กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 213

กระบี่จงมา – บทที่ 213.2 ตั้งตารอคอย
บทที่ 213.2 ตั้งตารอคอย
โดย
ProjectZyphon
ในฐานะผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตสิบที่แข็งแกร่งที่สุด พลังการสังหารของหลี่ถวนจิ่งสูงมากจนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้คน

เมื่อผู้ฝึกลมปราณคนหนึ่งถูกขนานนามให้เป็น ‘ที่สุด’ ในด้านใดก็ตาม โดยเฉพาะในขอบเขตของหนึ่งทวีปย่อมต้องเป็นบุคคลที่น่ากลัวอย่างมาก

ยกตัวอย่างเช่นซ่งจ่างจิ้งอ๋องเจ้าแคว้นต้าหลี ผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวขอบเขตเก้าที่หนุ่มที่สุด เมื่อตกอยู่ท่ามกลางศึกโอบล้อมเมือง เขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสิบในตำนาน

เว่ยจิ้น ผู้ที่ทำลายสถิติของหลี่ถวนจิ่ง กลายเป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตสิบเอ็ดที่หนุ่มที่สุด ตอนนี้กลายเป็นเทพเซียนห้าขอบเขตบนที่สูงส่งเหนือผู้ใดไปแล้ว

หวงเหอแห่งสวนลมฟ้าที่สะพายกล่องกระบี่ไม้เดินช้าๆ กลับขึ้นไปบนหอเรือนสูง

ทางฝ่ายของภูเขาตะวันเที่ยงเริ่มมีคนรีบร้อนลงไปช่วยเหลือซูเจี้ยแล้ว

หลี่ถวนจิ่งยืนสองมือไพล่หลัง ใบหน้าประดับรอยยิ้ม

ต่อให้ข้าเหลือแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็จะต้องบีบคอภูเขาตะวันเที่ยงของพวกเจ้า แม้ว่าสุดท้ายแล้วศิษย์ลูกศิษย์หลานของเจ้าจะพาศพเจ้าออกไปจากสวนลมฟ้าได้ แต่พวกเขาก็ยังไม่มีทางหายแค้นได้อยู่ดี

เจ้าเห็นไหมเล่า

เมื่อสามร้อยปีก่อน เจ้าทรยศต่อความจริงใจของข้า ข้าก็ทำให้คนทั้งภูเขาตะวันเที่ยงของเจ้าเงยหัวไม่ขึ้นสามร้อยปีเต็ม

เจ้าทำร้ายให้พวกเด็กรุ่นหลังในขุนเขาที่โชคดีกลายเป็นเซียนกระบี่ไม่มีหน้าจัดพิธีเฉลิมฉลอง ได้แต่ซ่อนตัวอยู่ในทะเลเมฆเหนือยอดเขา ทอดถอนใจด้วยความเสียดาย

ต่อให้วันนี้ข้าจะต้องตาย แล้วจะอย่างไร?

คราวนี้เจ้าพอใจแล้วหรือยัง?

หลี่ถวนจิ่งหยุดความคิดทั้งหมดลง หมุนกายเดินลงบันได ฝ่ามือตีไปตามราวบันไดเบาๆ

หลี่ถวนจิ่งเดินลงมาถึงชั้นแรก มาหยุดยืนอยู่ข้างกายคนหนุ่ม

หลิวป้าเฉียวที่อดทนดูจนศึกใหญ่ปิดฉากลงริมฝีปากสั่นระริก

หลี่ถวนจิ่งหันมาเอ่ยยิ้มๆ “ป้าเฉียว เห็นสตรีที่ตนรักได้รับความอัปยศ ต้องทนดูจิตแห่งกระบี่ของนางแหลกสลาย เพราะเป็นศัตรูที่อยู่กันคนละฝั่งจึงไม่อาจยื่นมือเข้าช่วยเหลือ แต่กระนั้นก็อดเจ็บปวดแทนนางไม่ได้ เป็นความรู้สึกที่ย่ำแย่มากเลยใช่หรือไม่?

หลิวป้าเฉียวพลันคืนสติ เตรียมจะกระโดดลงจากราวระเบียง แต่กลับถูกหลี่ถวนจิ่งยื่นมือมาห้ามไว้ “นั่งไปนั้นแหละ”

หลิวป้าเฉียวกล่าวอย่างละอายใจ “เจ้าสวน…”

หลี่ถวนจิ่งยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไรๆ ก็แค่ชอบผู้หญิงที่ไม่ควรชอบมากที่สุดเท่านั้น ไม่นับเป็นอะไรได้ ฟ้าไม่ได้จะถล่มลงมาสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องละอายใจ”

หลิวป้าเฉียวไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร ทั้งไม่อยากกล่าวคำพูดที่ผิดต่อใจตัวเอง แล้วก็รู้สึกผิดต่อสำนัก รู้สึกละอายใจต่อเจ้าสวน

