินเข้าไปในห้องแล้วหยิบตัวอักษรฝูที่เหลือออกมา หาบันไดมาวางพาดแล้วติดตัวอักษรฝูกลับหัวตัวใหม่อีกครั้ง

เด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงกำแพงบ้านเอ่ยเตือน “เบี้ยวแล้ว”

เฉินผิงอันไม่สนใจ ใช้ปลายนิ้วแตะแป้งเปียกเข้ากับกระดาษสีแดงสดปลั่งเบาๆ

เด็กสาวกล่าวอย่างร้อนใจ “จริงๆ นะ ข้าจะหลอกเจ้าไปไย ทำไมเจ้าเฉินผิงอันถึงไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นบ้างนะ หากติดตัวอักษรฝูเบี้ยวจะไม่เป็นมงคล”

เฉินผิงอันเดินลงบันได เงยหน้าขึ้นมองด้วยตัวเอง ไม่เบี้ยวจริงๆ

เด็กสาวยังคงพูดจ้อไม่หยุด “เบี้ยวจริงๆ ถ้าไม่เชื่อเจ้าให้พวกผู้ฝึกตนอย่างเฉาซีมาดูสิ แล้วจะรู้ว่าข้าไม่ได้หลอกเจ้า เจ้ามีสายตาของมนุษย์ธรรมดา ต่อให้จะสายตาดีแค่ไหนก็สู้พวกเราไม่ได้”

เฉินผิงอันเดินเข้าไปในบ้าน ปิดประตูตามหลังดังปัง

ประมาณหนึ่งก้านธูปต่อมา เด็กหนุ่มก็เขย่งปลายเท้ามาเปิดประตู ย่องข้ามธรณีประตูออกมาอย่างเงียบเชียบ เบิกตากว้างจ้องเขม็งไปยังตัวอักษรฝูตัวนั้น

ไม่ได้เบี้ยวสักหน่อย

จื้อกุยแง้มประตูเปิดด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ ยื่นหน้าออกมาพูดอย่างเคร่งเครียด “เบี้ยวจริงๆ”

เฉินผิงอันรู้สึกอัดอั้นตันใจเล็กน้อย เขาไปยกม้านั่งมานั่งอาบแดดตรงหน้าประตู ผ่านไปครู่หนึ่งก็เริ่มฝึกขึ้นรูปเครื่องปั้น

จื้อกุยยืนอยู่ตรงกำแพงในลานบ้านตัวเอง มองเด็กหนุ่มที่ไม่ได้เป็นช่างเผาเครื่องปั้นอีกแล้ว มองอยู่พักหนึ่งก็รู้สึกเบื่อหน่ายจึงกลับไปนอนในห้องตัวเอง

นางนอนลงบนเตียง กลืนน้ำลายหนึ่งอึก ในบ้านบรรพบุรุษตระกูลเฉาเคยมีคนจิ๋วควันธูปก่อกำเนิดมาคนหนึ่ง ระดับสูงมาก ร่างเป็นสีทองอร่าม ขาดอีกแค่นิดเดียวก็จะเป็นสีทองทั้งร่างแล้ว แต่น่าเสียดายที่ยังไม่พอจะยัดซอกฟันของนาง

……

เจ็บปวดทรมานจนพูดไม่ออก

……

ทางฝั่งของจุดพักม้าที่อยู่ใกล้กับเมืองเล็กมากที่สุด ช่วงที่ผ่านมานี้ราชครูชุยฉานแห่งราชวงศ์ต้าหลีพักอยู่ที่นี่ตลอดเวลา ทั้งไม่ได้เปิดเผยตัวอย่างโจ่งแจ้ง แต่ก็ไม่ได้อำพรางร่องรอยการเดินทาง

วันนี้ราชครูเดินออกจากจุดพักม้า เดินทางไกลไปเพียงลำพัง ไม่ให้มือกระบี่สวี่รั่วติดตาม

ทุกครั้งที่ชุยฉานก้าวออกมาหนึ่งก้าวก็เป็นระยะทางสามสี่ลี้ สุดท้ายเขามายืนอยู่กลางทางที่เล็กเหมือนไส้แกะเส้นหนึ่ง ขวางทางผู้เฒ่าเสื้อผ้ามอซอขาดวิ่นผู้หนึ่งเอาไว้

ผู้เฒ่าเปลือยเท้าสภาพกระเซอะกระเซิงมองราชครูต้าหลีที่สวมชุดลัทธิขงจื๊ออย่างเหม่อลอย เส้นสายตาขุ่นมัว เขายังคงไม่คืนสติ ได้แต่อาศัยไหวพริบที่หลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยถามคำถามประหลาดออกมา “ไม่ใช่หลานชายของข้า หลานชายข้าล่ะ?”

สีหน้าชุยฉานซับซ้อน ขยับปากจะพูดแต่ก็ไม่พูด

ผู้เฒ่าที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยเศษหญ้าดินโคลนถามต่อ “หลานชายข้าล่ะ ข้าไม่อยากพบเจ้า ข้าอยากพบหลานชายของข้า”

ชุยฉานยืนสองมือไพล่หลัง สิบนิ้วที่สอดประสานกันสั่นน้อยๆ

ผู้เฒ่าไม่สวมรองเท้า สติไม่สมประดีพลันแผดเสียงอย่างเดือดดาล “หลานชายข้าอยู่ไหน?! เจ้าเอาเขาไปซ่อนไว้ที่ไหน! รีบคืนฉานเอ๋อร์มาให้ข้า!”

กล่าวมาถึงตรงนี้พลังอำนาจของผู้เฒ่าก็ดิ่งฮวบลงเหว พึมพำเสียงแผ่ว “ข้าจะเปลี่ยนชื่อให้หลานชาย เปลี่ยนเป็นชื่อที่ดียิ่งกว่าเดิม…”

สีหน้าชุยฉานทั้งเศร้าทั้งขมขื่น เอ่ยเย้ยหยันตัวเอง “เสมือนอยู่กันคนละโลก ไม่ใช่แค่เสมือน แต่เห็นๆ กันอยู่ว่าเป็นความจริง”

ผู้เฒ่าที่อาภรณ์ขาดรุ่งริงยื่นมือข้างหนึ่งมาผลักไหล่ชุยฉาน ส่วนตัวเองเดินดิ่งไปข้างหน้าต่ออีกครั้ง “เจ้าถอยไป อย่ามาทำให้ข้าเสียเวลาตามหาฉานเอ๋อร์ ข้าจะต้องไปหาอาจารย์ของเขา ถามเขาว่าชื่อใหม่ที่ข้าตั้งให้ดีหรือไม่ดี”

ชุยฉานยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้ห้ามปราม

เขาทอดสายตามองไปยังทิศไกล มีหลวงจีนวัยกลางคนใบหน้าเด็ดเดี่ยวผู้หนึ่งเดินมาช้าๆ

หลวงจีนบำเพ็ญทุกรกิริยาโดยใช้สองเท้าวัดขนาดฟ้าดินก็เพื่อผู้บำเพ็ญตบะชาวพุทธ

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!