จากนั้นเฮ้อเสี่ยวเหลียงก็ดันมือที่แบอ้าขึ้นสูงเล็กน้อย บนหยกลัญจกรที่เป็นวัตถุจื่อชื่อมีแท่นฝนหมึกโบราณสักลวดลายเมฆชิ้นหนึ่งลอยขึ้นมา จากนั้นด้านในแท่นฝนหมึกก็มีตำราโบราณเนื้อหยกเล่มหนึ่งผุดขึ้น สุดท้ายคือใบบัวเล็กๆ ใบหนึ่งที่ลอยออกมาจากตำราโบราณ และสุดท้ายของท้ายสุดถึงจะเป็นหินดีงูก้อนหนึ่งที่กลิ้งหลุนๆ ออกมาจากใบบัวซึ่งเป็นวัตถุฟางชุ่น นั่นก็คือหินดีงูที่เฉินผิงอันฝากเฮ้อเสี่ยวเหลียงไปมอบให้ลู่เฉิน
วัตถุจื่อชื่อหนึ่งชิ้น วัตถุฟางชุ่นสามชิ้น
นี่เรียกว่าการโอ้อวดความร่ำรวยโดยไม่ได้เปิดปากพูด
อีกทั้งยังอวดรวดเดียวจบ
ไม่ว่าผู้ฝึกลมปราณขอบเขตสิบคนใดในใต้หล้ามาเห็นเข้าคงถลึงตาจนตาแทบถลนออกมาจากเบ้าเลยทีเดียว
คนอื่นอย่างมากก็แค่นอนหาเงิน แต่เฮ้อเสี่ยวเหลียงกลับนอนรับโชควาสนา
เฮ้อเสี่ยวเหลียงเก็บใบบัว ตำราหยก แท่นฝนหมึกโบราณและหยกลัญจกรกลับลงไป จากนั้นค่อยผลักหินดีงูก้อนนั้นมาให้เฉินผิงอันเบาๆ
เห็นว่าเฉินผิงอันคล้ายจะไม่กล้ารับหินดีงูกลับคืน เฮ้อเสี่ยวเหลียงจึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “วางใจเถอะ ครั้งนี้ลู่เฉินไม่เล่นตุกติกอะไรอีกแล้ว ก็เหมือนกับที่เขาพูดรับประกันกับปากตัวเองว่าการพบเจอกันระหว่างเจ้าและข้าในครั้งนี้ ไม่ว่าข้าจะทำหรือพูดอะไร เขาก็ไม่มีทางใช้วิชาอภินิหารมาลอบมองเด็ดขาด ขอแค่เป็นเรื่องที่เขาพูดเอง เจ้าและข้าล้วนสามารถเชื่อได้”
เฉินผิงอันถึงได้ควบคุมให้สืออู่ปล่อยเทียบยาแผ่นนั้นลอยออกมา ซึ่งก็คือเทียบยาที่มีสี่คำว่า ‘คำสั่งลู่เฉิน’
เฮ้อเสี่ยวเหลียงไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ เพียงแค่ร่ายใช้เวทคาถาเก็บมันไว้ในวัตถุฟางชุ่นใบบัวของตัวเอง
จัดการเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อย สีหน้าของเฮ้อเสี่ยวเหลียงถึงได้ผ่อนคลายขึ้น นางถึงขนาดหยิบผลไม้วิเศษที่มีชื่อว่าหลีไฟลูกหนึ่งขึ้นมากัดเบาๆ หนึ่งคำ แล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “เอาล่ะ เรื่องเป็นการเป็นงานเสร็จสิ้นแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องส่วนตัว เฉินผิงอัน เจ้าไม่ต้องตื่นเต้น”
เฉินผิงอันยิ้มเจื่อนอย่างจนใจ ข้าจะไม่ตื่นเต้นได้หรือ?