หลี่ถวนจิ่งเอ่ยถาม “นับจากนี้ไปซูเจี้ยต้องตกต่ำ คาดว่าน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลูกนั้นก็ต้องถูกภูเขาตะวันเที่ยงยึดคืน จิตแห่งกระบี่ถูกทำลาย จิงชี่เสินทั้งร่างของเทพธิดาที่เคยทำให้เด็กรุ่นหลังอย่างพวกเจ้ารู้สึกละอายใจที่เทียบไม่ได้ล้วนพังทลายลง วันหน้าย่อมไม่ใช่เทพธิดาอะไรอีกต่อไปแล้ว ไม่แน่ว่าอาจเทียบนักพรตหญิงในนามของภูเขาตะวันเที่ยงไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ป้าเฉียว ข้าแค่อยากรู้ว่า เจ้าจะยังชอบนางอยู่อีกหรือไม่?”

หลิวป้าเฉียวพูดเหมือนสะอื้น “ชอบไปตลอดชีวิต เจ้าสวน ข้าไม่เอาไหนมากเลยใช่หรือไม่?”

หลี่ถวนจิ่งกล่าวอย่างสะท้อนใจ “เด็กโง่ แบบนี้สิถึงจะดี”

“ถ้าอย่างนั้นก็ชอบแบบนี้ต่อไปเถอะ แต่อย่าให้ส่งผลกระทบต่อการฝึกกระบี่ก็แล้วกัน ต้องรู้ว่าเจ้าเป็นคนที่ข้าเห็นดีมาโดยตลอด ไม่ด้อยไปกว่าหวงเหอเลย ก่อนหน้านี้ที่ข้าไม่พูดเรื่องพวกนี้กับเจ้า เพราะรู้ว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้สามารถพูดได้แล้ว เพราะหลังจากนี้จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว”

หลิวป้าเฉียวหันหน้ามามอง “เจ้าสวน?”

หลี่ถวนจิ่งพลันถามว่า “ตั้งใจฝึกกระบี่ให้ดี วันหน้าพยายามนำศพของข้าไปฝังร่วมกับศพคนผู้นั้น ป้าเฉียว หากกาลเวลาล่วงเลยผ่าน ช่วงเวลานั้นภูเขาตะวันเที่ยงเป็นดั่งดวงตะวันที่อยู่สูงกลางท้องนภา ข่มทับให้คนของสวนลมฟ้าพวกเราต้องเจียมตัวเก็บหัวเก็บหาง เจ้าจะทำอย่างไร?”

หลิวป้าเฉียวไม่เหลือความกล้านั่งอยู่บนราวระเบียงอีกแล้ว เขากระโดลงมายืนกลางระเบียง กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ผู้ฝึกกระบี่ย่อมสามารถใช้กระบี่พูดเหตุผลได้”

หลี่ถวนจิ่งเอ่ยหยอก “โอ้โห เหมือนข้าตอนเป็นหนุ่มมากเลยนะเนี่ย”

จากนั้นหลี่ถวนจิ่งก็ทอดสายตามองไปไกล กล่าวกลั้วหัวเราะ “จำเอาไว้ว่า ระหว่างบุรุษและสตรี หลักการนี้ใช้ไม่ได้ วันหน้าอย่าได้รู้สึกว่าเวทกระบี่ของตนสูงส่งแล้วจะใช้วิธีนี้ได้กับทุกเรื่อง เวลาพูดกับสตรีที่รัก อย่างไรก็ควร…”

“ควรอ่อนโยนสักหน่อย แล้วก็ต้องรู้จักพูดคำหวานด้วย”

หลี่ถวนจิ่งหันหน้ามองไปยังหวงเหอ ลูกศิษย์คนสุดท้ายที่เดินลงมาจากบันไดช้าๆ

มองไปยังคนหนุ่มทั้งสอง ผู้ฝึกลมปราณขอบเขตสิบที่แข็งแกร่งที่สุดในแจกันสมบัติทวีปผู้นี้ก็คลี่ยิ้มอย่างสง่างาม “หลังจากข้าตายไป วันหน้าคงต้องมอบบสวมลมฟ้าให้พวกเจ้าสองคนเป็นเสาหลักแล้ว”

หวงเหอสีหน้าเย็นชา “อาจารย์ แค่ข้าคนเดียวก็พอ”

หลิวป้าเฉียวยิ้มหน้าเป็น “แบบนี้สิดี คนเก่งก็เหนื่อยเยอะหน่อย ไม่ต้องให้เป็นภาระของข้า”

หลี่ถวนจิ่งหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี ยื่นนิ้วชี้ไปยังหวงเหอ “ผู้ฝึกกระบี่ที่พลังพิฆาตไร้เทียมทาน ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วหล้า ต้องเป็นของเจ้า”

