กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 222

กระบี่จงมา – บทที่ 222.2 การจากลาบางครั้งก็สามารถกลับมาพบกันได้ใหม่
บทที่ 222.2 การจากลาบางครั้งก็สามารถกลับมาพบกันได้ใหม่
โดย
ProjectZyphon
นักพรตเต๋าคนนี้ก็คือลูกศิษย์คนที่สามของมรรคาจารย์เต๋าแห่งใต้หล้ามืดสลัว ลู่เฉิน

ลัทธิเต๋าของใต้หล้ามืดสลัวแบ่งออกเป็นอีกสามลัทธิ เจ้าลัทธิของลัทธิทั้งสามนี้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คน เทียบเท่ากับหลี่เซิ่ง หย่าเซิ่งและเหวินเซิ่งของใต้หล้าไพศาล

ลู่เฉินตบศีรษะของเด็กชายชุดเขียว ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “พอเถอะ เลิกทำเป็นหูหนวกตาบอดได้แล้ว หากข้าผู้เป็นนักพรตคิดจะทำอะไรกับเจ้าจริงๆ เจ้าคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะมีประโยชน์งั้นหรือ?”

จนถึงตอนนี้เด็กชายชุดเขียวก็ยังไม่รู้ตัวตนของลู่เฉิน แต่ดูจากวิชาอภินิหารของนักพรตเต๋าสวมกวานดอกบัวผู้นี้ ประเด็นสำคัญคืออีกฝ่ายยังใช้มันต่อหน้าเว่ยป้อและผู้เฒ่าวิปลาสด้วย เด็กชายชุดเขียวจึงรู้ว่าตัวเองมาชนตอเข้าอีกแล้ว อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้มากว่าตอนี้จะแข็งกว่าทุกครั้งที่เคยพบมาก่อนหน้านี้มากนัก

“ท่านผู้นี้” ลู่เฉินเดินไปทางหน้าผาเป็นเพื่อนเด็กชายชุดเขียว เอ่ยถามยิ้มๆ ว่า “เคยได้ยินเรื่องปิดหูขโมยกระดิ่งหรือไม่?”

เด็กชายชุดเขียวยกหลังมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก พูดเหมือนสะอื้น “เคย”

ลู่เฉินถามว่า “แล้วรู้สึกว่าอย่างไร? บอกมาตามความรู้สึกที่แท้จริง”

เด็กชายชุดเขียวสูดน้ำมูก “แค่รู้สึกว่าสนุก”

ลู่เฉินทอดถอนใจ “เด็กมีอนาคตสามารถสั่งสอนได้”

เด็กชายชุดเขียวพลันนั่งยองลงไป ยกสองมือกุมหัว ทอดสายตามองไปยังทิศไกลอย่างเหม่อลอย ใบหน้าเต็มไปด้วยความหมดอาลัยตายอยากน่าเวทนายิ่ง

เขาเริ่มคิดถึงเฉินผิงอันแล้ว หากเฉินผิงอันอยู่ข้างกาย ต่อให้ขอบเขตของนายท่านผู้เฒ่าคนนี้จะไม่สูงมากพอ แต่เด็กชายชุดเขียวกลับรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขา

ลู่เฉินลบสีหน้าเมตตาปราณีทิ้งอย่างสิ้นเชิง เบี่ยงตัวก้มหน้าลงมองเด็กน้อยที่กำลังเหม่อลอย เอ่ยถามเสียงเบาว่า “งูน้ำน้อย อยากติดตามข้าผู้เป็นนักพรตไปยังใต้หล้ามืดสลัวหรือไม่?”

เด็กชายชุดเขียวเงยหน้า น้ำตานองเต็มใบหน้า ดวงหน้าเล็กๆ ยับยุ่ง ปากบิดเบ้ พูดน่าสงสาร “หากข้าปฏิเสธ ท่านจะยกเท้าเหยียบให้หัวข้าเละเลยหรือไม่?”

ลู่เฉินส่ายหน้ายิ้ม “แน่นอนว่าไม่ ข้าผู้เป็นนักพรตก็แค่จะย้ายบ่อน้ำบ่อนั้นไป เพราะไม่ว่าจะน้ำพุข้างในก็ดี หรือเมล็ดพันธ์บัวทองก็ช่าง ต่างก็ถือเป็นของที่ข้าผู้เป็นนักพรตทิ้งไว้ในใต้หล้าแห่งนี้ ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าเฉินผิงอันสูญเสียโชควาสนาครั้งใหญ่ไป เจ้ามักจะชมตัวเองว่าเป็นวีรบุรุษเป็นชายชาตรีไม่ใช่หรือ? เจ้ากินดื่มของคนอื่นเขาโดยไม่จ่ายเงินแม้แต่แดงเดียวมาตลอดทาง จะไม่มีน้ำใจสักหน่อยหรือ? จะดีจะชั่วก็ควรทำอะไรเพื่อเฉินผิงอันบ้างไม่ใช่หรือไง?”

