สรุปเนื้อหา บทที่ 233.2 – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet
บท บทที่ 233.2 ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เด็กชายเม้มปาก ส่ายหน้าอย่างแรง
มือดาบสีหน้าเย็นชา ก้าวยาวๆ ไปข้างหน้า จับศีรษะของเด็กชายแล้วผลักไปด้านหลัง เด็กชายจึงกระแทกกับกำแพงทางฝั่งนั้น มือดาบใช้ดาบเล่มยาวผ่ากองฟืนแหวกออกเป็นสองฟาก ด้านในมีเด็กหญิงใบหน้าแห้งตอบ ถูกมัดไว้แน่น ดวงตาข้างหนึ่งของนางกำลังมีเลือดสดไหลลงมาไม่หยุด ดวงตาอีกข้างกลับไม่ต่างจากดวงตาของคนปกติ ริมฝีปากของเด็กหญิงเขียวคล้ำ สั่นระริกเบาๆ
มือดาบยกดาบขึ้นหมายจะฟันลงไป เด็กชายตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน คว้ามีดผ่าฟืนเล่มหนึ่งพุ่งเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กหญิง กัดฟันพูด “ถ้าเจ้ากล้าข้านาง ข้าก็จะฆ่าเจ้า!”
เพียงเปิดปากก็พูดภาษาทางการของทวีปอย่างชัดถ้อยชัดคำ ไม่เสียแรงที่ตระกูลจ้าวคือตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองแยนจือ ต่อให้เป็นเด็กชายที่เป็นเพียงบ่าวไพร่ของจวนก็ยังรู้ภาษาทางการของทวีป
มือดาบยิ้มอย่างสง่างาม “เจ้าคนไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่น รู้หรือไม่ว่าความเมตตาเล็กน้อยของเจ้าในวันนี้อาจทำให้คนนับร้อยนับพันต้องตาย”
เด็กชายร่างผอมแห้ง สวมเสื้อผ้าตัวบางๆ กล่าวด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว “ข้าไม่สนใจ ข้าจะปกป้องหลวนหลวน!”
มือดาบถีบเด็กชายที่ถือมีดผ่าฟืนจนตัวปลิว ดาบที่เร็วดุจพายุของเขาฟันใส่เด็กหญิงที่น่าสงสารคนนั้น
เสียงกระพรวนเงินดังขึ้น พายุดาบบดขยี้ดอกไม้สีทองหลายดอกที่บินหมุนคว้างมาถึงจนแหลกละเอียด มือของมือดาบชะงักไปเล็กน้อย แต่คมดาบที่ตวัดลงก็ยังทิ้งรอยเลือดกรีดเป็นรอยยาวชุ่นกว่าไว้บนหน้าผากของเด็กหญิง
หนึ่งดาบถูกขัดขวาง มือดาบไม่ได้โมโห เพียงหันหน้ามามองเด็กสาว ถามว่า “หลิวเกาซิน เจ้าช่วยนางได้หรือ? เรื่องคนกลายเป็นมาร คนอื่นอาจไม่รู้ว่าร้ายแรงแค่ไหน แต่เจ้าที่เป็นผู้ฝึกตนจะไม่รู้เชียวหรือ? ถ้าอย่างนั้นพอถึงเวลาที่สถานการณ์เลวร้ายเกินกว่าจะแก้ไข เจ้าจะเป็นคนจัดการกับเด็กหญิงคนนี้ด้วยมือของตัวเองหรือไม่?”
หลิวเกาซินหน้าซีดขาว ริมฝีปากสั่นระริก “ข้าอดสงสารนางไม่ได้”
มือดาบร้องเฮอะ “คงเป็นเพราะตอนอยู่หน้าจวนประตูจ้าวเมื่อครู่นี้ พวกคนที่กลายเป็นมารถูกข้าสังหารเร็วเกินไป คุณหนูหลิวก็เลยไม่ทันเห็นภาพที่พวกเขากัดกินเลือดเนื้อของชาวบ้านสินะ”
เด็กชายดิ้นรนลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง เขาที่เจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งร่างถือมีดแทบไม่อยู่มือ ปลายมีดสั่นไหว แต่เด็กชายก็ยังหันไปแผดเสียงใส่มือดาบ “เจ้าคนสารเลว แน่จริงเจ้าก็ฆ่าข้าเสียก่อนสิ!”
