เมื่อเวลาล่วงเลยผ่าน แรกเริ่มเด็กสาวผู้บริสุทธิ์รู้เพียงว่านั่นคือสายตาที่ทำให้นางไม่สบายใจ ไม่ใช่ความเมตตาปราณีอย่างที่ผู้ใหญ่ใช้มองผู้น้อย แต่มันแฝงไว้ด้วยความหมายของบุรุษที่ใช้มองสตรี
แต่ตอนนั้นเจ้าลัทธิฉีเจินกำลังปิดด่าน คนทั่วทั้งสำนักโองการเทพต่างก็อยู่ในภาวะตึงเครียดหวาดหวั่น
หนึ่งวันก่อนที่นางจะออกจากสำนักโองการเทพเดินทางไปถ้ำสวรรค์หลีจู ผู้เฒ่าก็บอกกับนางอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาว่า ต้องการให้นางเป็นคู่บำเพ็ญตนของเขา!
ผู้เฒ่ายังบอกด้วยว่า เพื่อนางแล้วเขาสามารถไปจากสำนักโองการเทพ ครองคู่เป็นยวนยางป่าที่มีความสุขและอิสระเสรีในภูเขาสูงบึงน้ำกว้างใหญ่ ไม่ต้องสนใจสายตาของคนในโลก หากเฮ้อเสี่ยวเหลียงไม่อยากมีชีวิตที่ระหกระเหินก็ไม่เป็นไร อย่างมากก็แค่เป็นอาจารย์และศิษย์กันภายนอก แต่เป็นคู่รักกันลับๆ ผู้เฒ่ารับประกันว่าคัมภีร์ไม่สมบูรณ์แบบที่บรรยายถึงการฝึกมหามรรคาคู่นั้นสามารถทำให้พวกเขาสองคนเลื่อนสู่ห้าขอบเขตบน ไม่ใช่เคล็ดประกอบกิจกามในห้องหับชั้นต่ำที่ใช้ธาตุหยินของฝ่ายหญิงมาเสริมธาตุหยางของฝ่ายชายอย่างแน่นอน
เฮ้อเสี่ยวเหลียงไม่ยินยอม
อีกทั้งยังไม่ได้แสร้งแสดงความนอบน้อมและคล้อยตาม หากไม่เป็นเพราะตอนนั้นผู้เฒ่าไม่มั่นใจว่าจะจับตัวนางได้อย่างเงียบเชียบ เกรงว่าคงลงมือไปนานแล้ว
นี่ถึงเป็นเหตุให้นางเดินทางไปเยือนถ้ำสวรรค์หลีจูต้าหลีในคราวนั้น
เพราะทัศนียภาพบางอย่าง เฮ้อเสี่ยวเหลียงอยากจะเดินขึ้นไปยอดเขา และดูให้เห็นเองกับตาเพียงลำพัง
อันที่จริงสำหรับวิชาการฝึกตนคู่ซึ่งเป็นการเสพกามในสายตาของชาวโลก หรือคู่รักอาจารย์และศิษย์ที่ผิดต่อหลักประเพณีนิยมอะไรพวกนี้ เฮ้อเสี่ยวเหลียงไม่ได้ให้ความสำคัญนัก แล้วก็ไม่ได้มีอคติสักเท่าไหร่
เฮ้อเสี่ยวเหลียงให้ความสำคัญแค่มหามรรคาเท่านั้น!
