กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 209

กระบี่จงมา – บทที่ 209.1 กระบี่ไม้เหมือนกัน
บทที่ 209.1 กระบี่ไม้เหมือนกัน
โดย
ProjectZyphon
คราวนี้อาเหลียงมาอย่างรีบร้อนแล้วก็จากไปอย่างรีบร้อน เฉินผิงอันไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกว่าอาเหลียงที่ถูกคนต่อยด้วยหนึ่งหมัดจนร่วงลงมายังโลกมนุษย์ไม่ใช่คนที่ดุดันห้าวหาญอย่างที่คิดไว้ในใจ กลับกันยังรู้สึกว่าอาเหลียงที่เป็นเช่นนี้เท่ห์มากเป็นพิเศษ

เพียงแต่ว่าเฉินผิงอันค่อนข้างจะเสียดายที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยได้เห็นอาเหลียงชักกระบี่กับตาตัวเอง

เฉินผิงอันดึงสายตากลับมา ปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ที่มีชื่อว่าเจียงหูลง ยกขึ้นดื่มเบาๆ หนึ่งอึก แล้วอดทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจังไม่ได้ “หลังฝึกหมัดครบหนึ่งล้านครั้งก็น่าจะรีบทำเวลาฝึกกระบี่ได้แล้ว”

หลังเก็บน้ำเต้าบรรจุเหล้าลงไปดังเดิม เฉินผิงอันก็ไม่ระวังตัวแจอีกต่อไป เขาสูดหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแล้วเริ่มฝึกท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลูอย่างเปิดเผย

เซียนที่เคยขี่กระบี่ผ่านห้วงอากาศของเมืองเล็กไปอย่างยิ่งใหญ่ เหยียบบนกระบี่เดินทางท่องไปไกล คอยดูทิศทางลมที่พัดกระโชกขึ้นลง ผู้อาวุโสแซ่ชุยปล่อยหมัดออกไปหนึ่งหมัดก็เขย่าคลอนแผ่นดินและภูเขา เว่ยจิ้นเซียนกระบี่แห่งศาลลมหิมะ ตัวคนยังมาไม่ถึง กระบี่กลับมาถึงก่อนแล้ว ส่องแสงสว่างจ้าไปทั้งฟ้าดิน…

เรื่องราวงดงามบางอย่าง หากปรากฏอยู่บนร่างของคนอื่น หลังอิจฉาแล้วก็จงเรียนรู้ ส่วนข้อที่ว่าเรียนรู้แล้วจะเกิดผลหรือไม่ พยายามให้เต็มที่ก่อนค่อยว่ากัน

เป็นเรื่องง่ายจะตายไป

รออยู่นานไม่เห็นคนกลับมา บวกกับที่แรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงก่อนหน้านี้ทำให้คนทั่วทั้งเรือคุนกระวนกระวายไม่เป็นสุข ชุนสุ่ยกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดบนหอชมทัศนียภาพ เป็นอันตรายต่อแขกที่มาเยือน จึงเดินผ่านห้องหนังสือมายังธรณีประตูที่อยู่ใกล้เคียง ค้นพบว่านักพรตที่สนิทกับเทพขุนเขาเหนือของต้าหลีหายตัวไปแล้ว ชุนสุ่ยก็อดบ่นในใจไม่ได้ว่าเจ้าหมอนี่ทำตัวลับๆ ล่อๆ เสียจริง

เห็นว่าเฉินผิงอันคล้ายจะกำลังฝึกตน ชุนสุ่ยก็รีบหมุนตัวกลับไปเงียบๆ ตอนที่เดินไปทางห้องโถงหลักยังจงใจเดินให้เบาลง

รบกวนการฝึกตนของผู้ฝึกลมปราณหรือผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวคือข้อห้ามที่ร้ายแรงของทั้งบนและล่างภูเขา

