กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 209

กระบี่จงมา – บทที่ 209.2 กระบี่ไม้เหมือนกัน
บทที่ 209.2 กระบี่ไม้เหมือนกัน
โดย
ProjectZyphon
เฉินผิงอันนั่งอยู่ข้างโต๊ะ หยิบผลไม้สดใหม่สีเขียวปลั่งที่ราวกับจะเค้นน้ำออกมาได้ขึ้นมาจากถาดกระเบื้องสีดำ ผลไม้นี้ลักษณะคล้ายคลึงกับส้มเขียวหวานที่ยังไม่สุก แต่พอปอกเปลือกแล้วลองกินกลับมีรสหวานฉ่ำ จากนั้นเขาก็ยื่นส่งให้กับพวกนางคนละลูก ชุนสุ่ยคิดจะปฏิเสธ ไม่ยอมรับเอาไป เมื่อนางทำเช่นนี้ ชิวสือจึงได้แต่ปฏิเสธตามอย่างไม่ใคร่จะเต็มใจนัก แต่เฉินผิงอันกลับบังคับวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าพวกนาง พวกนางจึงไม่ยืนกรานอีก ถึงอย่างไรพอกินส้มฉางชุนที่มีเฉพาะในอุตรกุรุทวีปผลนี้ลงท้องไปแล้วก็เทียบได้กับปราณวิญญาณที่พวกนางตั้งใจฝึกตนอย่างยากลำบากสิบวันเลยทีเดียว

ที่บอกว่าการฝึกตนไม่มีทางลัดนั้น คือการพูดให้พวกผู้ฝึกลมปราณที่มีพรสวรรค์ฟัง เพื่อตักเตือนไม่ให้พวกเขาโอหังและอวดดีมากเกินไป ต้องการให้พวกเขาก้าวเดินไปบนพื้นอย่างมั่นคง ขยับเข้าใกล้สวรรค์ไปทีละก้าว

แต่ก็เห็นได้ชัดว่าการฝึกตนมีทางลัดให้เดินอยู่เสมอ นี่เป็นความรู้ความเข้าใจที่มีร่วมกันของผู้ฝึกตนอิสระและลูกหลานนอกตระกูลเซียนที่มีพรสวรรค์ธรรมดา ขอแค่มีเงิน แค่กินข้าวก็ถือเป็นการฝึกตน มีตระกูลมีพรสวรรค์ อยู่อาศัยในถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคลที่ปราณวิญญาณเปี่ยมล้นซึ่ง ‘มาเยือนเองโดยไม่ได้รับเชิญ’ แม้แต่นอนหลับก็ยังเป็นการฝึกตนได้

ยกตัวอย่างเช่นชุนสุ่ยและชิวสือ หากพวกนางไม่เอาเงินเดือนซึ่งทำงานอย่างยากลำบากในแต่ละเดือนมาแลกเป็นผลไม้วิเศษลักษณะคล้ายส้มเขียวหวานลูกนี้หรือไม่ก็ยาระดับต่ำ จากนั้นกินเข้าไปด้วยความเสียดายในทุกๆ คำ ก็ต้องมองกาลไกลมากกว่าเดิมอีกหน่อย นอกจากจะต้องตั้งใจฝึกรวบรวมลมปราณอย่างมานะอดทนแล้ว ยังต้องครุ่นคิดหาวิธีการเอาทรัพย์สินในตระกูลมากัดฟันขาย ตัดสินใจซื้ออาวุธเหมาะมือให้ตัวเองหนึ่งชิ้น อีกทั้งยังไม่ใช่สมบัติอาคมที่ช่วยในการเข่นฆ่าสังหารด้วย หนึ่งเพราะไม่มีทางซื้อได้ไหว สองเพราะไม่มีความหมายใดๆ ต้องเป็นอาวุธวิเศษที่สามารถชำระล้างลมปราณขุ่นมัวไปทีละนิด ผู้ฝึกลมปราณที่มีพรสวรรค์บินทะยานขึ้นสู่ยอดเขาได้ในรวดเดียว ห่างแค่สามวันห้าวันก็ฝ่าทะลุขอบเขต ทำให้คนอิจฉาอย่างยิ่ง แต่พวกนางกลับต้องค่อยๆ ปีนขึ้นไปทีละก้าว ถือเป็นบุคคลที่ได้แต่อิจฉาผู้อื่น ถอนหายใจแค่ไม่กี่ครั้งก็ต้องก้มหน้าก้มตาฝึกตนอย่างยากลำบากต่อไป

แต่เมื่อได้เห็นทัศนียภาพที่ยิ่งใหญ่ด้านบนอย่างแท้จริงแล้ว ใครเล่าจะเต็มใจลงไปเป็นเศรษฐีหรือประมุขหญิงที่จัดการดูแลบ้านเรือนได้อย่างมีระเบียบด้านล่างภูเขาอีก?