และในความเป็นจริงแล้ววิชาลับฝึกตนคู่ชั้นเยี่ยมที่แท้จริงของลัทธิเต๋าก็ไม่ได้แย่อย่างที่มนุษย์ธรรมดาเข้าใจผิด
เพราะนับว่าเป็นอีกสาขาหนึ่งของการฝึกคู่ทั้งกายและใจ อีกทั้งยังไม่ได้ถูกแบ่งแยกให้เป็น ‘หนึ่งในวิชา’ ของลัทธินอกรีตด้วย
ลัทธินอกรีต แม้จะฟังดูแล้วเป็นความหมายในทางลบ แต่อันที่จริงแล้วสำหรับผู้ฝึกลมปราณบนภูเขา นี่ก็เป็นแค่คำพูดที่แสดงให้เห็นว่าไม่สามารถเลื่อนสู่ห้าขอบเขตบนได้ก็เท่านั้น แต่ก็ถือเป็นเส้นทางสายใหญ่ที่พาขึ้นไปสู่ภูเขาที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
หลังจากที่เฮ้อเสี่ยวเหลียงกลับไปจากต้าหลี อาจารย์ผู้มีพระคุณที่ถ่ายทอดความรู้ให้นางคนนั้นก็ฉีกกระชากภาพลักษณ์ของผู้อาวุโสที่เมตตาปราณีทิ้งอย่างสิ้นเชิง เขาคอยพูดจาล่อลวงโน้มน้าวใจ บางครั้งก็ข่มขู่ บางครั้งขุ่นเคือง ใช้ครบทุกสารพัดวิธี
เฮ้อเสี่ยวเหลียงรับมืออย่างสงบเยือกเย็น ทหารมาก็เอาขุนพลต้านรับ น้ำมาเอาดินกลบ แต่ส่วนลึกในจิตใจนางรู้สึกเศร้าหมอง เพราะนางรู้ว่านี่ก็คือมหามรรคาที่ผู้เฒ่าเลือก แต่มันเล็กเกินไป แคบเกินไป นางไม่เต็มใจเดินเคียงข้างผู้เฒ่าไปบนทางคับแคบที่ทัศนียภาพสุดปลายทางไม่สวยงามยิ่งใหญ่มากพอสายนี้
หลังจากนั้นเว่ยจิ้นเซียนกระบี่พสุธาของศาลลมหิมะก็มาที่แคว้นหนันเจี้ยน ผู้เฒ่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้ช่วยที่เฮ้อเสี่ยวเหลียงเชื้อเชิญมา เขาจึงสงบสำรวมกว่าเดิมเยอะมาก คิดไม่ถึงว่าเฮ้อเสี่ยวเหลียงจะปฏิเสธเว่ยจิ้น สุดท้ายเว่ยจิ้นก็ดื่มเหล้าเมามายจูงลาจากไปอย่างเจ็บปวด นี่ทำให้ผู้เฒ่ารู้สึกว่าโอกาสดีๆ ครั้งใหม่บังเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่สิ่งดีย่อมมาพร้อมกับความยากลำบาก นักพรตหนุ่มที่มีศักดิ์เท่ากับเขา แต่ตบะไม่สูงเท่าเขากลับกล้าปกป้องเฮ้อเสี่ยวเหลียง งัดข้อกับเขาซึ่งๆ หน้า ทั้งยังทิ้งประโยคอาฆาตที่ทำให้คนเย็นสันหลังวาบเอาไว้ ผู้เฒ่ารุกหน้าก็ไม่ได้ จะถอยก็ไม่ดี ลำบากใจอย่างยิ่ง แต่จะว่าไปแล้วก็น่าตลก เพียงไม่นานไอ้หมอนั่นก็รีบร้อนเดินทางไปยังทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง รีบร้อนจนได้แค่พูดคุยกับเฮ้อเสี่ยวเหลียงเป็นการส่วนตัวครั้งเดียว ไม่ว่าจะอย่างไร เฮ้อเสี่ยวเหลียงไม่ได้เลือกพึ่งพาอาจารย์อาน้อยของนางอย่างที่คนนอกคิดกัน แต่เลือกที่จะลบชื่อตัวเองออกจากบัญชีนักพรตเต๋าของสำนักโองการเทพ นี่ทำให้ผู้เฒ่ารู้สึกว่าสถานการณ์ดีๆ ครั้งใหม่ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ในที่สุดโอกาสก็มาแล้ว แต่ฉีเจินเจ้าสำนักกลับค่อนข้างจะใจกว้าง ไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่น ไม่ซักไซ้ถามหาเหตุผลที่เฮ้อเสี่ยวเหลียงทรยศสำนัก ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ในสำนักโองการเทพอาจจะมีคนที่ไม่พอใจอยู่บ้าง รู้สึกว่าสำนักเลี้ยงคนเนรคุณเอาไว้ แต่ในเมื่อเทียนจวินเจ้าสำนักพูดเองแล้ว พวกเขาก็ได้แต่ยอมเลิกราโดยดี มีเพียงอาจารย์ของเฮ้อเสี่ยวเหลียงที่คิดจะลงจากภูเขาไป ‘เอาโทษ’ นาง แต่กระนั้นก็ยังถูกฉีเจินเกลี้ยกล่อมให้กลับสำนัก