การปิดด่านของผู้ฝึกลมปราณใหญ่ในทวีปต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องใหญ่อันดับต้นของทั้งสำนัก เมื่อร้อยกว่าปีก่อน ภูเขาต่าเจี้ยวของพวกนางก็เกิดมรสุมที่ใหญ่เทียมฟ้าขึ้นครั้งหนึ่ง ระหว่างที่ผู้อาวุโส ‘หนุ่ม’ ขอบเขตเก้าคนหนึ่งซึ่งปิดด่านพยายามจะฝ่าทะลุคอขวดของขอบเขตสิบ ภูเขาต่าเจี้ยวเกิดประมาทเลินเล่อ หรือจะพูดอีกอย่างก็คือธรรมะสูงหนึ่งคืบ มารร้ายสูงหนึ่งศอก ศัตรูคู่อาฆาตของเขาแอบแฝงตัวเข้ามาในภูเขา ทำลายรากฐานมหามรรคา ทำให้ชีวิตนี้เขาได้แต่ชะงักค้างอยู่ที่ขอบเขตโอสถทองคำ หลังจากนั้นไม่นานเท่าไหร่จิตใจของเขาก็ทรุดโทรม เป็นเหตุให้พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่เดิมทีมีชื่อเสียงที่ดีมากในสำนัก กลายเป็นฉุนเฉียวดุร้าย ชอบสังหารสาวใช้เป็นว่าเล่น ถึงขั้นทุบตีลูกศิษย์ที่ตัวเองภาคภูมิใจซึ่งอยู่ในขอบเขตชมมหาสมุทรจนกลายเป็นคนพิการ สะพานแห่งความเป็นอมตะเกือบจะหักพัง สุดท้ายบุรพาจารย์ผู้ควบคุมกฎที่แต่ไหนแต่ไรมาโปรดปรานเขามาตลอด มองเขาเป็นดั่งบุตรแท้ๆ ของตัวเองก็จำต้องลงมือจับเขาขังไว้ในคุกบนภูเขา

จากนั้นบุรพาจารย์ผู้ควบคุมกฎที่ไม่เคยลงจากเขาเป็นเวลาร้อยปีก็ตัดสินใจทำสิ่งที่สร้างความตะลึงพรึงเพริดให้แก่ผู้คน นางไปรับกระบี่ของบรรพบุรุษผู้บุกเบิกสำนักที่ศาลบรรพชน สะพายกระบี่ลงจากภูเขา บุกเข้าไปในสำนักของศัตรูแล้วเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ หลังปลิดชีพศัตรูได้ด้วยมือของตัวเอง นางก็หัวเราะสาแก่ใจแล้วหวนกลับคืนมายังสำนักพร้อมอาการบาดเจ็บสาหัส ไม่ถึงหนึ่งปีก็จากโลกนี้ไปอย่างเฉียบพลัน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องการแก้แค้นของบุรพาจารย์ผู้ควบคุมกฎนั้น หากจะถามว่าคุ้มค่าหรือไม่ ลูกศิษย์ของภูเขาต่าเจี้ยวแต่ได้กล้าวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นการส่วนตัว ทว่าความองอาจห้าวหาญของบุรพาจารย์ผู้ควบคุมกฎคนนั้น ต่อให้เป็นตระกูลเซียนหรือสำนักนอกภูเขาต่าเจี้ยวก็ยังต้องชื่นชมสรรเสริญนาง รู้สึกว่านางมีมาดของบรรพบุรุษผู้บุกเบิกสำนักภูเขาต่าเจี้ยว หลังจากนั้นเป็นต้นมาสำนักทั้งหลายก็มีแต่จะปฏิบัติต่อภูเขาต่าเจี้ยวที่ตัดคำว่า ‘สำนัก’ ทิ้งดีมากขึ้น

ผู้ดูแลหม่าที่รับผิดชอบภาระงานทุกอย่างในเรือนอักษรตัวเทียนคือผู้เฒ่าอ้วนท้วนคนหนึ่ง บนมือสวมแหวนหยกหลากหลายสีสัน เขาจำเป็นต้องมาอธิบายให้กับแขกสูงศักดิ์ทุกห้องฟังด้วยตัวเอง บอกกับพวกเขาอย่างน่าเชื่อถือว่าความเคลื่อนไหวผิดปกติที่เกิดขึ้นในเรือคุนไม่ได้เกิดจากการถูกโจมตี เพียงแต่ว่าบางครั้งปลาคุนก็เกเรซุกซน ซึ่งร้อยปีจะพบเจอได้สักครั้ง

ส่วนแขกที่อยู่ในห้องอื่นๆ ภูเขาต่าเจี้ยวไม่จำเป็นต้องให้เขาเปลืองน้ำลายไปอธิบายอะไร

ชิวสือเปิดประตู ได้ยินว่าเฉินผิงอันฝึกตนอยู่บนหอชมทัศนียภาพ ผู้ดูแลหม่าที่ยิ้มตาหยีจึงฝากความไว้ที่เด็กสาว บอกแค่ว่าหลังจากนี้อย่าลืมแจ้งให้อีกฝ่ายทราบก็พอ

ก่อนที่ผู้ดูแลหม่าซึ่งยืนอยู่หน้าประตูจะจากไป เขามองข้ามไหล่บอบบางของเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าไปยังชุนสุ่ยพี่สาวที่มีรูปร่างอวบอิ่มมากกว่า นางยืนตัวตรงอยู่ข้างโต๊ะ ต่อให้หันหน้ามาตรงๆ ก็ยังสามารถเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเด็กสาวได้ ผู้เฒ่าดึงสายตากลับอย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วเอ่ยสัพยอกว่า “ชิวสือ เจ้ากินให้มากๆ หน่อย ผอมเกินไปแล้ว เด็กผู้หญิงผอมมากไปก็ไม่ดี หากเสียดายเงินก็ไม่เป็นไร เงินแค่นี้พี่หม่ายังพอจะมีอยู่บ้าง เจ้ามาหาข้าได้ทุกเมื่อ ไม่ต้องเกรงใจพี่หม่าของพวกเจ้า เข้าใจไหม?”