แน่นอนว่าผู้ฝึกลมปราณบางส่วนที่หมดอาลัยตายอยากอย่างแท้จริงก็อาจจะลงไปอยู่ข้างล่างภูเขาจริงๆ และบางคนก็ใช้ชีวิตได้ค่อนข้างมีรสมีชาติ เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน นี่ก็เหมือนกับการนำพวกจวี่เหรินหรือจิ้นซื่อที่สอบเป็นขุนนางในราชสำนักโลกมนุษย์มาเปรียบเทียบกับผู้ฝึกลมปราณบนภูเขาที่สูงไปก็เอื้อมไม่ถึง ต่ำไปก็รับไม่ได้ ซึ่งฝ่ายแรกมีแต่จะมีผ่อนคลายไร้แรงกดดัน มีชีวิตที่สบายมากกว่า ยกตัวอย่างเช่นหากลงมาจากภูเขา ถูกราชสำนักเรียกตัวเข้าทำหน้าที่ หาสถานที่ที่มีภูเขาเขียวแม่น้ำใสสักแห่ง ยึดครองภูเขาตั้งตนเป็นราชา หรือไม่ก็ช่วยพิทักษ์ปกป้องตระกูลให้กับคนในเมืองใหญ่ ทำหน้าที่เป็นเค่อชิงก็ไม่เลวเลยทีเดียว

ทว่าผู้ฝึกลมปราณที่มองดูเหมือนมีอำนาจบารมี จะอย่างไรแล้วก็ยังเป็นพวกที่ผิดหวังในชีวิต เมื่อเทียบกับบัณฑิตที่สอบเคอจวี่ไม่ติดจึงไปซ่อนตัวอยู่ในป่าเขาแล้วก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่

ชุนสุ่ยเคี้ยวส้มฉางชุนเบาๆ ด้วยอาการเหม่อลอยเล็กน้อย ลักษณะท่าทางของนางไม่เป็นรองคุณหนูตระกูลใหญ่ผู้ได้รับการอบรมปลูกฝังมาอย่างดี ไม่เหมือนชิวสือน้องสาวของนางที่อารมณ์ดีอยู่เป็นนิจ รู้สึกเพียงว่าหากไม่กินก็เสียของเปล่า มีผลประโยชน์มาวางตรงหน้าไม่คว้าไว้ก็คือคนโง่

เฉินผิงอันกินหมดก่อนเป็นคนแรก เขาค้นพบว่าชิวสือจ้องมองเปลือกส้มบนโต๊ะเขม็งจึงถามว่า “เปลือกส้มก็มีประโยชน์ด้วยหรือ?”

ชิวสือตอบอย่างตรงไปตรงมา “คุณชายเฉิน เวลาทำอาหาร ใส่เปลือกส้มเข้าไปสองสามชิ้น ช่วยเพิ่มรสชาติให้อร่อยนักล่ะ!”

ดวงตาเฉินผิงอันเป็นประกาย คิดในใจว่าแบบนี้ข้าชอบ ฝีมือทำอาหารของข้าไม่เลวจริงๆ ตอนนั้นที่เดินทางไปต้าสุยก็แค่เพราะไม่มีวัตถุดิบที่มากพอ หาไม่แล้วมีหรือที่พวกหลี่เป่าผิงจะเอาแต่คิดคำนึงถึงมื้ออาหารที่บ้านของซื่อหลางเฒ่า ถึงขนาดที่ว่าแม้เขาจะทำน้ำแกงปลาให้กินก็ยังไร้ชีวิตชีวา