บอกว่าเกลี้ยกล่อมให้กลับ
แต่พอเฮ้อเสี่ยวเหลียงที่ติดตามลู่เฉินไปต้าหลีได้ยินข่าว นางกลับรู้ดียิ่งกว่าใครว่า เจ้าสำนักฉีเจินจะต้องบังคับห้ามปรามผู้เฒ่าเอาไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีการลงไม้ลงมือกันด้วยถึงทำให้ผู้เฒ่ายอมกลับไปในจวนของตัวเองได้
เพราะหากไม่มีนาง มหามรรคาของผู้เฒ่าที่เดิมทีก็คลอนแคลน ไม่ทานลมทานฝนสายนั้นย่อมต้องขาดออกกลางคันอย่างสิ้นเชิง
ด้วยนิสัยดึงดัน เอาตัวเองเป็นใหญ่ของผู้เฒ่าย่อมไม่มีทางเลิกราง่ายๆ อย่างแน่นอน
แต่ทุกอย่างล้วนกำหนดมาแล้วว่าต้องเปลืองแรงเปล่า
เพราะด้านหลังของนางมีลู่เฉินหนุนหลัง
เขาคือบุคคลที่สามารถออกคำสั่งกับฉีเจินเทียนจวินได้ตามใจชอบ
เฮ้อเสี่ยวเหลียงคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
จึงไม่ได้ตอบคำถามของเฉินผิงอันเสียที
เฉินผิงอันจึงได้แต่รอเงียบๆ
“ต่อให้ลู่เฉินจะวางแผนลึกล้ำยาวไกลแค่ไหน ก็เป็นแค่การกระทำที่คล้อยไปตามสถานการณ์เท่านั้น” จู่ๆ ดวงตาของเฮ้อเสี่ยวเหลียงก็เป็นประกายวาบ ลุกพรวดขึ้นยืน คล้ายกับคลายปมบางอย่างในใจตัวเองได้ “ที่แท้วาสนานี้คือสวรรค์ที่ประทานมาให้”
แต่หัวใจของเฮ้อเสี่ยวเหลียงก็พลันสั่นสะท้านขึ้นมาอีกครั้ง
นางพอจะจำได้ว่า ครั้งแรกที่พบเจอเด็กหนุ่ม นางมองออกแค่ว่าเขามีโชควาสนากับตน แต่โชควาสนานั้นบางเบานัก
นี่ต่างหากถึงจะเป็นเจตนารมณ์เดิมของมหามรรคานาง
แต่เหตุใดตอนนี้นางถึงได้รู้สึกว่าโชควาสนาของเขาลึกล้ำ? ถึงขั้นรู้สึกว่าพวกเขาเป็น ‘คู่ที่ฟ้าประทานมาให้’?
นี่ก็คือแผนการที่เจ้าลัทธิเต๋านามว่าลู่เฉินผู้นั้นอนุมานไว้!
แล้วก็จริงดังคาด เพราะมีเสียงเกียจคร้านแฝงแววยั่วเย้าดังขึ้นมาในทะเลสาบหัวใจของนาง “ถูกแล้ว สามารถคิดจนเข้าใจในข้อนี้ ก็แสดงว่าเจ้าผ่านด่านนี้ไปได้แล้ว เมื่อถามหัวใจตัวเองแล้ว เจ้าก็ได้มอบคำตอบที่ถูกต้องออกมา กระจกแห่งหัวใจที่แตกร้าวของเจ้าได้รับการซ่อมแซมชดเชยอย่างครบถ้วน ต่อให้วันหน้าบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง ก็ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่แค่ปริแตกก็แหลกสลายได้ทันที หลังจากนี้เจ้าสามารถท่องไปในกุรุทวีปได้แล้ว”
“แต่บอกไว้ก่อนว่า ข้าผู้เป็นนักพรตไม่ได้แอบฟังหรือแอบดู เพียงแต่ว่าฝังบางสิ่งบางอย่างไว้ในทะเลสาบหัวใจของเจ้านานแล้ว เมื่อเจ้าได้คำตอบ มันก็จะคลายออก และข้าผู้เป็นนักพรตก็จะรับรู้ได้”
“ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว ข้าผู้เป็นนักพรตขอถามคำถามอีกข้อหนึ่งที่เจ้าต้องถามใจตัวเอง เจ้าควรจะจัดการกับเฉินผิงอันอย่างไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!