กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 212

กระบี่จงมา – บทที่ 212.1 เต๋าสูงหนึ่งคืบ
บทที่ 212.1 เต๋าสูงหนึ่งคืบ
โดย
ProjectZyphon
เมืองเล็กหลงเฉวียน ในโรงเรียนเก่าแก่ที่ถูกทิ้งร้าง นักพรตหนุ่มสวมกวานดอกบัวนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะตัวเล็กเพียงลำพัง มองไปยังตำแหน่งที่ฉีจิ้งชุนเคยยืนมาเป็นเวลาหกสิบปี นักพรตหนุ่มเงียบงันไม่เอ่ยคำใด ปลายนิ้ววาดไปวาดมาบนหน้าโต๊ะเบาๆ โดยไม่รู้ตัว

เมื่อคืนสติ ลู่เฉินจึงยกมือขึ้นคว้าจับไปทางด้านหลัง เฮ้อเสี่ยวเหลียงที่บินทะยานออกมาจากเรือปลาคุนก็ถูกเขา ‘งม’ ออกมาจากทะเลเมฆที่กว้างใหญ่ไพศาลโดยตรง ต่อให้เป็นผู้ฝึกลมปราณขอบเขตโอสถทองคำอย่างเฮ้อเสี่ยวเหลียง แต่เมื่อถูกย่นระยะทางนับหมื่นลี้ในเสี้ยววินาทีก็ยังอดรู้สึกหูตาพร่าลายไม่ได้ ร่างของนางเซถลาอยู่พักหนึ่งถึงจะหยุดยืนได้อย่างมั่นคง

เฮ้อเสี่ยวเหลียงตีหน้านิ่ง จัดระเบียบเสื้อผ้า สงบจิตวิญญาณที่อยู่ในทะเลสาบหัวใจ ถอยหลังไปสามก้าว ครั้นจึงทรุดตัวลงพื้นหมอบกราบ “ศิษย์เฮ้อเสี่ยวเหลียงคารวะอาจารย์”

จากกุมารีหยกของระบบเต๋าในหนึ่งทวีปกระโดดข้ามขั้นกลายมาเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเจ้าลัทธิหนึ่งในสำนักเต๋า นี่ก็คือปลาหลีกระโดดข้ามประตูมังกรโดยไม่ต้องสงสัย

ลู่เฉินพยักหน้ารับ ยกมือบอกให้เฮ้อเสี่ยวเหลียงรู้ว่าลุกขึ้นยืนได้ “ลุกขึ้นเถอะ เป็นลูกศิษย์ของข้าไม่จำเป็นต้องยึดถือกฎระเบียบพิธีการอะไรมากนัก แค่จริงใจก็พอแล้ว ตอนนี้เจ้าไม่ต้องสงสัย วันหน้าเมื่ออยู่ด้วยกันนานวันเข้า รอจนเจ้าได้พบกับศิษย์พี่ชายหญิงอีกห้าคนที่เหลือของเจ้าก็จะเข้าใจได้เองว่า นอกเหนือจากมหามรรคาแล้ว ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงมายาเลื่อนลอย”

สำหรับพิธีการทางโลกของลัทธิขงจื๊อ หรือแม้แต่กฎเหล็กในระบบเต๋าของตัวเอง ลู่เฉินที่ใช้ชีวิตอยู่ในใต้หล้าไพศาล แต่แท้จริงแล้วเติบโตอยู่ในใต้หล้ามืดสลัวไม่เคยให้ความสำคัญ บางทีอาจพูดได้ว่าก่อนหน้าจะถึงขอบเขตบินทะยาน เขาก็คือคนที่หันหลังให้กับระเบียบทางโลก ดังนั้นจึงเป็นคนที่มีจิตใจเปิดกว้าง ไร้ข้อผูกมัด และมีชื่อเสียงอยู่บนโลกใบนี้ด้วยสองคำว่า ‘อิสระเสรี’