เฉินผิงอันยิ้มแล้วหยิบส้มอีกสองลูกส่งให้กับชุนสุ่ยกับชิวสืออีกครั้ง “พวกเจ้ากินส้มแล้วอย่าลืมเก็บเปลือกไว้ให้ข้าด้วย”

ชุนสุ่ยกับชิวสือหันมามองหน้ากัน ไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ หรือว่าเด็กหนุ่มที่ได้ครอบครองป้ายหยกตัวอักษรเทียนของเรือคุนลำนี้ไม่มีการงานจริงจังให้ทำจนถึงขั้นชอบเข้าครัวด้วยตัวเอง? ไม่คิดจะสนใจคำสอนของเหล่าอริยะแห่งลัทธิขงจื๊อที่บอกว่าสุภาพชนต้องอยู่ห่างจากห้องครัวบ้างเลยหรือ? เฉินผิงอันไม่สนใจสายตาของคนอื่น เขาเก็บเปลือกส้มสามลูกเข้าไว้ในชายแขนเสื้อ ไม่กล้าเก็บไว้ในวัตถุฟางชุ่นอย่างสืออู่ จากนั้นก็เร่งให้สองพี่น้องรีบกิน

ในเมื่อแขกสูงศักดิ์ ‘ไม่พิถีพิถัน’ ถึงขนาดนี้แล้ว ขนาดชุนสุ่ยยังกินส้มฉางชุนได้อย่างสบายใจ นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ชิวสือน้องสาวที่ไม่เคยยี่หระสิ่งใดเลย

เฉินผิงอันยิ้มบางๆ

ชุนสุ่ยพลันรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ

ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง

ที่แท้ก็เป็นเด็กหนุ่มที่อ่อนโยนต่อใจคนดุจสายลมฤดูใบไม้ผลินี่เอง

……

สุดท้ายเฉินผิงอันก็ไปนอนโดยที่ชายแขนเสื้อเต็มไปด้วยเปลือกส้ม ส่วนสาวใช้สองคนพักผ่อนอยู่ที่ห้องด้านข้าง ขอแค่เฉินผิงอันสั่นกระดิ่งเงินตรงหัวเตียง พวกนางก็จะมาหาทันที อีกทั้งกระดิ่งพวงนั้นยังไม่ใช่วัตถุธรรมดา หากมีสิ่งสกปรกชั่วร้ายเล็ดรอดเข้ามาในห้อง กระดิ่งก็จะดังขึ้นเอง

เฉินผิงอันเพิ่งจะปลดฝักกระบี่ที่ข้างในมีกระบี่กำจัดปีศาจปราบมารวางลงบนเตียงติดกับผนังด้านใน เอนตัวลงนอนบนเตียงที่สบายจนเขาไม่คุ้นเคย แต่มือข้างหนึ่งกลับยังวางไว้บนฝักกระบี่ จากนั้นก็เริ่มทอดลมหายใจให้เชื่องช้า ใช้วิธีการหายใจที่หยางเหล่าโถวถ่ายทอดให้ตามจิตใต้สำนึก

อันที่จริงกระบี่บินสองเล่มในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่อย่างชูอีและสืออู่ต่างก็มีสติปัญญาแล้ว ต่อให้เฉินผิงอันจะหลับลึกแค่ไหน แต่หากพบเจออันตราย พวกมันที่ไม่จำเป็นต้องนอนหลับก็สามารถต่อต้านศัตรูได้ด้วยตัวเอง แต่เฉินผิงอันก็ยังไม่กล้าหลับลึกเกินไปนัก เขาจึงหลับแบบผิวเผินไปจนถึงฟ้าสาง เมื่อชุนสุ่ยขยับตัวลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าบนเตียงและเปิดประตูห้องของนางออกมาเบาๆ เฉินผิงอันก็ลืมตาทันที

ที่รู้ได้ว่าเป็นชุนสุ่ย เพราะเฉินผิงอันค้นพบมาตั้งแต่แรกแล้วว่าฝีเท้าของชุนสุ่ยกับชิวสือมีความแตกต่างกันเล็กน้อย

ออกมานอกบ้าน จะอย่างไรก็ควรระวังตัวไว้เป็นการดี

สาวใช้ชุนสุ่ยไม่ได้เคาะประตูปลุกเฉินผิงอัน แต่ทำความสะอาดห้องอยู่ข้างนอกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!