ชิวสือยิ้มหวานตอบรับ

รอจนนางปิดประตู เดินกลับไปนั่งข้างกายพี่สาวแล้วก็อดกลอกตามองบนไม่ได้ “ตาแก่ขึ้นคานบ้ากาม ถูกเขามองมาครั้งหนึ่งก็เหมือนโดนทากไต่มือ เหนียวๆ ลื่นๆ ขยะแขยงจริงๆ! ยังจะเรียกตัวเองว่าพี่หม่าอีก ท่านพี่ ข้าอยากจะต่อยให้ตาสุนัขของเขาบอดจริงๆ เลย”

ชุนสุ่ยเอ่ยเย้าเสียงอ่อนโยน “ตัวเองหน้าตาดีแต่กลับไม่อนุญาตให้คนอื่นมองมากสักหน่อยหรือ เจ้านี่นิสัยคุณหนูใหญ่จริงๆ คิดว่าตัวเองเป็นเทพธิดาของตระกูลเซียนหรือไง? เพียงแต่ไม่ทราบว่าเทพธิดาชิวสือเป็นเพื่อนสนิทกับเทพธิดาหลิวจากหอหวงเหลียงคนนั้นหรือเปล่า? ช่วยแนะนำบ่าวให้รู้จักกับนางหน่อยได้ไหม?”

ชิวสือถลึงตาพูดเสียงขุ่น “ท่านพี่ ทำไมต้องล้อเลียนข้าแบบนี้ด้วย!”

จู่ๆ ชุนสุ่ยก็เอ่ยขึ้นว่า “คุณชายเฉินจากหลงเฉวียนต้าหลีคนนี้นับว่าเป็นคนพูดง่ายคนหนึ่ง”

ชิวสือกะพริบตาฉ่ำน้ำ “ทำไม ท่านคงไม่ได้อยากจะเสนอตัวร่วมเรียงเคียงหมอนกับเขาหรอกนะ ยังเด็กอยู่เลย ท่านพี่ชอบเด็กงั้นหรือ?”

ชุนสุ่ยกล่าวอย่างระอาใจ “พูดเหลวไหลอะไรน่ะ”

ชิวสือหัวเราะคิกคัก “ข้ารู้แล้วๆ ท่านชอบหันเซียนซือของภูเขาต่าเจี้ยวพวกเราใช่ไหมล่ะ ก็ถูกนะ ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเจ้าประมุข พรสวรรค์ดี หน้าตาก็ดี ที่สำคัญคืออ่อนโยนต่อทุกคน สองครั้งที่ลงจากภูเขาไปฝึกประสบการณ์ก็ล้วนสร้างชื่อเสียงใหญ่โต งานเฉลิมฉลองของภูเขาต่าเจี้ยวที่จัดขึ้นสามปีครั้ง สายตาที่ท่านมองเขาตอนประลองเวทกระบี่กับคนอื่นไกลๆ จุ๊ๆ นั่นต้องเรียกว่าประหนึ่งลมฤดูใบไม้ผลิพัดโชย ดั่งหิมะที่หลอมละลาย…”

ชุนสุ่ยโน้มตัวมาด้านหน้า หน้าอกที่วางทับอยู่บนขอบโต๊ะก่อให้เกิดเส้นโค้งเว้าน่าตะลึงโดยที่นางไม่ได้ตั้งใจ นางยื่นมือมาตบหน้าผากของน้องสาวเบาๆ หนึ่งที “เจ้าคือขอบเขตสอง ข้าคือขอบเขตสอง พวกเราสองคนรวมกันแล้วขอบเขตยังสูงเท่าเขาไม่ได้เลย เมื่อสามปีก่อนเขาก็เป็นขอบเขตถ้ำสถิตแล้ว ไม่แน่ว่าพวกเรากลับไปคราวนี้ เขาอาจจะเป็นขอบเขตชมมหาสมุทรแล้วก็ได้”

ชิวสือยิ้มแล้วคว้ามือของพี่สาวเอาไว้ พูดหยอกเย้าโดยเลียนแบบท่าทางและน้ำเสียงของผู้ดูแลหม่า “โอ้โห แม่นางชุนสุ่ย มือเล็กๆ นี่ขาวจริงๆ สวยงามนุ่มนวลมาตั้งแต่เกิด นิ้วทั้งสิบของเทพธิดาคนอื่นที่ไม่เคยแตะงานหนักก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะสวยงามเหมือนมือของเจ้า…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!