กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 197

กระบี่จงมา – บทที่ 197.3 เฉินผิงอันดื่มเหล้าแล้ว
บทที่ 197.3 เฉินผิงอันดื่มเหล้าแล้ว
โดย
ProjectZyphon
ม่านรัตติกาลเยื้องกรายมาเยือน เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูที่พอจะคลายใจได้บ้างเล็กน้อยเดินออกไปนอกหอเรือน ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ไผ่ข้างกายเด็กชายชุดเขียว

ทั้งสองเงียบงันกันไปนาน แล้วจู่ๆ เด็กชายชุดเขียวก็เอ่ยขึ้นมาเบาๆ ว่า “นังเด็กโง่ ข้าตัดสินใจแล้วว่า ข้าจะตั้งใจฝึกตนอย่างจริงๆ จังๆ แล้ว”

เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูไม่รู้สึกสนใจเท่าใดนัก จึงตอบกลับอย่างไร้เรี่ยวแรง “ทำไมล่ะ? ไหนเจ้าเคยบอกว่าการฝึกตนของพวกเราอาศัยแค่พรสวรรค์อย่างเดียวไม่ใช่หรือ แถมยังบอกด้วยว่าเจ้านอนอยู่เฉยๆ ขอบเขตก็ทะยานสูงพรวดๆๆ”

เด็กชายชุดเขียวไหล่ลู่คอตกอย่างที่ไม่ค่อยจะเป็นบ่อยนัก “ข้าไม่อยากเจอกับคนที่สามารถต่อยข้าตายด้วยหมัดเดียวทุกครั้งที่ลงเขาหรือขึ้นเขา”

เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูรู้สึกว่านั่นเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่วันนี้นายท่านของนางน่าเวทนามากพอแล้ว จึงไม่อยากจะโจมตีซ้ำเติมคนที่อยู่ข้างกายอีก เพราะอย่างไรซะนี่ก็ยังอยู่ในเดือนแรกของปีใหม่

เด็กชายชุดเขียวเชิดหน้า ชูกำปั้นสูง “ข้าจะพยายามฝึกตนให้เก่ง จะตายได้ก็ต่อเมื่อคนพวกนั้นต้องต่อยข้าสองทีเท่านั้น!”

เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูรู้สึกพิลึกพิลั่นอย่างบอกไม่ถูก

ปณิธานยาวไกล? เหมือนจะไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ สายตาตื้นเขิน? ก็เหมือนไม่ถูกอีกนั่นแหละ

เด็กชายชุดเขียวพูดให้กำลังใจตัวเอง “ข้าคือวีรบุรุษชายชาตรีที่ให้ความสำคัญกับคุณธรรมในยุทธภพถึงเพียงนี้ ไม่ต้องการให้ทุกครั้งที่พบเจอกับคนพวกนั้นแล้วทำได้แค่หลบอยู่ข้างหลังเฉินผิงอัน มันผิดต่อนาม ‘ยอดชายน้อยผู้ผดุงคุณธรรมแห่งแม่น้ำอวี้เจียง’ ของข้ามากเกินไป ข้าจะต้องมีคุณธรรมอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่สักแต่ปากพูดเท่านั้น!”

คราวนี้เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูชูกำปั้นเล็กๆ ขึ้นโบกเบาๆ ด้วยความจริงใจ “สู้ๆ!”

ทันใดนั้นเด็กชายชุดเขียวที่ดูแคลนงูหลามไฟมาโดยตลอดพลันเกิดความซาบซึ้งใจ นังเด็กโง่คนนี้อาจจะโง่ไปหน่อย แต่ก็น่ารักน่าเอ็นดูอยู่มากเหมือนกัน

