หญิงชราถามชวนคุย “คุณชายเฉิน มือซ้ายของเจ้าไปโดนอะไรมา?”
เฉินผิงอันชำเลืองมองมือซ้ายที่พันผ้าฝ้ายของตัวเอง เอ่ยยิ้มๆ ว่า “หกล้มโดยไม่ทันระวัง ไม่เป็นอะไรมาก”
ยากนักกว่าที่หญิงชราจะหาคนมาพูดคุยด้วยได้ จึงพูดยิ้มๆ “ฝนตกพื้นลื่น ทำให้คุณชายได้รับบาดเจ็บแล้ว บ้านหลังนี้ของพวกเราอยู่มานานหลายปีแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ตกอยู่ในสภาพยากลำบากเพราะถูกพวกเสือและหมาป่ารุมล้อมจ้องเล่นงาน เลยยิ่งไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้งเข้าไปใหญ่ อย่างมากสุดก็แค่ซ่อมแซมกำแพงบ้านเท่านั้น เวลากลางคืนก็น้อยครั้งนักที่จะแขวนโคมไฟ เพราะกลัวว่าจะทำให้ชาวบ้านตกใจ หลายปีที่ผ่านมานี้จึงไม่กล้าเชิญพวกช่างมาช่วยซ่อมแซมให้ ล้วนเป็นข้าที่ซ่อมเองอย่างส่งเดช แน่นอนว่าฝีมือย่อมไม่น่ามอง ก้อนหินอิฐปูพื้นหลายจุดเป็นหลุมเป็นบ่อ ไม่ราบเรียบ หากไปอยู่ในบ้านของคนตระกูลใหญ่ในเมือง ไม่เพียงแต่คนในบ้านตัวเองที่เห็นแล้วรำคาญตา หากคนบ้านอื่นมาเห็นเข้า คงถูกหัวเราะเยาะตายแน่ แถมยังจะต้องถูกคนเอาไปพูดลับหลัง คำพูดไม่น่าฟังมีหมดทุกรูปแบบ ยังดีที่นายท่านผู้เฒ่าและฮูหยินไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพวกนี้ นี่ถือเป็นวาสนาของข้า”
น้ำเสียงของหญิงชราราบเรียบ เนิบช้าดุจน้ำนิ่งที่ไหลลึก ระยะเวลาร้อยปีที่ผ่านมา อารมณ์สุขทุกข์เศร้าเบิกบานล้วนตกตะกอนอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจนางทีละนิด
นี่คือวาสนาของข้า
นี่น่าจะเป็นข้อสรุปแบบตอกปิดฝาโลงที่หญิงชรามีให้กับชีวิตของตัวเอง
เฉินผิงอันเอ่ยเบาๆ “บ้านหลังนี้มีท่านยายคอยให้ความช่วยเหลือก็ถือเป็นความโชคดีของพวกเขาสองสามีภรรยาเช่นกัน”
หญิงชราอึ้งงันไปเล็กน้อย หันหน้ามาเอ่ยสัพยอกด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเด็กคนนี้ มองดูเหมือนเป็นคนซื่อๆ แต่ทำไมรู้จักพูดขนาดนี้?”
เฉินผิงอันเอาหน่อไม้ทั้งหมดที่ปอกเสร็จแล้ววางไว้ในตะกร้าไม้ไผ่สะอาดใบหนึ่ง เงยหน้าขึ้นกล่าว “ท่านยาย ที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริงนะ”
หญิงชรามองดวงตาใสกระจ่างคู่นั้นของเด็กหนุ่มแล้ว “อืม” รับหนึ่งคำ ตอนที่หันตัวกลับไป รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งฉีกกว้างกว่าเดิม ชวนคุยต่ออีกครั้งว่า “คุณชายเฉิน มีผู้หญิงที่ชอบแล้วหรือยัง ผู้หญิงในเมืองแยนจือของแคว้นไฉ่อีเรามีชื่อเสียงด้านความงดงาม หากไม่รีบร้อนเดินทางก็สามารถไปเดินเล่นงานวัด ไม่แน่ว่าอาจจะพบเจอเนื้อคู่ก็เป็นได้ อีกอย่างถึงแม้ว่าวิถีวรยุทธ์ของคุณชายจะไม่สูง แต่หากมาอยู่ในสถานที่เล็กๆ ที่ไม่มีเทพไม่มีเซียนอย่างเมืองแยนจือนี้ก็ไม่ถือว่าเลวร้าย หากยินดีลงหลักปักฐานที่นี่ คิดจะเป็นแม่ทัพนายกองก็เหลือเฟือ ถึงเวลานั้นแต่งงานกับคุณหนูในตระกูลผู้มีความรู้สักคนก็ดีมากไม่ใช่หรือ”
เฉินผิงอันเขินอายเล็กน้อย อึกๆ อักๆ ไม่กล้าต่อบทสนทนานี้
หญิงชราหันหน้ากลับมาชำเลืองมองเด็กหนุ่มที่ใบหน้าคิ้วตาเริ่มปรากฎความหล่อเหลา แล้วยิ้มอย่างเข้าใจ เอ่ยเบาๆ ว่า “เข้าใจแล้ว คุณชายเฉินต้องมีผู้หญิงที่รักอยู่แล้วแน่ๆ”
เฉินผิงอันเงียบไปนานกว่าจะเอ่ยถามหน้าแดงก่ำ “ท่านยาย หากผู้หญิงที่ข้าชอบเคยถามข้าว่าข้าชอบนางหรือไม่ ตอนนั้นข้าบอกว่าไม่ชอบ แต่ตอนนี้จะไปหานางแล้วบอกว่าข้าชอบนาง ท่านว่านางจะคิดว่าข้าเป็นคนขี้โกหกเชื่อถือไม่ได้หรือไม่?”