มือดาบแค่นหัวเราะ “ฆ่าเจ้าแล้วจะมีประโยชน์อะไร”
หลิวเกาซินตาแดงก่ำ หันหน้าไปทางอื่นเพราะทนมองต่อไปไม่ไหว
ด้านนอกมีเสียงคนเอ่ยขึ้นว่า “ช้าก่อน”
มือดาบที่ยืนหันหลังให้ประตูคิดแล้วก็เก็บดาบเข้าฝัก หันตัวมากุมมือคารวะส่งยิ้มให้คนผู้นั้น “ในเมื่อเซียนซือพูดแล้ว ข้าก็ไม่ทำอะไรที่เกินความจำเป็นอีก”
ที่แท้ก็เป็นเฉินผิงอันที่ย้อนกลับมาตระกูลจ้าวอีกครั้ง เขาผงกศีรษะคารวะคืนมือดาบ
เฉินผิงอันก้าวเร็วๆ เข้าไปในห้องเก็บฟืน ทรุดตัวนั่งยองอยู่ตรงหน้าเด็กหญิง พบว่าดูเหมือนเด็กหญิงจะพยายามต่อต้านอาคมมารที่อยู่ในร่างกายสุดกำลัง อีกทั้งต่อให้ดวงตาจะมีเลือดซึมลงมา เจ็บปวดราวกับหัวใจถูกคว้าน แต่นางก็ยังกัดปากแน่น ไม่ร้องออกมาสักเอะ เด็กหญิงพยายามลืมตาข้างที่เป็นปกติขึ้น สายตานั้นเต็มไปด้วยแวววิงวอนขอร้อง คนเราหากยังมีชีวิตอยู่ต่อได้ ใครเล่าจะอยากตาย โดยเฉพาะเด็กที่อายุเพียงเท่านี้
เฉินผิงอันมองเด็กหญิงผู้เข้มแข็ง ยื่นมือไปตบศีรษะของนางเบาๆ อย่างอ่อนโยน พูดเสียงอบอุ่น “ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว เจ็บก็ร้องออกมา ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไร”
เด็กหญิงเงยหน้า ดวงหน้าเล็กๆ ของนางครึ่งซีกมีเลือดสดหลั่งนอง มองเด็กหนุ่มแปลกหน้าที่ส่งยิ้มน้อยๆ มาให้ตนแล้วก็ร้องไห้จ้า
ความน้อยเนื้อต่ำใจบางอย่าง ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ มีเพียงคนที่เคยได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจเหมือนกันเท่านั้นถึงจะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้
ไม่อย่างนั้นต่อให้คนที่อยู่ข้างกายจะมีจิตใจดีงามหรือหวังดีมากแค่ไหน ก็คงไม่สามารถทำให้คนสบายใจได้อย่างแท้จริง
เฉินผิงอันช่วยคลายเชือกให้นาง หมุนตัวกลับหลัง หันหน้ามาพูดกับนางว่า “มา ข้าจะแบกเจ้าไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง ให้คนช่วยเจ้า”
เมื่อสองมือน้อยที่เย็นเฉียบวางลงบนไหล่ เฉินผิงอันก็เอ่ยกับเด็กชายที่ถือมีดผ่าฟืนยิ้มๆ “รบกวนเจ้าใช้เชือกมัดพวกเราไว้ด้วยกัน ข้ากลัวว่าตอนเดินออกไปจะเกิดเรื่อง จะไม่ทันได้ดูแลนาง เจ้าต้องเร็วหน่อย ทำได้หรือไม่?”
“ได้!” เด็กชายโยนมีดผ่าฟืนทิ้ง เช็ดน้ำตาบนใบหน้าลวกๆ รีบวิ่งไปหยุดข้างกายเฉินผิงอันและเด็กหญิง จับคนทั้งสองมัดไว้ด้วยกันอย่างคล่องแคล่วว่องไว
กลับเป็นชายชราคนนั้นที่เดินเร็วๆ ไปหยุดอยู่ข้างเก้าอี้ ย่อตัวลง ยื่นมือไปเปิดเปลือกตาข้างที่มีเลือดซึมของเด็กหญิง กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แม่นางน้อยมีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยม เกิดมาก็มีดวงตาหยินหยางคู่หนึ่ง ดวงตาข้างหนึ่งสามารถมองการเคลื่อนโคจรของปราณวิญญาณในโลกมนุษย์ ดวงตาอีกข้างหนึ่งสามารถมองเหตุภูตผีและวัตถุหยินในยามกลางคืน เดิมทีมีหวังที่จะเดินไปบนเส้นทางของการฝึกตน เพียงแต่ว่าไข่มุกถูกฝุ่นเกาะ ไม่ทันได้พบเจอกับผู้มีความสามารถ ก็ต้องมาเจอกับเคราะห์กรรมครั้งนี้เสียก่อน ดวงตาหยินข้างนี้ตกเป็นที่พักพิงของอาคมปีศาจที่เข้มข้น เปรียบเทียบได้กับสุสานที่ระเกะระกะแห่งหนึ่ง มีปราณสกปรกอบอวลอยู่ทั่ว ต่อให้เป็นชายฉกรรจ์ที่มีพลังหยางเข้มข้นก็ยังต้องร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด น่าสงสารนังหนูน้อยคนนี้จริงๆ”