แล้วเขาก็ทำหน้าแป้นแล้นยิ้มเป็นเหมือนเดิม ถามกลั้วหัวเราะชั่วร้าย “นังเด็กโง่ เรื่องที่พูดกันคราวก่อน เจ้าคิดได้หรือยัง? มาเป็นเมียของข้าเถอะ เวลาว่างๆ ก็มากลิ้งผ้าห่มกันดีไหม? ต่อให้ตอนนี้ข้าจะยังไม่ค่อยชอบเจ้าเท่าไหร่ แต่คนเป็นผัวเมียกัน มีสัญญาหมั้นหมายกัน มีสัญญาแต่งงานต่อกันแล้ว ความรู้สึกนั้นปลูกฝังกันได้ ขอแค่เจ้าชอบข้าก็พอแล้ว คนเราเมื่อมีความจริงใจตั้งใจ ฟ้าดินก็รับรู้ แม้หินแกร่งยังแยกออกได้ สักวันหนึ่งข้าจะเปลี่ยนมาเป็นชอบเจ้าอย่างที่เจ้าชอบข้า พอคิดถึงเรื่องนี้เจ้าก็มีความสุขแล้วใช่ไหมล่ะ?”

เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูน้ำตาคลอเจียนหยด “เจ้ามันหน้าไม่อาย! ข้าจะไปฟ้องนายท่าน!”

“นายท่านของเราหลับอยู่นะ เขาไม่มีเวลามาสนใจเจ้าหรอก”

เด็กชายชุดเขียวหัวเราะคิกคักมีความสุข “ขนมเปี๊ยะชิ้นใหญ่จากฟ้าหล่นลงมาใส่หัวเจ้า เจ้ายังไม่รู้จักจะรับไว้ ช่างเถอะๆ เจ้านี่มันสมกับเป็นเด็กโง่จริงๆ! ก็มีแต่เฉินผิงอันที่ไม่เคยเห็นโลกกว้างเท่านั้นที่ถึงจะมองเจ้าเป็นสมบัติล้ำค่า หากเปลี่ยนมาเป็นข้า อย่างมากมอบหินดีงูชั้นดีให้เจ้าก้อนเดียวก็พอแล้ว”

เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูแก้มพอง กล่าวอย่างโมโห “เจ้าต้องเรียกว่านายท่าน!”

เด็กชายชุดเขียวเงียบไปครู่หนึ่ง เขายกสองมือหนุนท้ายทอย มองไปยังทิศไกล เอ่ยเบาๆ “ใช่สิ เฉินผิงอันคือนายท่านของพวกเรา”

……

เฉินผิงอันตื่นขึ้นมากลางดึก เขาเดินได้โดยไม่มีปัญหา แต่สภาพลมปราณในร่างกายกลับอนาถยิ่ง เพียงแต่ไม่รู้ว่ากระดูกซี่โครงที่แตกหักประสานตัวเข้าด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แน่นอนว่ายังไม่ได้หายสนิท แต่ก็มากพอจะเห็นได้ว่าเงินแปดหมื่นตำลึงที่เว่ยป้อจ่ายไปไม่ได้เอามาตำน้ำพริกละลายจริงๆ เพราะในความเป็นจริงแล้ว หากเปลี่ยนมาเป็นคนอื่นที่ไปซื้อของจากร้านผ้าห่อบุญ เงินหนึ่งแสนหกหมื่นตำลึงก็ใช่ว่าจะซื้อมาได้ นี่ก็คือราคาสำหรับเทพแห่งขุนเขาเหนือ

เฉินผิงอันเปลี่ยนมาสวมชุดใหม่เอี่ยม เขาไม่กล้าเดินออกไปนอกเรือนไม้ไผ่แห่งนี้ เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูจึงไปยกเก้าอี้ไม้ไผ่ตัวเล็กมาให้อย่างคนที่เข้าใจผู้อื่นเป็นอย่างดี เฉินผิงอันจึงนั่งเงียบๆ ใกล้กับธรณีประตู

เขาไม่พูดอะไร เพียงนั่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ฝึกท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลูครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นยืนเดินไปบนนอนหลับบนเตียงเล็กที่ตั้งอยู่ในชั้นหนึ่ง

บ่ายของวันนั้น ผู้เฒ่าลืมตาขึ้นแล้วลุกยืน กล่าวเสียงหนัก “เริ่มฝึกวิชาหมัด วันนี้ฝึกหล่อหลอมแค่จิตวิญญาณเท่านั้น เพื่อให้เจ้าขจัดสิ่งสกปรกทั้งหมดทิ้งไป เก็บไว้แค่แก่นที่สำคัญ”

