กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 224

สรุปบท บทที่ 224.1: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปเนื้อหา บทที่ 224.1 – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บท บทที่ 224.1 ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

กระบี่จงมา – บทที่ 224.1 ชายเก่งกาจหญิงงดงาม
บทที่ 224.1 ชายเก่งกาจหญิงงดงาม
โดย
ProjectZyphon
ทางฝั่งของแท่นสูงใจกลางทะเลสาบ เทพเซียนเฒ่าแสดงฝีมืออันเยี่ยมยอดอีกครั้ง จำแลงกระดาษยันต์สีเหลืองสี่แผ่นให้เป็นสาวงามสี่คน ต่างคนต่างมีความงามในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ท่วงท่าบุคลิกไม่แพ้สตรีชุดสีสันสดใสก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย

จากนั้นก็บอกให้ข้ารับใช้ในเรือนที่เตรียมการรอมานานแล้วยกพิณโบราณ โต๊ะตั้งพิณ กระดานและโถใส่เม็ดหมากล้อม รวมไปถึงโต๊ะตัวใหญ่และสี่สมบัติในห้องหนังสือมา

มนุษย์ทั่วไปมีของสำคัญในชีวิตประจำวันอยู่เจ็ดอย่างอันได้แก่ฟืน ข้าว น้ำมัน เกลือ ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชูและชา ส่วนปัญญาชนผู้มีชื่อเสียงก็ย่อมต้องมีพิณ หมากล้อม พู่กัน ภาพวาด สิบนิ้วไม่เคยได้แตะต้องงานหยาบ ในชายแขนเสื้อมีแต่สายลมเย็น

เทพเซียนเฒ่าชี้นิ้วไปยังสตรีที่นั่งอย่างสงบเสงี่ยมอยู่หน้าโต๊ะหมากล้อม กุมมือคารวะแล้วเอ่ยเสียงดังกังวานว่า “ในเมืองแยนจือมียอดฝีมือด้านการเล่นหมากล้อมหรือไม่? ขอแค่เอาชนะนางได้ก็เอาโต๊ะและเม็ดหมากล้อมสองโถที่มีมูลค่าเทียบเท่าทองพันชั่งไปได้เลย”

สิ่งของที่อยู่ในจวนแห่งนี้ไม่มีชิ้นใดที่เป็นของราคาถูก

กล้าเอาของออกมาแสดงในจวนของเศรษฐีก็ต้องไม่ใช่ของที่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ศาสตร์และศิลป์ในเมืองแยนจือแคว้นไฉ่อีค่อนข้างจะรุ่งเรือง ยอดฝีมือที่ชื่นชอบประลองหมากล้อมจึงมีไม่น้อย และเพียงไม่นานก็มีผู้เฒ่าสวมชุดสีเขียวคนหนึ่งลุกขึ้นยืน เดินไปทางแท่นสูงใจกลางทะเลสาบ พอผู้เฒ่าเผยตัว คนบางคนที่คิดว่าตัวเองมีความสามารถในการเล่นหมากล้อมสูงพอก็ได้แต่นั่งกลับลงไปโดยดี นี่แสดงให้เห็นว่าผู้เฒ่าชุดเขียวต้องเป็นอันดับหนึ่งในวงการหมากล้อมซึ่งได้รับการยอมรับจากทุกคนอย่างแน่นอน

เทพเซียนเฒ่าและผู้เฒ่าชุดเขียวต่างก็พยักหน้าให้กัน ฝ่ายหลังเดินตรงไปหน้าโต๊ะหมากล้อมแล้วนั่งลง ก่อนจะแข่งขันกัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องมีการเดาก่อน ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าอวดดีว่าตัวเองมีฝีมืออยู่ในขั้นเจ็ด หรือคิดว่าคนที่มีระดับขั้นเท่าเทียมกันจะต้องให้ผู้อาวุโสเลือกก่อน เขาถึงได้คว้าหมากสีขาวขึ้นมากำหนึ่งอย่างไม่เกี่ยงงอน สตรีเล่นหมากล้อมที่จำแลงมาจากกระดาษเหลืองยิ้มบางๆ ก้มตัวลงไปคีบหมากสีดำขึ้นมาสองเม็ด ผลคือผู้เฒ่าได้เดินก่อน