จากนั้นก็ชี้มาที่หลิวป้าเฉียว “ผู้ฝึกกระบี่ที่องอาจสง่างาม ดื่มสุราเคล้านารี ต้องเป็นเจ้า”

สุดท้ายหลี่ถวนจิ่งกล่าวอย่างลำพองใจว่า “สรุปคือ ไม่ว่าอะไรก็ต้องเป็นของสวนลมฟ้าพวกเราทั้งหมด”

……

บนเรือคุนที่มุ่งหน้าไปยังแคว้นหนันเจี้ยน บุรุษร่างกำยำที่นั่งอยู่ข้างกายสตรีแต่งงานแล้วเอ่ยเย้ยหยัน “นอกจากผู้ฝึกกระบี่ชุดดำที่ลงสมรภูมิรบเป็นครั้งสุดท้ายที่ยังถือว่าพอมีความสามารถที่แท้จริงอยู่บ้าง การต่อสู้สามครั้งที่เหลือล้วนฝีมือธรรมดา หากเอาไปไว้ในกุรุทวีปของพวกเรา ไหนเลยจะมีหน้ากล้าจัดงานโอ้อวดใหญ่โตขนาดนี้”

สตรีแต่งงานแล้วพยักหน้ารับพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลูกนั้นไม่เลวเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสซื้อมาหรือไม่”

หมัวมัวเฒ่าที่ยืนกุมมือคารวะอย่างเคร่งเครียดยิ้มบางๆ “ขอแค่ฮูหยินแจ้งชื่อของท่าน คิดว่าคงจะได้น้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลูกนั้นมาไม่ยาก”

ทางฝั่งซ้ายมือสุด ผู้เฒ่าชุดลัทธิขงจื๊อที่สวมหมวกขนเตียวทนฟังคำพูดโอหัง รวมไปถึงคำวิจารณ์ที่มีต่อคนอื่นไม่จบไม่สิ้นของพวกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่ไหวอีกต่อไป นับตั้งแต่ศึกใหญ่ศึกแรกเริ่มต้นขึ้น พวกคนที่นั่งอยู่ใกล้เขากลุ่มนี้ก็เริ่มคุยโวโอ้อวด ตรงนี้ไม่ดี ตรงนั้นไม่ได้ เขาหนวกหูแทบตายอยู่แล้ว ผู้เฒ่าจึงเอียงศีรษะถ่มเสลดหนาข้นลงบนพื้นอย่างแรง “วิชากระบี่ของคนทั้งสามเทียบกับเซียนกระบี่ของกุรุทวีปเราไม่ได้ก็จริง แต่ศึกใหญ่ทั้งสามครั้งต่างก็สู้กันอย่างเต็มคราบ สมศักดิ์ศรี ยังจะเอายังไงอีก?”

ผู้ชายร่างสูงใหญ่ตวาดเสียงเฉียบ “ตาแก่เจ้าอยากตายรึ?”

ผู้เฒ่าหัวเราะหยัน “อยากตายแล้วอย่างไร? ไม่สู้มาลงนามยอมรับความตายกันเลย ในเมื่อดูเรื่องสนุกระหว่างสวนลมฟ้าและภูเขาตะวันเที่ยงจบแล้ว ก็ให้คนอื่นได้ดูเรื่องสนุกของพวกเรากันบ้างไหมล่ะ? หากแพ้ ข้าผู้อาวุโสก็ยอมรับชะตากรรม หากชนะ ให้ข้าเย่อคู่ชู้ของเจ้าสามวันสามคืน ตกลงไหม?”

ไม่ได้เก่งแต่ปาก พูดว่าจะทำก็ลงมือทำทันที

บุรุษลักษณะสุภาพอ่อนโยนแต่เหมือนคนขี้ขลาดที่อยู่ข้างกายสตรีแต่งงานแล้วทำหน้าที่เป็นทูตสันติ “มีเรื่องอะไรก็พูดกันดีๆ พูดกันดีๆ …ออกจากบ้านมาอยู่ข้างนอก อีกทั้งทุกคนยังเป็นคนของกุรุทวีปเหมือนกัน เหตุใดต้องทำลายความปรองดอง…”

สตรีแต่งงานแล้วที่ร่างผอมแห้งสูงโปร่งไม่เพียงแต่ไม่ขุ่นเคือง กลับยังหันหน้ามามองด้วยความสนใจ เอ่ยยิ้มๆ ว่า “น่าเสียดายที่แก่ไปหน่อย คาดว่าเอวแก่ๆ ของเจ้าคงทนรับแรงโยกของข้าไม่ไหว สู้กันล่างเตียงกับสู้กันบนเตียงไม่เหมือนกันหรอกนะ ใช่ไหมล่ะ ตาแก่หนังเหนียว?”

“ถุย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!