เฉินผิงอันลืมตาขึ้นหลังจากนั้น เขาถอนหายใจ เดินขึ้นไปบนห้องชั้นสองเงียบๆ

หลังจากนั้นก็ถูกเด็กชายชุดเขียวแบกลงมาจากชั้นสอง พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งกลางดึกก็กินข้าวไปหนึ่งมื้อ ต่อให้จะไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิด แต่เฉินผิงอันก็ยังฝืนกลืนมันลงไป มองมือที่จับตะเกียบซึ่งสั่นอยู่ตลอดเวลาของนายท่านตัวเอง หลายครั้งที่คีบกับข้าวแล้วกับข้าวหล่นกลับลงไปในจาน เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูก็ร้องไห้น้ำตาอาบแก้มทันที

เด็กชายชุดเขียวเอาแต่ก้มหน้าก้มตาพุ้ยข้าว

ครั้งนี้เฉินผิงอันพักผ่อนเล็กน้อย เขานั่งอยู่ตรงหน้าประตู ใช้มือทั้งคู่ที่สั่นระริกฝึกท่าเจี้ยนหลู เพียงไม่นานก็ไปนอน

เวลาสามวันเต็มที่ใช้หล่อหลอมจิตวิญญาณ หนึ่งวันขัดเกลาร่างกาย

ทุกครั้งที่ผู้เฒ่าลงมือจะกะน้ำหนักอย่างพอดี เพื่อรับประกันว่าจะทำให้เฉินผิงอันทรมานยิ่งกว่าวันก่อน ดังนั้นจึงไม่มีความเป็นไปได้เลยที่เฉินผิงอันจะรู้สึกคุ้นเคย หรือปรับตัวเข้ากับความเจ็บปวดนั้นได้

เฉินผิงอันยิ่งเงียบงันมากขึ้นทุกวัน เวลาในแต่ละวันที่มีสติแจ่มชัด เขาก็มักจะไม่พูดไม่จา

บางครั้งหากเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูถามอะไร หรือไม่ก็อยากทำให้นายท่านของตัวเองอารมณ์ดีสักหน่อย ตอนแรกๆ เฉินผิงอันก็จะยิ้มแล้วส่ายหน้า แต่หลังจากนั้นมากลับขมวดคิ้ว สุดท้ายมีครั้งหนึ่งถึงกับทำหน้าโกรธเคือง แม้จะมองออกว่าเฉินผิงอันพยายามควบคุมมันเต็มที่ แต่เด็กชายชุดเขียวกับเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูต่างก็ตกอกตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

ตอนนั้นเฉินผิงอันจะพูดแต่ก็ไม่พูด ริมฝีปากสั่นระริก แต่สุดท้ายก็เดินไปนอนบนเตียงโดยไม่ได้พูดอะไร เขาหลับตาลง ไม่รู้ว่าหลับหรือตื่น ถึงขั้นทำให้คนไม่รู้ด้วยว่าเขาเป็นหรือตาย

เด็กชายชุดเขียวเคยหยั่งเชิงถามเว่ยป้อว่าตอนที่เฉินผิงอันถูกต่อยตี เขาต้องเจ็บปวดมากแค่ไหนกันแน่

เว่ยป้อคิดแล้วก็บอกว่าความเจ็บปวดที่เฉินผิงอันได้รับวันแรก น่าจะประมาณมนุษย์ธรรมดาถูกคนใช้มีดตัดนิ้วทั้งสิบทิ้งกระมัง เป็นการตัดแบบที่เอาทั้งเนื้อและกระดูกออกไปพร้อมกัน อีกทั้งยังต้องทำให้เจ้ารู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ส่วนหลังจากวันนั้นก็ยิ่งรุนแรงเข้าไปอีก

นั่นเป็นแค่วันที่หนึ่งเท่านั้น

หลังจากนั้นมาเด็กชายชุดเขียวก็ไม่เคยถามคำถามทำนองนี้อีก

เขาเริ่มหันมาฝึกตนแทน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!