เด็กชายชุดเขียวเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตายังพร่ามัวไปด้วยน้ำตา “ข้าไม่มีน้ำใจแค่ครั้งสองครั้ง เฉินผิงอันก็ไม่ตำหนิข้าหรอก”

ลู่เฉินกุมขมับ มาเจอเข้ากับคนซื่อบื้อแบบนี้ เขาก็จนปัญญาเหมือนกัน ช่างเถอะ วาสนายังมาไม่ถึง ปล่อยไปก่อนก็แล้วกัน

เขาถอนหายใจ เอ่ยกับเด็กชายชุดเขียวว่า “วันหน้าบอกกับเฉินผิงอันด้วยว่า เรื่องของบ่อน้ำ เขาติดค้างน้ำใจข้าหนึ่งครั้ง อนาคตยังต้องคืนให้ข้า ส่วนเจ้า ตอนที่จะลงน้ำกลายเป็นเจียว สามารถไปที่แม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลผ่านทิศตะวันออกไปถึงทิศตะวันตกของกุรุทวีป หากสามารถประคองตัวไปได้จนถึงแม่น้ำตอนบนก็เท่ากับเจ้าประสบความสำเร็จ ถึงเวลานั้นสามารถให้เฉินผิงอันช่วยคุ้มกันให้กับเจ้าได้ อืม นี่ก็คือน้ำใจที่เขาต้องใช้คืนให้ข้าผู้เป็นนักพรต”

เด็กชายชุดเขียวถามหยั่งเชิง “เหตุใดท่านเซียนถึงดีกับข้าขนาดนี้?”

ลู่เฉินมองความคิดของเจ้าตัวน้อยออกจึงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “หนึ่ง ข้าผู้เป็นนักพรตมิใช่บิดาหรือบรรพบุรุษที่พลัดพรากจากเจ้าไปนานหลายปี สอง ข้าผู้เป็นนักพรตไม่ได้สนใจในเนื้อหนังเจียวหลงของเจ้าหลังจากที่เจ้ากลายร่างเป็นเจียวแล้ว สาม การที่ข้าผู้เป็นนักพรตแนะนำเจ้าก็เพราะชาติกำเนิดของเจ้าค่อนข้างจะพิเศษ อีกทั้งวันหน้ายังอาจจะถามเจ้าอีกครั้งว่าอยากไปอยู่ใต้หล้ามืดสลัวหรือไม่”

แล้วร่างของลู่เฉินก็วูบหายไป

เด็กชายชุดเขียวลุกขึ้นยืนมองไป ข้างกายของนังเด็กโง่กับเว่ยป้อก็ไม่มีนักพรตสวมกวานดอกบัวแล้ว

วินาทีนั้นเขาที่น้ำหูน้ำตาไหลเต็มหน้าพลันหัวเราะ เดินอาดๆ กลับไปหาเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูที่อยู่ตรงเรือนไม้ไผ่ กล่าวอย่างฮึกเหิมว่า “นังเด็กโง่ รู้หรือไม่! ท่านเซียนผู้เฒ่าชมว่าพรสวรรค์ของข้ายอดเยี่ยมมาก เกือบจะคุกเข่าขอรับข้าไปเป็นลูกศิษย์ แถมยังบอกด้วยว่าจะพาข้าไปใช้ชีวิตเสวยสุขอยู่ที่ใต้หล้าอะไรสักอย่างนี่แหละ! ข้าเป็นใครกัน ในเมื่อยอมรับเฉินผิงอันเป็นนายท่านผู้เฒ่าแล้ว ก็ควรจะต้องมีคุณธรรมของคนในยุทธภพถูกหรือไม่? ก็เลยปฏิเสธไปอย่างไม่ลังเล เจ้าไม่เห็นว่าตอนนั้นในดวงตาของท่านเซียนผู้เฒ่าเปล่งวูบวาบไปด้วยประกายน้ำตา เฮ้อ น่าสงสารท่านเซียนผู้เฒ่าที่มีความจริงใจ จะโทษก็ต้องโทษที่เฉินผิงอันโชคดีเกินไป รับข้าเป็นเด็กรับใช้ แล้วก็ต้องโทษข้าที่มีน้ำใจเกินไป! อ้อ ใช่แล้ว นังเด็กโง่ ท่านเซียนผู้เฒ่าพูดอะไรกับเจ้ารึ?”

เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูชูมือเล็กๆ ขึ้นมา ในมือมีแสงสีทองเปล่งระยิบระยับ นางกล่าวอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ท่านเซียนผู้เฒ่าคุยเรื่องกฎการเขียนตัวอักษรบางอย่างกับข้า สุดท้ายบอกว่าเจ้าต้องมาพูดจาเหลวไหลให้ข้าฟังแน่นอน เลยให้ข้าตบหน้าเจ้าแทนเขา”

แล้วเสียงเพี๊ยะก็ดังกังวาน

เด็กชายชุดเขียวถูกฝ่ามือสีทองตบลงบนใบหน้าเต็มแรง ร่างทั้งร่างหมุนคว้างอยู่กลางอากาศหลายตลบกว่าจะร่วงลงพื้น เด็กชายชุดเขียวนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้น แกล้งตายมันเสียเลย

เว่ยป้อที่ยืนอยู่ข้างบ่อน้ำหันไปมองชั้นสองของเรือนไม้ไผ่ที่เงียบสงบด้วยความกังวลใจ

……

แคว้นกู่อวี๋ จวนส่วนตัวที่มีนามว่า ‘จวนต้าเม่า’ มีบัณฑิตหน้าตาหล่อเหลาเรือนกายสูงใหญ่คนหนึ่งที่ใบหน้าซีดขาวคล้ายป่วยไข้กำลังกินปลาเปรี้ยวหวานดอกท้อซึ่งเพิ่งออกจากเตาใหม่ๆ มือข้างซ้ายของเขาถือช้อนเงินที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ มือข้างขวาถือตะเกียบสีเขียวคู่หนึ่ง รับประทานอาหารเลิศรสมื้อนี้อย่างเชื่องช้า ข้างมือยังมีเหล้าหมักของบรรณาการจากแคว้นกู่อวี๋วางไว้หนึ่งกา บางครั้งเขาจะวางตะเกียบลงแล้วยกเหล้าขึ้นดื่มหนึ่งคำ

หน้าโต๊ะอาหารของบัณฑิตผู้สง่างามมีปรมาจารย์วิถีวรยุทธ์และผู้ฝึกลมปราณระดับสูงสุดซึ่งมีชื่อเสียงสยบหนึ่งทิศทางของแคว้นกู่อวี๋ยืนอยู่

ปรมาจารย์วิถีกระบี่ที่มีวรยุทธ์เป็นขอบเขตสี่ขั้นสูงสุดฝึกฝนเล่าเรียนด้วยตัวเองจนประสบความสำเร็จ จิตสังหารรุนแรงอย่างถึงที่สุด เขาที่อยู่ในยุทธภพของแคว้นกู่อวี๋และแคว้นรอบๆ อีกหลายแคว้นมีทั้งชื่อเสียงดีและเลวปะปนกันไป เป็นที่ยอมรับกันว่าคนผู้นี้มีวรยุทธ์สูง แต่กลับไร้คุณธรรม มีเพียงผู้ที่เลื่อมใสปรมาจารย์ท่านนี้เท่านั้นที่จะเชื่อมั่นในตัวเขา ขอเพียงแค่เจอกับผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตล่างไม่ว่าจากสำนักใดก็ตาม เขาก็สามารถกุมชัยชนะไว้ได้อย่างมั่นคง

นักฆ่าขอบเขตสี่คนหนึ่งที่ไม่ได้ปกปิดโฉมหน้า คือชายฉกรรจ์หยาบกระด้างไม่สะดุดตาคนหนึ่ง แต่เห็นได้ชัดว่าเขาสวมหน้ากากใบหน้าปลอมเอาไว้ คนผู้นี้คือเจ้าของหอหม่ายตู๋ (ซื้อกล่อง) แห่งแคว้นกู่อวี๋ หอหม่ายตู่คือองค์กรนักฆ่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปหลายแคว้น ความหมายก็คือราคายุติธรรม ผู้ว่าจ้างแค่เอาเงินใส่กล่องไม้มาก็จะได้รับของตอบแทนเป็นไข่มุก (มาจากสำนวนหม่ายตู๋หวนจู ซื้อกล่องคืนไข่มุก ใช้เปรียบเทียบกับผู้ที่มีตาแต่หามีแววไม่ ไม่อาจแยกแยะว่าสิ่งใดมีคุณค่าที่แท้จริง สิ่งใดเป็นเพียงเครื่องปรุงแต่ง)

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!