ไม่เหมือนศิษย์พี่ใหญ่ที่ละเอียดอ่อนรอบคอบ หรือศิษย์พี่รองที่รู้ขอบเขตควรมิควร เขาที่เป็นศิษย์น้องเล็ก ต่อให้อยู่ต่อหน้าอาจารย์ก็ยังไม่ทำตามกฎระเบียบสักเท่าไหร่ ด้วยเรื่องนี้ศิษย์พี่ใหญ่ยังเคยเกลี้ยกล่อมเขา แม้แต่พี่รองก็ยังเคยซ้อมเขามาก่อน ภายหลังลู่เฉินก็ยังทำอะไรตามใจตัวเองอยู่เหมือนเดิม ยังดีที่อาจารย์ซึ่งจะมาปรากฎตัวในถ้ำสวรรค์เหลียนฮวาเป็นบางครั้งไม่ได้ถือสา

ลู่เฉินมองแม่ชีสาวที่ค่อนข้างจะอึดอัดใจ ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ทำไม ถูกงูกัดครั้งหนึ่งเลยกลัวเชือกไปสิบปี คิดว่าข้านักพรตที่เป็นอาจารย์ของเจ้าคิดวางกับดักล่อคนทุกวันอย่างนั้นหรือ? เพราะฉะนั้นทุกคำที่ข้าพูด เจ้าต้องใคร่ครวญ ชั่งน้ำหนักอย่างระมัดระวัง? ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็คิดผิดแล้ว อะไรที่มากเกินไปย่อมไม่ดี การที่ครั้งนี้เจ้ากลายมาเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของข้าได้ก็เพราะเจ้าสามารถผ่านด่านถามใจได้ติดต่อกันสามด่าน ด่านแรก เมื่อสัมผัสได้ว่าเป็นแผนการของข้าผู้เป็นนักพรตก็ตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาด รีบทบทวนเจตนาเดิมของตน ดึงภาพลวง ‘คู่สวรรค์ประทาน’ ทิ้งไป คว้าความจริงที่ว่า ‘วาสนาบางเบา’ เอาไว้ เมื่อผ่านด่านนี้มาได้ เจ้าถึงไม่ตายก่อนวัยอันควรที่กุรุทวีป หาไม่แล้วเมื่อไปอยู่ในสถานที่ที่ผู้ฝึกกระบี่กลาดเกลื่อนเหมือนขนวัว ทุกอย่างล้วนอาศัยกระบี่ที่รวดเร็วและหมัดในการพูดจา อนาคตเจ้าย่อมต้องเจอกับอุปสรรคใหญ่หลวง เนื่องด้วยทั้งชีวิตที่ผ่านมาเจ้าพบเจอแต่ความราบรื่นมาโดยตลอด หากสภาพจิตใจปริแตกจะยิ่งแหลกสลายได้อย่างสิ้นเชิงไม่มีทางแก้ไข และข้าผู้เป็นนักพรตก็ไม่ต้องไปตามหาตัวเจ้าในชาติหน้าแล้ว”

ลู่เฉินยื่นนิ้วชี้หน้าเฮ้อเสี่ยวเหลียง ยังคงเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ “เจ้าต้องรู้ว่า ครั้งนี้คนสามคนที่เซี่ยสือขอจากต้าหลี ยังไม่ต้องพูดถึงหลี่ซีเซิ่ง เอาแค่หม่าขู่เสวียน เขาก็คือเด็กโชคดีที่ศิษย์พี่รองของข้าเลือกตัวไป หนึ่งแก่หนึ่งเด็ก นิสัยร้ายกาจเข้าขากันเป็นอย่างดี ส่วนข้อที่ว่าจะมีเรื่องวงในอย่างอื่นอีกหรือไม่ ระบบเต๋าย่อมมีกฎเป็นของตัวเอง ไม่อนุญาตให้พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องสามคนอนุมานทำนายดวงให้กัน ส่วนเจ้าเฮ้อเสี่ยวเหลียงคือคนที่ข้าผู้เป็นนักพรตเลือก เพราะใจแห่งการฝึกตนของเจ้าคล้ายคลึงกับประสบการณ์การฝึกตนเมื่อแรกเริ่มของข้ามาก ไขปริศนาที่บังตา มุ่งตรงไปยังเจตนาดั้งเดิม นี่จึงเป็นเรื่องที่เรียบง่ายมาก เรียบง่ายกว่าการเป็นหุ่นเชิด ตกเป็นหมากของคนอื่น หรือคิดว่านี่คือแผนการในการช่วงชิงของเมธีร้อยสำนักอย่างที่เจ้าจินตนาการไว้มาก ก็แค่ข้าผู้เป็นนักพรตถูกชะตากับเจ้า จึงเลือกเจ้าเป็นลูกศิษย์ก็เท่านั้น”

“เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าพวกตาแก่ที่อยู่ในศาลเจ้าบุ๋นเหล่านั้นจะไม่จับตามองทุกการกระทำของข้า? เพราะฉะนั้นนี่ก็คือแผนการอย่างโจ่งแจ้งเปิดเผย วันหน้าเจ้าเฮ้อเสี่ยวเหลียงจะยืนหยัดอยู่ในกุรุทวีปได้อย่างมั่นคง มีชีวิตอยู่อย่างดีไปถึงท้ายที่สุดหรือไม่ ก็ดูที่แค่ความสามารถของเจ้าอย่างเดียว หลังจากที่ข้าผู้เป็นนักพรตกลับคืนไปยังใต้หล้ามืดสลัวจะไม่คอยดูแลลูกศิษย์ทุกก้าวย่าง เหล่าอริยะของลัทธิขงจื๊อไม่มีทางจงใจทำร้ายเจ้า อีกทั้งเจ้ายังมีศิษย์พี่ชายที่เดินทางท่องเที่ยวอยู่ที่ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางอีกคนหนึ่ง รวมไปถึงศิษย์พี่หญิงที่ฝึกประสบการณ์อยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ หากเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ก็สามารถไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขาได้ ในเมื่อตอนนี้พวกเจ้าเป็นคนบนเส้นทางเดียวกัน มีมิตรภาพของคนร่วมสำนัก…ก็ควรต้องช่วงชิงหน้าตาให้อาจารย์อย่างข้าสักหน่อย”

กล่าวมาถึงตรงนี้ ลู่เฉินก็คลี่ยิ้ม “วางใจเถอะ ข้าผู้เป็นนักพรตไม่ใช่อาจารย์ที่สำนักโองการเทพของเจ้า ไม่มีทางต้องการให้เจ้ามาฝึกตนคู่อะไรทั้งนั้น”

เฮ้อเสี่ยวเหลียงกลับมาเป็นแม่ชีงดงามผู้มีบุคลิกสุขุมเยือกเย็นที่มองทุกอย่างเว้นจากมหามรรคาเป็นสิ่งนอกกายอีกครั้ง นางถามคำถามหนึ่งที่ครุ่นคิดมานานมากแล้ว “ใต้หล้ามืดสลัวที่เจ้าประมุขลัทธิเต๋าของพวกเราควบคุมทุกอย่างก็มีอริยะของลัทธิขงจื๊อวางแผนการไว้อย่างลับๆ ด้วยหรือไม่?”

ลู่เฉินหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “มันก็แน่อยู่แล้ว ไม่ว่าที่ไหนก็เหมือนกัน ทุกคนต่างก็ยุ่งกันแทบหัวหมุน เจ้าคิดว่าคนอย่างหม่าขู่เสวียน เว่ยจิ้น ซ่งจ่างจิ้งถือเป็นลูกรักลำดับสูงสุดของสวรรค์แล้วใช่หรือเปล่า?”

ลู่เฉินหัวเราะอย่างมีความสุข “ถ้าอย่างนั้นวันหน้าเจ้าก็ควรไปดูที่ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางจริงๆ หรือบางทีในอนาคตได้ไปเยือนป๋ายอวี้จิงของใต้หล้ามืดสลัว เจ้าก็จะเข้าใจได้เองว่าต้องมีภูเขาที่สูงกว่าภูเขาหนึ่งเสมอ”

เฮ้อเสี่ยวเหลียงนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะตัวหนึ่งที่ห่างไปไม่ไกล นางบิดเอวหันมามองประสานสายตากับลู่เฉิน พอได้ยินคำตอบของเขาหัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยราวกับไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่

ลู่เฉินถามอย่างคลุมเครือ “เจ้าอยากถามว่าทำไมสามลัทธิถึงไม่นัดหมายกันให้รู้เรื่องไปเลยว่าพัฒนาศักยภาพได้แค่ในถิ่นของตัวเองเท่านั้น และต้องผลักไสความรู้ของสำนักหรือลัทธิอื่นๆ? แบบนี้จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก?”

เฮ้อเสี่ยวเหลียงพยักหน้ารับ นี่ก็คือสิ่งที่นางคิดอยู่ในใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!