“คุณชายเฉิน เจ้าพูดวกไปวนมาซะจริง”
หญิงชราหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ นึ่งกับข้าวจานหนึ่งทิ้งไว้แล้วนั่งลงบนม้านั่งตัวเล็กข้างเตาไฟ ถามยิ้มๆ ว่า “ตอนนั้นทำไมเจ้าถึงไม่บอกว่าชอบนางล่ะ? เพราะขี้ขลาดหรือว่าลำบากใจ? หรือรู้สึกว่าถ้าพยักหน้าตอบว่าใช่จะขายหน้านาง ก็เลยแสร้งวางตัวเป็นวีรบุรุษ?”
เฉินผิงอันครุ่นคิดอย่างตั้งใจแล้วให้คำตอบที่จากใจจริง “ข้าคงโง่กระมัง”
คราวนี้หญิงชราถูกหยอกให้ขำเข้าจริงๆ นางหัวเราะจนใบหน้าแก่ชราดูอ่อนโยนลง “ข้ารู้สึกว่าผู้หญิงที่เจ้าชอบน่าจะไม่โกรธ ผู้หญิงคนหนึ่ง หากมีคนมาชอบ อีกทั้งยังเป็นความชอบแบบบริสุทธิ์ใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ถือว่าเป็นเรื่องที่งดงามเรื่องหนึ่ง”
เฉินผิงอันงุ่นง่านเล็กน้อย ยกตะกร้าใส่หน่อไม้ไปวางไว้ข้างเตาไฟ “แต่แม่นางคนนั้นบอกกับข้าว่า นางจะชอบแค่เซียนกระบี่ที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น…”
หญิงชรากลั้นยิ้ม “โอ้โห ถ้าอย่างนั้นก็ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ เซียนกระบี่ใหญ่จะอย่างไรก็ต้องเป็นเทพเซียนขอบเขตหก คุณชายของข้าพรสวรรค์ดีเยี่ยมถึงขนาดนั้น ในอดีตเคยฝึกตนอยู่ในถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคลที่สูงส่งอย่างสำนักโองการเทพก็ยังไม่เคยได้เลื่อนสู่ห้าขอบเขตกลาง ไม่ได้กลายเป็นขอบเขตถ้ำสถิตในตำนาน คุณชายเฉิน ยายแก่อย่างข้าขอให้คำแนะนำเจ้าสักคำ เจ้าลองปรึกษากับแม่นางคนนั้นดูว่าจะเปลี่ยนข้อเรียกร้องจากเซียนกระบี่ใหญ่มาเป็นเซียนกระบี่เล็ก หรือเซียนกระบี่ธรรมดาได้หรือไม่? ขอบเขตถ้ำสถิตสูงเกินไปแล้ว ขอบเขตสี่ ขอบเขตห้าเป็นอย่างไร? ต้องรู้ว่าผู้ฝึกกระบี่ใต้หล้านี้ ต่อให้ขอบเขตจะต่ำแค่ไหนก็ยังมีชีวิตที่สุขสบายมาก ขอบเขตสี่ห้าก็ถือว่าร้ายกาจมากแล้ว”
เฉินผิงอันทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด
เซียนกระบี่ใหญ่ที่แม่นางหนิงพูดถึง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นขอบเขตสิบสองแน่นอน!
ต่อให้หนิงเหยาจะพูดคุยง่ายอย่างที่คิดไว้ ยอมลดระดับข้อเรียกลงให้ตนจริงๆ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเป็นขอบเขตเซียนกระบี่อย่างเว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะนั่นกระมัง?
เฉินผิงอันถอนหายใจ จู่ๆ ก็เอ่ยเตือนว่า “ท่านยาย กับข้าวสุกแล้ว”
หญิงชรารีบลุกขึ้นยืน เปิดฝาหม้อออก เพียงไม่นานอาหารที่ครบทั้งกลิ่นและสีดูน่ารับประทานก็ถูกตักใส่จาน นางให้เฉินผิงอันยกอาหารจานนั้นไปส่งที่ห้องโถงหลักของเรือนพักชั้นสาม แถมยังบอกกับเขาว่าส่งเสร็จแล้วก็ไม่ต้องกลับมา อยู่กินอาหารที่นั่นไปเลย หลังจากนี้นางจะเป็นคนยกอาหารไปให้เอง เฉินผิงอันวิ่งปรู๊ดจากไปแล้วก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง เห็นว่าหญิงชราแสร้งทำเป็นโมโห เฉินผิงอันเลยถามยิ้มๆ ว่า “ท่านยาย ข้ามาเอาเหล้า อีกอย่างข้าคุยกับผู้เฒ่าหยางมาก่อนแล้ว เขารับปากว่าจะยกเหล้าให้ข้า…”
กล่าวมาถึงตรงนี้ เฉินผิงอันก็ปลดน้ำเต้าบรรจุเหล้าขึ้นมาส่าย ยิ้มกว้างสดใส “ใส่ไว้ในนี้ได้จนกว่าจะเต็ม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!