เสียงโห่ร้องให้กำลังใจดังสนั่นไปทั้งริมทะเลสาบ

ในฐานะนักเล่นระดับแคว้นที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ของแคว้นไฉ่อี เดิมทีผู้เฒ่าก็เป็นความภาคภูมิใจของคนในเมืองแยนจืออยู่แล้ว พวกคนดูกู่ร้องให้กำลังใจเขาจึงสมเหตุสมผลดีแล้ว คนบ้านเดียวกันย่อมต้องช่วยเหลือกันเอง

จากนั้นเทพเซียนเฒ่าก็ชี้นิ้วไปยังสตรีสองคนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเขียนพู่กันโดยชี้ไปทางคนที่นั่งอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ “ได้ยินว่าช่วงนี้ท่านเจ้าเมืองมีเรื่องให้กังวลใจ ที่วัดซึ่งเพิ่งสร้างใหม่ยังขาดอักษรกลอนคู่ หลังจากนางเขียนเสร็จแล้ว จะนำไปใช้หรือไม่ ใต้เท้าท่านเจ้าเมืองมีฝีมือด้านการเขียนบทความเป็นที่เลื่องลือไปทั่วราชสำนัก มีสายตาเฉียบคมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว หลังจากมองดูเนื้อหาคร่าวๆ แล้วก็น่าจะตัดสินใจได้”

ใต้เท้าเจ้าเมืองลูบหนวดยิ้มๆ แม้จะปลาบปลื้มกับคำชมก็ยังรักษากิริยาเอาไว้

จากนั้นเทพเซียนเฒ่าก็มองไปยังแม่ทัพฝ่ายบู๊ที่นั่งอยู่ข้างเจ้าเมืองหลิวในศาลาริมน้ำ กล่าวกลั้วหัวเราะเสียงดัง “แม่ทัพหม่าคือแม่ทัพผู้ห้าวหาญในสมรภูมิรบผู้มีคุณูปการอันโดดเด่น เคยเป็นหนึ่งในเสาหลักพิทักษ์ชายแดนของแคว้นไฉ่อี ผ่านสงครามมานับร้อย แม้ว่าข้าผู้อาวุโสจะเป็นคนต่างถิ่น แต่ก็เคารพเลื่อมใสท่านอย่างถึงที่สุด จึงตั้งใจให้นางแสดงฝีมืออันอัปลักษณ์ (เป็นคำที่แสดงถึงการถ่อมตัว) วาดภาพหิมะพร่างพราวให้แก่ท่าน!”

แม่ทัพฝ่ายบู๊ยกเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดจอก หัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ “หากวาดได้ดี สามารถวาดกลิ่นอายของความกว้างใหญ่ไพศาลในสนามรบออกมาได้ วันที่ท่านเทพเซียนเฒ่าออกจากเมือง ข้าผู้แซ่หม่าจะไปส่งท่านเดินทางด้วยตัวเองเป็นระยะทางสามสิบลี้!”

เทพเซียนผู้เฒ่ากุมหมัดขอบคุณแม่ทัพฝ่ายบู๊ สุดท้ายเดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะพิณ ธูปก้านหนึ่งกลิ้งออกมาจากชายแขนเสื้อ ปักอยู่ในกระถางธูปสีทองเหลืองที่ว่างเปล่า เขาจุดไฟด้วยตัวเอง ควันธูปสีม่วงลอยอวลขึ้นมากลางอากาศ

จากนั้นก็หันไปผงกศีรษะให้กับสตรีที่ดีดพิณ ฝ่ายหลังคลี่ยิ้มหวานหยดย้อย ก่อนจะก้มหน้าเริ่มสร้างอารมณ์ให้กับตัวเอง

เมื่อเสียงพิณที่สั่นคลอนจิตใจคนดังขึ้น หัวใจของคนหลายร้อยที่ได้ยินก็ผ่อนคลายตามไปด้วย

ในยุคบรรพกาลอันห่างไกล อริยะสร้างพิณขึ้นมาเพื่อปรับเสียงแห่งใต้หล้า เป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่าเสียงพิณสามารถระงับความลามกอนาจาร ปรับจิตใจคนให้เที่ยงตรง

ในระเบียงทางเดินที่ทอดยาว ชายฉกรรจ์เคราดกนั่งแทะเมล็ดแตง จุ๊ปากพูดชม “ลูกเล่นเยอะจริงๆ เพียงแต่ว่าอืดอาดชักช้าไปหน่อยเลยไม่ค่อยน่าสนใจนัก”