เฮ้อเสี่ยวเหลียงเอ่ยถาม “เจ้าเคยได้ยินมาหรือเปล่าว่า ข้าออกจากสำนักโองการเทพแล้ว?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า
เฮ้อเสี่ยวเหลียงเอ่ยเย้ยหยันตัวอง “ดูท่าคงเป็นเพราะตบะต่ำเกินไป ชื่อเสียงน้อยเกินไป”
เฮ้อเสี่ยวเหลียงหัวเราะ นางพูดอย่างไม่รีบร้อนพลางกินหลีไฟอย่างเอร็ดอร่อยไปด้วย วัตถุชิ้นนี้สามารถต้านทานความหนาวเย็น ทำให้ทั่วร่างของคนอุ่นสบาย ส่วนปราณวิญญาณที่ซุกซ่อนอยู่ในหลีไฟนั้นไม่มีค่าพอให้พูดถึง อยู่ไกลเกินกว่าจะเทียบเคียงกับส้มฉางชุนได้ เป็นเหตุให้ราคาไม่แพง มักจะเป็นของที่พวกขุนนางด้านล่างภูเขาต้องเตรียมไว้รับรองแขกในช่วงฤดูหนาวถึงฤดูใบไม้ผลิ
แต่ในจานกระเบื้องกลับมีส้มฉางชุนอยู่มากกว่า หลีไฟมีน้อยจนนับนิ้วได้ หากไม่เป็นเพราะถามชุนสุ่ยชิวสือถึงเรื่องราคามาก่อน เฉินผิงอันย่อมคิดไปว่าหลีไฟที่มีจำนวนน้อยมากราคาแพงยิ่งกว่า
อันที่จริงนี่ก็คือรากฐานของตระกูลเซียนบนภูเขาอย่างภูเขาต่าเจี้ยว พวกเขาไม่เคยตระหนี่ขี้เหนียว
เฮ้อเสี่ยวเหลียงกินหลีไฟอย่างสบายอารมณ์ สีหน้าผ่อนคลาย
เฉินผิงอันนั่งตัวตรงอย่างสำรวมรอคอย ด้วยไม่รู้ว่าเซียนซือท่านนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่
เฮ้อเสี่ยวเหลียงกุมารีหยกแห่งระบบเต๋าของบุรพแจกันสมบัติทวีป ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงป่าวประกาศว่าตัวเองออกจากสำนักโองการเทพแล้ว มีคนบอกว่าเป็นเพราะนางหลงรักอาจารย์อาน้อยที่เดินทางไปรับผิดชอบดูแลคัมภีร์ของสำนักเบื้องบนซึ่งอยู่ที่ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง เมื่อใจรักของแม่ชีสาวบังเกิด ต่อให้ฟ้าผ่า แผ่นดินไหวหรือไฟไหม้ นางก็ไม่อาจหยุดรักได้ จึงถึงขั้นเลียนแบบชาวบ้านที่สามีร้องภรรยาตาม ยอมสละทิ้งทั้งสำนักผู้มีพระคุณและมหามรรคาแห่งความเป็นอมตะ
เฮ้อเสี่ยวเหลียงสละตำแหน่งกุมารีหยก สามลัทธิของสำนักเต๋าในแจกันสมบัติทวีปจึงมีกุมารีหยกคนใหม่ปรากฎตัวทันที ไม่ได้อยู่ในสำนักโองการเทพที่มีเทียนจวินบัญชาการณ์ แต่เป็นแม่ชีสาวน้อยชื่อเสียงไม่โด่งดังคนหนึ่งในสำนักวารีสารท คนภายนอกคาดเดาเอาว่ากระทำของเฮ้อเสี่ยวเหลียงครั้งนี้เป็นเหตุให้ฝ่ายในระบบเต๋าของทวีปเกิดความแค้นเคือง สำนักโองการเทพต้องสูญเสียอนาคตอันงดงามจากที่เคย ‘เป็นสำนักที่มีทั้งกุมารทองและกุมารีหยก’ ไป ส่วนอาจารย์ผู้มีพระคุณของเฮ้อเสี่ยวเหลียงก็ยิ่งเดือดดาลอย่างหนัก ถึงกับป่าวประกาศว่าจะจัดการลูกศิษย์ในสำนักของตัวเอง เกือบจะลงจากภูเขาไปตามหาร่องรอยของเฮ้อเสี่ยวเหลียงด้วยตัวเอง กว่าเทียนจวินฉีเจินจะห้ามเอาไว้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย
คนบนโลกต่างก็รู้ว่าอาจารย์ผู้สืบทอดวิชาความรู้ให้แก่เฮ้อเสี่ยวเหลียงฝากความหวังไว้กับนางมาก ทุ่มเทอบรมปลูกฝังราวกับเห็นนางเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของตน
นี่เป็นเรื่องจริงที่คนทั้งสำนักโองการเทพต่างก็เห็นกันอยู่ในสายตา
ด้วยเหตุนี้หากเทพเซียนเฒ่าจะเสียใจมากก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
แต่ก็อดมีคนกังขาไม่ได้ว่า ไหนบอกว่าเฮ้อเสี่ยวเหลียงมีโชควาสนาลึกล้ำเป็นอันดับหนึ่งของทวีปไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงตกอยู่ในสภาพนี้ได้?
หรือว่านางงมเจอวาสนาที่ยิ่งใหญ่มากกว่า? เป็นเหตุให้ทอดทิ้งได้แม้กระทั่งอาจารย์และสำนัก? ทว่าในระบบเต๋านั้นมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดไม่เป็นรองสำนักศึกษาและสถานศึกษาของลัทธิขงจื๊อเลยแม้แต่น้อย ต่อให้เฮ้อเสี่ยวเหลียงไปอยู่ที่สำนักเบื้องบนของสำนักโองการเทพในแผ่นดินกลางจริงๆ แต่ต้องแบกชื่อเสียงฉาวโฉ่และคำประนามจากคนมากมายขนาดนี้จะสามารถอยู่ข้างกายนักพรตผู้ดูแลคัมภีร์คนนั้นไปได้ชั่วชีวิตจริงหรือ?
ยังดีที่ศึกระหว่างขุนเขาตะวันเที่ยงและสวนลมฟ้ามาดึงความสนใจจากทุกคนไปเสียก่อน
ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่ตัดสินเป็นตายจะมีพลังดึงดูดมากกว่าความรักความแค้นที่ซับซ้อนวกวน
เฉินผิงอันเห็นว่าเฮ้อเสี่ยวเหลียงกินหลีไฟไปแล้วหนึ่งลูกก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเปิดปาก จึงได้แต่ถามเสียงเบา “เฮ้อเซียนซือ เจ้ามาหาข้ามีธุระอะไรหรือ?”
เฮ้อเสี่ยวเหลียงที่ความคิดล่องลอยไปไกลดึงสมาธิกลับมา กระนั้นนางก็ยังไม่พูดอะไร เพียงมองประเมินเฉินผิงอันอย่างละเอียด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!