ผู้เฒ่าช่วยจับชีพจรให้เด็กหญิงพลางเงยหน้าจ้องนิ่งไปที่รอยเลือดในดวงตาของนาง “จิตที่อยากมีชีวิตอยู่รอดของนังหนูน้อยแรงกล้ามาก ตอนนี้จำเป็นต้องใช้ยาวิเศษที่เต็มไปด้วยพลังหยาง…ไม่ถูกสิ ต่อให้เป็นยาชั้นเยี่ยมที่ถูกกับโรค กินลงไปก็ไม่สามารถกำจัดปราณสกปรกที่สั่งสมอยู่ในดวงตาหยินได้ ทำได้ยากมากจริงๆ ตอนนี้บนร่างของข้ามียาลมวสันต์ที่สามารถรักษารากฐานของพลังต้นกำเนิดให้มั่นคงอยู่แค่เม็ดเดียว ได้แค่ช่วยต่อชีวิตของนางไว้ชั่วคราว สิ่งที่ต้องการอย่างแท้จริงคือ…ยันต์วิเศษ อีกทั้งยังต้องเป็นยันต์วิเศษที่ระดับขั้นสูงมากด้วย สามารถชักนำปราณวิญญาณมาสู่ดวงตาหยาง ส่งข้ามไปยังดวงตาหยิน หยินหยางต้านทานกันเอง นังหนูน้อยต้องอาศัยปณิธานและโชควาสนาของตัวเองถึงจะมีโอกาสรอดชีวิต แต่ยันต์วิเศษแบบนี้จะไปหามาจากที่ไหน ต่อให้นังหนูได้ยาของข้าไปต่อชีวิตก็ถ่วงเวลาไว้ได้ไม่นานหรอก”
ระหว่างที่พูด ผู้เฒ่าก็หยิบกล่องไม้จื่อถานขนาดเล็กใบหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ เปิดออกก็เผยให้เห็นว่าด้านในมียาสีเขียวส่งกลิ่นหอมสะอาดโชยมาปะทะจมูกอยู่เม็ดหนึ่ง แล้วเขาก็จับป้อนให้เด็กหญิงกินลงไปอย่างไม่ลังเล
เฉินผิงอันที่นั่งอยู่อีกข้างถามเสียงเบา “ท่านผู้อาวุโส หากเป็นยันต์ปราณหยางส่องไฟ จะได้หรือไม่?”
ผู้เฒ่ามีท่าทางตะลึงระคนดีใจก่อนเป็นอันดับแรก แต่ต่อมาก็ยิ้มเฝื่อน “ได้สิ ทำไมจะไม่ได้! ในบรรดายันต์พันพันหมื่นชนิดในใต้หล้า ยันต์ปราณหยางส่องไฟนี้มีระดับสูงส่งยิ่ง คือหนึ่งในยันต์วิเศษที่ถูกกับโรคนี้มากที่สุด ได้ผลทันตาเห็น เจ้ามีจริงๆ รึ? แถมยังไม่ใช่ของปลอมด้วย? ต้องรู้ว่าบนโลกใบนี้มีพวกผู้ฝึกลมปราณที่ถูกความโลภบดบังจิตใจอยู่มากมาย ของเลียนแบบยันต์ประเภทนี้จึงมีมากอย่างถึงที่สุด เอามาใช้สวมรอยของจริง ส่วนใหญ่มักจะเรียกเป็น ‘ยันต์ยืมหยาง’ เอามาขายราคาสูงเป็นร้อยเท่า…”
เฉินผิงอันกล่าวเสียงหนัก “ในมือข้ามีอยู่แผ่นหนึ่ง!”
เฉินผิงอันลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวข้ากลับมา”
ผู้เฒ่าไม่แปลกใจ เพียงแค่เอ่ยเตือนว่า “ต้องเร็วหน่อย”
ผู้ฝึกลมปราณที่ไหนจะเอาทรัพย์สมบัติส่วนตัวมาเปิดเผยต่อหน้าคนนอก
เจ้าเมืองหลิวค้อมเอวก้มหน้า มองเด็กหญิงที่อยู่ในสภาพน่าสังเวชสองทีก็ดึงสายตากลับ เดินไปดูแผนที่บนโต๊ะต่ออีกครั้งอย่างรวดเร็ว
หญิงชราที่อุ้มกระบี่ยาวไว้ในอ้อมอกเปิดเปลือกตาขึ้น ปรายตามองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มแล้วหลุดหัวเราะพรืด
—–
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!