เขาไม่มีความรู้ด้านพิณ หมากล้อม พู่กันหรือภาพวาด จึงไม่รู้สึกสนใจ เต็มใจที่จะดูรำกระบี่มากกว่า เอวบางๆ ที่บิดยักย้ายและสะโพกที่ผลุบๆ โผล่ๆ ของคนงามสวมชุดสีสันสดใสกับพวกดรุณีน้อยชุดขาวต่างหากถึงจะเป็นทัศนียภาพอันสวยงามที่เขาอยากชม

บัณฑิตหลิวเกาหวาเป็นพวกที่หลงใหลในหมากล้อม จ้องมองไปที่การประลองฝีมือระหว่างผู้เฒ่าชุดเขียวกับสตรีผู้นั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น เจ็บใจก็แต่ตนเป็นลูกหลานขุนนางที่นิสัยไม่เอาไหน เลยไม่มีโอกาสได้ขึ้นไปดูบนแท่นสูงให้เห็นกับตาตัวเอง

นักพรตจางซานเฟิงร้อนใจจริงๆ แล้ว เขาคอยหันซ้ายแลขวาก็ไม่เห็นว่าเฉินผิงอันจะปรากฎตัวเสียที คงไม่ได้ตกส้วมไปแล้วจริงๆ หรอกกระมัง เขาจึงไม่สนว่าใครจะมองมาอย่างไม่พอใจ หลังจากบอกให้คนทั้งสองรู้แล้วก็ลุกขึ้นเบียดฝูงชนไปตามหาเฉินผิงอัน

เทพเซียนเฒ่ายืนเอามือไพล่หลัง รอยยิ้มไม่ยินดียินร้ายในลาภยศสักการะ ท่าทางลึกลับเกินจะหยั่ง เขาเก็บภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่ริมทะเลสาบไว้ในสายตา รู้ดีว่าแผนการครั้งนี้ของตนสำเร็จไปเกินครึ่งแล้ว

……

บนถนนเส้นเล็ก หม่าขู่เสวียนหยิบขวดกระเบื้องใบหนึ่งออกมาเทยาเม็ดสีเงินสองเม็ด หลังจากโยนเข้าปากแล้วก็กล่าวอย่างจนใจว่า “อาจารย์ ท่านนี่เหมือนวิญญาณร้ายที่ตามติดจริงๆ”

ดูท่าการฝึกประสบการณ์ในยุทธภพครั้งนี้ อาจารย์คงแอบจับตามองเขาอย่างลับๆ อยู่ตลอดเวลา นี่ทำให้หม่าขู่เสวียนเอือมระอาอย่างยิ่ง เขาพอจะรู้นิสัยของบุรุษที่อยู่ข้างกายคร่าวๆ แล้วว่าเป็นเหมือนก้อนหินในห้องส้วม ทั้งเหม็นทั้งแข็งทื่อ เรื่องไหนที่เขาตัดสินใจแล้วก็จะต้องเดินไปให้สุดปลายทาง หม่าขู่เสวียนไม่ได้ร้อนตัวเหมือนวัวสันหลังหวะ บุรพาจารย์ท่านหนึ่งของภูเขาเจินอู่ที่ถ่ายทอดเวทลับสำนักการทหาร และมอบสมบัติอาคมล้ำค่าชิ้นหนึ่งให้กับเขาได้เคยอธิบายให้หม่าขู่เสวียนฟังถึงกฎเกณฑ์ของสำนัก นอกจากคำสั่งของเจ้าขุนเขาภูเขาเจินอู่แล้ว ข้ออื่นๆ ล้วนไม่ใช่กฎเกณฑ์ที่แท้จริง แต่เจ้าขุนเขาภูเขาเจินอู่ปิดด่านมาร้อยปีแล้ว กฎเกณฑ์ทั้งหลายจึงยิ่งหละหลวมและผ่อนคลายมากขึ้น

บุรุษไม่เอ่ยคำใด

การลงเขาในครั้งนี้หน้าที่ของเขาก็คือคุ้มกันให้หม่าขู่เสวียนไปหาเรื่องแม่ทัพใหญ่กองทหารม้าเหล็กไห่เฉา ซึ่งมีส่วนเกี่ยวพันไปถึงการตายของย่าหม่าขู่เสวียน และราชวงศ์ของกองทัพม้าเหล็กไห่เฉาก็เพิ่งจะทำสงครามใหญ่กับศัตรูคู่อาฆาตไป ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต่อสู้กันจนฟ้าถล่มดินทลาย ฝ่ายหนึ่งถึงขั้นเอาทวยเทพร่างทองสูงร้อยจั้งมาใช้ อีกฝั่งหนึ่งก็ใช้วัวดินพิทักษ์แคว้นหนึ่งตัว เดิมทีนี่คือวัวเหล็กที่เซียนในยุคบรรพกาลใช้เฝ้าริมน้ำเวลาที่มีการขนส่งทางน้ำ สงครามครั้งนี้กองทัพม้าเหล็กไห่เฉาเสียหายอย่างสาหัส หม่าขู่เสวียนแอบแฝงตัวเข้าไปข้างใน เพียงค่ำคืนเดียวก็สังหารแม่ทัพฝ่ายบู๊ระดับกลางไปได้สามคน แล้วสะบัดมือจากมาอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด

บุรุษถาม “ถ้าอย่างนั้นคำตอบของเจ้าคืออะไร?”

หม่าขู่เสวียนหันหน้ากลับไปมอง อาจารย์และศิษย์สองคนเดินห่างมาไกลมากจนใกล้จะถึงประตูเมืองแล้ว มองไม่เห็นเงาร่างของเด็กหนุ่มที่สะพายกล่องไม้นานแล้ว หม่าขู่เสวียนดึงสายตากลับมา สายตาของเขาฉายแววเด็ดเดี่ยว “วันหน้าหากปะทะกับคนอื่นสามารถดูที่สถานการณ์แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะอ้อมผ่านฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาหรือไม่ ขอแค่ท้ายที่สุดข้าคือผู้ชนะก็พอแล้ว แต่กับเจ้าหมอนั่น ไม่ได้! ข้าจะต้องใช้เรือนกายของผู้ฝึกลมปราณขอบเขตห้าสู้กับเรือนกายผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสามของเขาให้สาแก่ใจ!”

บุรุษไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ

หม่าขู่เสวียนขมวดคิ้ว “ทำไมร่างกายและจิตใจขอบเขตสามของเฉินผิงอันถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้? แม้ว่าด้านการหล่อหลอมเรือนกายและจิตวิญญาณของข้าจะทำได้ไม่ดีนัก เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการชักนำวิญญาณวีรบุรุษของภูเขาเจินอู่ แต่คำว่าไม่ดีมากพอของข้าเป็นแค่การเปรียบเทียบกับตัวข้าเองเท่านั้น ทำไมเฉินผิงอันถึงมีเรือนกายและจิตใจที่แข็งแกร่งอย่างไร้เหตุผลแบบนี้ได้?”

บุรุษส่ายหน้า “ต่างคนต่างมีวาสนาเป็นของตัวเอง เรื่องดีๆ ใต้หล้านี้ไม่มีทางที่จะเป็นของเจ้าหม่าขู่เสวียนเพียงคนเดียว”

หม่าขู่เสวียนหลุดหัวเราะพรืด “ขอแค่เป็นจุดที่สายตาของข้ามองไปถึง ไม่ว่าจะเรื่องดีๆ หรือของดีๆ ก็ควรต้องเป็นของข้าหม่าขู่เสวียนเพียงคนเดียว!”

บุรุษคลี่ยิ้มเป็นคำตอบ

เหตุผลหลายอย่างที่ไม่ได้เอ่ยถึง ไม่ใช่ว่าหม่าขู่เสวียนทำถูกแล้ว คำชื่นชมมากมายที่ไม่ได้พูด ก็ไม่ได้หมายความว่าหม่าขู่เสียนทำได้ไม่ดีพอ

ผู้ปกป้องมรรคาเต๋าแค่ต้องปกป้องมหามรรคาใต้ฝ่าเท้าของบุคคลที่ตัวเองพิทักษ์คุ้มครอง ให้เขาเดินไปได้สูงยิ่งขึ้น เดินไปได้ไกลยิ่งขึ้น ไม่มีทางที่จะตายไปกลางคันก่อนวัยอันควร

และหม่าขู่เสวียนก็ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะไปได้สูงมากและไกลมาก

ส่วนเรื่องที่ว่าจะเดินไปได้ถึงก้าวไหน จะสามารถยืนเคียงบ่ากับบุคคลใดในประวัติศาสตร์ อันที่จริงก็เป็นเรื่องที่บุคคลยิ่งใหญ่จำนวนมากของแจกันสมบัติทวีปซึ่งซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังตั้งตารอคอยอยู่เหมือนกัน

เดินไปเดินมา เด็กหนุ่มชุดดำก็ใช้มือหนึ่งกุมท้อง มือหนึ่งจับประคองซีกหน้า สบถด่าเสียงดัง “แม่งเอ๊ย เจ็บจริงๆ!”

———————

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!