คิดกับตัวเองว่าข้าวางอำนาจบาตรใหญ่อยู่ในแม่น้ำอวี้เจียงมานานหลายร้อยปี เป็นบุคคลผู้เด่นดังที่คนทั้งแคว้นหวงถิงรู้จัก เรียกลมได้ลมเรียกฝนได้ฝน สหายห้อมล้อมรอบกาย เหตุใดพอมาอยู่ในเขตการปกครองหลงเฉวียนที่ใหญ่แค่ก้นแห่งนี้ถึงได้ชนกำแพงไปทุกด้าน? (เปรียบเปรยว่าพบกับอุปสรรค ไม่ราบรื่น) ช่วงนี้นายท่านใหญ่อย่างข้าดวงตกไปหน่อยไหม? วันหน้าหากออกจากบ้านไปฉี่ จะฉี่กระเด็นไปโดนเทพเซียนบางท่านโดยไม่ทันระวังแล้วโดนคนเขาต่อยตายในหมัดเดียวหรือเปล่า?
นี่ไม่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของข้าผู้อาวุโสที่ว่า ย่ำเดินในยุทธภพเมื่อใดต้องเปิดฉากสังหารไปทั่วสารทิศเลย!
เด็กชายชุดเขียวหน้าตาบูดบึ้ง ใช้สองมือทุบราวระเบียงอย่างแรง หงุดหงิดเจียนบ้าแล้ว
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูอยู่ชั้นล่างของเรือนไม้ไผ่ กำลังช่วยเว่ยป้อเทพภูเขาก่อไฟต้มยาถังใหญ่ กลิ่นหอมรวยรินโชยมาปะทะจมูก
ตัวยาในถังใหญ่ใบนี้ไม่แพง หากคิดเป็นเงินขาว เว่ยป้อก็ต้องจ่ายเงินประมาณแปดหมื่นตำลึงของต้าหลี
คนจนเรียนบุ๋น คนรวยเรียนบู๊ คำของคนโบราณไม่เคยโกหกจริงๆ
แน่นอนว่าผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ไม่มีทางทุ่มเงินมากมายอย่างเว่ยป้อ หาไม่แล้วต่อให้ฐานะทางบ้านจะเพียบพร้อมร่ำรวยแค่ไหนก็ต้องถูกควักเอามาใช้จนหมด
ในห้องบนชั้นสองของเรือนไม้ไผ่ ผู้เฒ่าปรายตามองเด็กหนุ่มที่สีหน้ายังนับว่าดี “นอกจากข้าผู้อาวุโสจะช่วยสลายลมปราณให้เจ้าแล้ว ยังจะช่วยหล่อหลอมร่างกายและจิตวิญญาณให้เจ้าไปพร้อมๆ กัน ขอแค่เจ้ายืนหยัดให้ได้ถึงท้ายที่สุด ฝ่าทะลุจากขอบเขตสองสู่ขอบเขตสาม ดั่งน้ำไหลหลากเขื่อนก็สร้างเสร็จ (อุปมาว่าเงื่อนไขสุกงอม เงื่อนไขพร้อมจึงทำสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ) หากโชคดี เลื่อนสู่ขอบเขตสี่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
หากโชคดี
ได้ยินประโยคนี้ เฉินผิงอันก็รู้สึกแล้วว่าไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน
ผู้เฒ่ายิ้มบางๆ “วันนี้ข้าผู้อาวุโสจะระวังในการออกแรงทุกครั้ง จะไม่ทำให้เจ้ารู้สึกยากลำบากเกินทนตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ถึงสุดท้ายแล้วรสชาติจะเป็นอย่างไร หึหึ ถึงเวลานั้นเจ้าก็จะได้ลิ้มรสด้วยตัวเอง”
เฉินผิงอันเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่เป็นมงคลโดยพลัน
ผู้เฒ่าหุบยิ้ม จิตใจของเขาพลันเปลี่ยนมาเป็นเหมือนบ่อน้ำโบราณไร้คลื่น ตั้งท่าหมัดที่เรียบง่ายเก่าแก่ช้าๆ “ตอนที่ข้าผู้อาวุโสยังอายุน้อย ชอบเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วสารทิศโดยที่ไม่เคยพกศาสตราวุธใด อาศัยแค่สองหมัดก็ตะลุยไปทั่วบนภูเขาและล่างภูเขา เคยมองฟ้าแล้วพยากรณ์เสียงสายฟ้าบอกเวลาฤดูใบไม้ผลิ! ในยุคบรรพกาลอันห่างไกล เทพสายฟ้าขับรถรัวกลอง ใช้สายฟ้าสยบสิ่งชั่วร้ายใต้หล้า เปลี่ยนความขุ่นมัวให้เป็นใสกระจ่าง”
ผู้เฒ่าสีหน้านิ่งเฉย “หลังจากสังเกตการณ์อยู่ครั้งหนึ่ง ข้าผู้อาวุโสก็เกิดการบรรลุตระหนักรู้ จึงสร้างกระบวนท่านี้ขึ้นมา ท่าที่มีชื่อว่าเทพตีกลองสายฟ้า!”
เฉินผิงอันตั้งใจฟังอย่างไม่ยอมให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว
เหตุผลนั้นง่ายมาก จะปล่อยให้ตัวเองทนรับความลำบากอย่างเสียเปล่าไม่ได้!
ผู้เฒ่ากล่าวเสียงเฉียบ “เจ้าหนูจงยืนให้มั่นคง ลองชิมสิบหมัดนี้ก่อน!”
ในห้องของเรือนไม้ไผ่พลันบังเกิดเสียงไม้ไผ่ระเบิดดังกังวานเป็นระลอก
สิบหมัดที่ปล่อยติดต่อกันทยอยกันกระแทกลงบนสิบจุดบนร่างของเฉินผิงอัน พละกำลังแทรกซอนเข้าไปในช่องโพรงลมปราณ เป็นเหตุให้ลมปราณในร่างเฉินผิงอันซัดกระเพื่อมไม่อยู่นิ่ง เหมือนไม้กวาดที่กวาดผ่านที่ใดฝุ่นผงก็คลุ้งตลบอบอวล
หลังเก็บหมัด ผู้เฒ่าก็คลี่ยิ้มประหลาด
ทีแรกเฉินผิงอันที่ทำใจสำหรับผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้แล้วยังแปลกใจอยู่บ้าง เพราะรู้สึกว่าผู้เฒ่าไม่ได้ออกหมัดหนักหน่วงนัก เมื่อต่อยลงบนร่างของตนก็อยู่ในระดับที่รับได้
ทว่าผ่านไปเพียงแค่เสี้ยววินาที เลือดก็ทะลักออกจากทวารทั้งเจ็ดของเฉินผิงอัน เขาหงายผลึ่งแล้วเริ่มกลิ้งตัวไปมา มิอาจลุกขึ้นยืนได้อีก
เฉินผิงอันขบริมฝีปากไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองส่งเสียงร้อง
ตอนที่ฝึกหมัด นอกจากที่จูเหอเคยบอกไว้ว่า ช่วงต้นของการฝึกวรยุทธ์ห้ามดื่มเหล้าทำร้ายร่างกายแล้ว ยังมีอีกหลายครั้งที่เคยได้ยินคำว่าหนึ่งลมปราณห้ามตกลง กว่าที่เฉินผิงอันจะรู้หลักการฝึกหมัดข้อนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาจึงทะนุถนอมเห็นค่าของมัน มาจนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงยืนหยัดไม่ย่อท้อ ต่อให้ภายหลังจะรู้จากหลินโส่วอีว่าในเหล้ากานั้นของอาเหลียงมีโชควาสนาที่ยิ่งใหญ่ เฉินผิงอันก็ไม่เคยนึกเสียใจ
ผู้เฒ่ามองเด็กหนุ่มที่กลิ้งไถลเถลือกไปรอบด้านก็หลุดหัวเราะพรืด “เป็นไง รสชาติไม่เลวใช่ไหม? แก่นของหมัดนี้อยู่ที่พลังของหมัดสามารถเพิ่มเป็นเท่าตัวได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ขอแค่เจ้าออกหมัดได้เร็วพอ ได้หลายครั้งพอ ต่อให้เป็นเซียนอรหันต์ที่มีร่างทองไม่แตกสลายก็ยังต้องถูกเจ้าทุบทำลายจนย่อยยับ!”
ผู้เฒ่ากล่าวประโยคนี้จบ สีหน้าของเขาก็ดูเลื่อนลอยเล็กน้อย
ปีนั้นที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวิถีวรยุทธ์ มีเรื่องหนึ่งเขาอยากรู้มาโดยตลอด
หากมรรคาจารย์เต๋าและศาสดาพุทธยินดีที่จะไม่ตอบโต้ ถ้าเช่นนั้นหากถูกกระบวนท่านี้ของตนต่อยอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถยืนหยัดได้กี่ร้อยหมัด?! แล้วตนจะสามารถปล่อยออกไปได้กี่ร้อยหมัด?!
เพียงไม่นานผู้เฒ่าก็คืนสติ เอ่ยอธิบายว่า “วางใจเถอะ สิบหมัดนี้ผู้อาวุโสออกแรงแค่เล็กน้อย ไม่ทำลายเนื้อหนังมังสาของเจ้า แค่ทุบตีลงบนจิตวิญญาณของเจ้าเท่านั้น เจ้ากัดฟันเอาสักหน่อยก็น่าจะทนผ่านไปได้”
เด็กหนุ่มกลิ้งอยู่บนพื้นถึงครึ่งก้านธูปเต็ม จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นนั่งพิงผนัง หายใจด้วยวิธีการที่หยางเหล่าโถวถ่ายทอดให้ รวมไปถึงใช้วิธีโคจรลมปราณที่อาเหลียงเคยสอนตน ถึงลุกขึ้นยืนได้ช้าๆ ในอีกหนึ่งก้านธูปต่อมา ทั้งตัวโชกไปด้วยเหงื่อคล้ายลูกไก่ตกน้ำที่เพิ่งขึ้นฝั่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!